“หมู-ดิลก”เผยชีวิตผกผัน จากพระเอกสุดฮอตสู่คนขายประกัน มีเงินติดตัว 27 บาท

หมู-ดิลก เปิดใจชีวิตผกผัน จากพระเอกสุดฮ็อต สู่คนขายประกัน หมดบ้าน หมดรถ พีคสุดเหลือเงินติดตัว 27 บาท

นักแสดงรุ่นใหญ่ ผู้ได้ฉายา อ.ทุกสถาบัน อย่าง หมู-ดิลก ทองวัฒนา ที่ล่าสุด อาหมูได้มาเปิดใจ ถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง ONE31 มี พีเค-ปิยะวัฒน์ และชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกร

หมู-ดิลก

คุณอาจำได้มั้ยว่าเป็นพ่อใครมาแล้วบ้าง?
หมู “เอาแบบคนที่ไม่เคยเป็นลูกดีกว่า น่าจะมี ณเดชน์ นอกนั้นน่าจะเคยเป็นหมดแล้ว”

ช่วงนี้ฮอตมาก คิวแน่นขนาดไหน?
หมู “ก็ทำงาน 7 วัน ถ่ายละครหมดเลย ประมาณ 5 เรื่อง เรื่องการแบ่งคาแร็กเตอร์ก็เริ่มตั้งแต่เราอ่านบท ก็เปรียบเหมือนเราแบ่งสีของตัวละคร”

ณ ตอนนี้ความเป็นพ่อฮอตกว่าตอนเป็นพระเอก จริงหรือเปล่า?
หมู “ถ้าในแง่ของปริมาณงานน่าจะมากกว่า เพราะพระเอกจะรับงานได้เรื่อง สองเรื่อง แต่พอมาเป็นดาราสนับสนุน มาเป็นพ่อเนี่ย มันก็ไม่ใช่เราทุกวันแล้ว เราก็สามารถซอยวันได้ ถ้าถามอันไหนดีกว่า พ่อดีกว่า”

สำหรับครอบครัว ทองวัฒนา อาเป็นคนแรกเลยใช่ไหมที่ซื้อบ้านให้ตัวเอง อันนี้จริงมั้ย?
หมู “ทองวัฒนามันมีหลายแวดวง หลายสาขา เฉพาะแวดวงแถวบ้านอาเอง ต้องบอกว่าอาอยู่บ้านเช่ามาตลอด ไม่เคยมีบ้านเป็นของตัวเอง จนมาเป็นอาชีพนักแสดง ก็เก็บเงินซื้อบ้านเป็นของตัวเอง ตอนนั้นเป็นเรือนหอใช้ชีวิตแต่งงานครั้งแรก”

ตอนนั้นแต่งงานช่วงไหน