ต้นหอม ตื่นเต้น ลูกใกล้คลอด แม่ๆคนบันเทิงยื่นมือช่วย การเงินพร้อมมาก ลุ้นสัมพันธ์ ซัน

จะเป็นแม่แล้ว ดีเจต้นหอม ศกุนตลา เทียนไพโรจน์ มาร่วมงาน นิตยสาร GQ THAILAND จัดงาน “GQ MEN OF THE YEAR 2018” มอบรางวัลแก่ผู้ทรงอิทธิพลในสาขาต่างๆ ประจำปี 2018 ที่ The Club @ KOI ชั้น 39 สาทรสแควร์ พร้อมให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องที่โพสต์อินสตาแกรมว่ากำลังจะมีลูกบุญธรรม เร็วๆ นี้

ลูกบุญธรรมจะคลอดเมื่อไหร่?วันที่ 5 ธ.ค. ค่ะ ให้เป็นไม้แรกของคุณหมอเลย ตั้งแต่เช้าเลย”

เตรียมตัวยังไงบ้าง? “ตอนนี้พอเริ่มใกล้จริงๆ ก็เริ่มตื่นเต้น เพราะว่าเขาไม่ได้อยู่ในท้องเรา 9 เดือน ฉะนั้นความผูกพันเราระหว่าง 9 เดือนมันยังไม่มี แต่พอใกล้จะคลอดเราก็คิดว่าเราต้องรับผิดชอบในฐานะแม่แล้วนะ ตอนนี้ก็ขอคำแนะนำจากคนที่เขาขายของเด็กนะคะ (ยิ้ม) จากคนที่เขาติดต่อเราเข้ามา เราก็ปรึกษาเขาเลยว่าหอมต้องเตรียมของอะไรบ้าง และก็มีไลน์ไปหานิวเคลียร์ (หรรษา) เขาก็จดมาให้ว่าของเด็กต้องมีอะไรบ้าง ไม่ใช่น้อยๆ นิวเคลียร์ก็จดมาสองหน้ากระดาษใหญ่ๆ เราก็ตกใจว่าต้องเตรียมของเด็กขนาดนี้เลยเหรอ ก็เลยขอให้พวกแบรนด์สปอนเซอร์ต่างๆ ช่วยเราหน่อย

ถามว่าจริงจังไหม จริงจังเลย เพราะที่นิวเคลียร์จดมาให้ บางอันเราไม่เข้าใจว่าส่วนไหนใช้อะไร ก็เลยรบกวนให้ช่วยติ๊กให้หน่อยว่าอะไรที่เราต้องหา แต่ปรากฏว่าแบรนด์สินค้าต่างๆ เขาก็ช่วยเราได้เยอะมาก จนตอนนี้แทบจะไม่ต้องเตรียมอะไร แต่ก็มีไปขอคำแนะนำจากกุ๊บกิ๊บ (สุมณทิพย์) เพิ่ม กุ๊บกิ๊บก็นัดวันศุกร์นี้ จะพาไปเลือกซื้อของ ก็น่าจะได้ข้อมูลจากเขา เพราะเขาก็เพิ่งเลี้ยงเด็กมา”

จริงจัง ลงทุนมาก? “(ยิ้ม) ใช่ค่ะ เพราะคนจะนึกภาพไม่ออกว่า ในการที่หอมจะเป็นแม่ คือตามหลักมันควรจะอุ้มท้องมา 9 เดือนก่อน แล้วความเป็นแม่มันจะออก”

คนสงสัยว่าทำไมเราถึงต้องมารับหน้าที่แม่? “จริงๆ เขาคือหลานของเราแหละ แต่เขาเกิดมาในจังหวะที่พ่อกับแม่ไม่ได้พร้อม เพราะว่าเพิ่งคลอดลูกคนแรกไป และคุณแม่เป็นคนสิงคโปร์ ซึ่งก็ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลแบกมาเมืองไทย โดยที่ไม่ได้มีงานที่นี่ทำ เขาอยู่สิงคโปร์เขาเป็นอินทีเรีย แต่พอได้กับน้องเรา น้องเราก็พามาลำบากที่เมืองไทยนี่แหละค่ะ ซึ่งเขาก็ยังไม่มีงานทำ ตอนนี้ก็เปิดร้านสักคิ้วให้เขา ซึ่งก็ไปได้ดี แต่มันเพิ่งเริ่มต้น แต่ยังไม่มีความพร้อมสำหรับการเลี้ยงลูกถึงสองคน แล้วตัวเราเองก็อยากมีลูกอยู่แล้ว

คือเราเคยขอเขาตั้งท้องให้แล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นเขาบอกว่าไม่เอา เพราะตอนนั้นเขาบอกไม่ไหว แต่พอเขามีปุ๊บ เราก็เลยบอกว่าคนนี้เราขอ อย่าเอาเด็กออก เราเอาเอง เพราะว่าตามกฎหมายสิงคโปร์เขาให้เอาออกได้เมื่อคุณแม่ไม่พร้อม และพอดีน้องก็เกิดมามีปัญหาด้วยตอนแรก

เพราะว่าคุณแม่ไม่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ ก็กินผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเรา ซึ่งมันเป็นลดน้ำหนัก ทำให้กินน้อย แล้วพอกินน้อยร่างกายไม่มีอาหารไปเลี้ยงเด็ก เพราะเด็กมันต้องกินเยอะกว่าปกติ ร่างกายก็เลยทำการขับเด็กออกโดยการทำให้มีเลือดไหล

เขาก็เลยเข้าใจว่าประจำเดือนมาแล้ว มันเป็นความเข้าใจผิดปะปนกันไปหมด ซึ่งโดยความพร้อมคุณหมอก็บอกว่าไม่แน่ใจว่าเด็กคนนี้จะยังฝังตัวอยู่ไหม เราก็เลยบอกว่าถ้าน้องเขาจะเกิดจริงๆ และสมบูรณ์จริงๆ เราจะรับเอง

แต่ถ้าเกิดเขาเกิดมาโดยความไม่พร้อมสภาพร่อแร่แล้ว ก็แล้วแต่คุณแม่ตัดสินใจ เพราะตามกฎหมายสิงคโปร์เขาสามารถเอาน้องออกได้ เราก็เลยรอมาเรื่อยๆ จนคุณหมอมั่นใจว่าตอนนี้น้องปลอดภัยแล้ว และแข็งแรงดี เราก็เลยบอกว่าปัญหาเรื่องนี้ไม่ต้องห่วง เรารับไว้เอง”

เรื่องความพร้อมของเรามีขนาดไหน? “หอมเป็นไฟท์เตอร์นะ หอมเป็นนักสู้ หอมรู้สึกว่าอะไรที่เราไม่เคยทำแต่หอมเชื่อว่าเราทำได้และหอมจะผ่านไปได้ เพียงแต่น้องอาจจะไม่ได้พูดเพราะเหมือนน้องอลิน น้องอลัน (หัวเราะ) คือเราดูโอปอล์ เราดูทุกคนในการสอนลูก เราก็ดูแพท ณปภา เราก็บอกว่าแพทสอนลูกดีมากเลย เพราะลูกเราก็เป็นลูกชาย เราก็พยายามดูทุกคนว่าสอนลูกยังไง เพราะเราเป็นคนพูดไม่เพราะ เวลาพูดกับหลานซันก็จะตีว่าอย่าพูดอย่างนี้ ไม่เหมาะกับเด็ก ดีออกห้ามพูด เขาเป็นเด็ก เราก็มาคิดว่าแล้วเราจะเป็นคุณแม่แบบไหน”

แล้วต่อไปเราจะกังวลไหม เพราะจริงๆ เขาก็ไม่ใช่ลูกเรา? “หอมกังวล เพราะเขาเป็นลูกดารา ถ้าไม่ใช่ลูกดาราหอมก็จะเลี้ยงแบบที่พ่อแม่เราเลี้ยง ก็คือไม่ต้องสุภาพมากมาย (หัวเราะ) ก็เป็นสไตล์เรา แต่เมื่อเป็นลูกดาราปุ๊บ ทุกคนก็มาวุ่นวายกับเราเยอะมาก ห้ามทำอย่างนั้น ห้ามทำอย่างนี้ ก็กลายเป็นว่าเลี้ยงลูกยังไงให้เป็นดารา”

แล้วจะสร้างเกราะตัวเองยังไง? “จะบอกว่าทุกคนไม่ต้องมายุ่งกับลูกฉัน มันก็เป็นไปไม่ได้ แม้กระทั่งตัวเราที่เลี้ยงเราก็ยังไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้เต็ม 100% ก็อาจจะใช้วิธีแบบโอปอล์คือพูดเพราะและใจเย็นกับลูก ถ้าอะไรที่ไม่เข้าใจจะถามโอปอล์ก่อนเลย เรารู้สึกว่าเขาเลี้ยงลูก แล้วลูกเขาเข้าใจเขาดี เพราะหอมจะกลัวว่าถ้าวันหนึ่งลูกกรี๊ด ถ้าเป็นนิสัยตัวเองก็คงกรี๊ดกลับ (หัวเราะ)”

เรื่องเอกสารเตรียมเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย? “เรื่องเอกสารจริงๆ หอมก็ยังไม่มีความรู้ว่าต้องยังไง แต่ทั้งหมดลูกก็มีชื่อเราเป็นแม่ แต่ไม่รู้ว่าต้องดำเนินการยังไงบ้าง”

แล้ว ซัน (ประชากร) จะเป็นพ่อเลยใช่ไหม?คุณซันไม่ใช่พ่อนะคะ หลายคนจะเข้าใจอย่างนั้น เพราะสุดท้ายเด็กก็คือหลานหอม นี่คือภาระของเรา ซันอย่าว่าแต่ลูกเลย แค่แต่งงานซันก็ยังไม่พร้อม ถ้าจะบอกว่าไม่ต้องแต่งก็ได้แล้วมีลูกเลย หอมว่ามันกดดันเขาเกินไป และเราก็ผลักภาระไปทางนั้นเกินไป คือเขาก็เหมือนเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเรา วันนี้หอมก็เหมือนรับผิดชอบหลานหอมแหละ แต่ในฐานะลูก”

แต่ซันจะมาช่วยเลี้ยงใช่มั้ย? “ซันพูดว่าซันจะช่วยเลี้ยง แต่การเลี้ยงเด็กจริงๆ หลายคนบอกว่าไม่ง่ายเลยนะ ถามว่าจะมีผลต่อความสัมพันธ์ของเราหรือเปล่า หอมก็ไม่รู้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นคือสิ่งที่หอมไม่รู้ ซันถามว่าวันนี้น้องจะมาอยู่ยังไง เราจะมีชีวิตยังไง หอมยังหาคำตอบให้ไม่ได้ แล้วเราก็จะเรียนรู้ไปด้วยกันว่าไหวหรือไปต่อ ถ้าไม่ไหวก็มานั่งคุยกัน

เตรียมรับดราม่าเรื่องเด็กแล้วใช่ไหม? “จะต้องมีใช่มั้ย เพราะตอนนี้ก็หนักพอแล้ว (หัวเราะ) เหนื่อยพอแล้ว”

ถ้าเราแต่งงานและมีลูกของตัวเองจริงๆล่ะ? เราไม่น่าจะตั้งครรภ์ได้ค่ะ เพราะไปเช็คกับคุณหมอ คุณหมอบอกว่าไข่หอมน้อยมาก มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์น้อยมาก ซันก็รู้ เพราะวันที่บอกคุณหมอก็ถามว่าพูดต่อหน้าซันได้มั้ย หอมก็บอกว่าพูดได้เลย เช็คมาเรียบร้อยแล้วค่ะ ดังนั้นการมีลูกบุญธรรมก็คือเอาไว้ก่อนเลย ดีเลย ซึ่งโอกาสของเราจริงๆ ก็ต้องไปลุ้นกับไข่ที่เราเคยฝากไว้ ซึ่งปกติเขาฝากกัน 10-20 ใบ เขายังติดกัน 1-2 ใบ ของเราเหลือแค่ 6 ใบเอง ถ้าเกิดหอมจะไปผสมจริงๆ หอมคงไปตระเวนไหว้พระทั่วประเทศเลยล่ะ (หัวเราะ)

แต่จริงๆ เราอยากมีลูกของเราเองใช่ไหม? “อยากมีค่ะ หอมรักเด็ก และอีกอย่างสถานะการเงินมีความพร้อมมากค่ะ (ยิ้ม) ก็ให้ลูกเขาเกิดมา เพื่อให้เรามีลูกด้วยค่ะ พูดเล่นนะคะ อย่าดราม่านะ (หัวเราะ)”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน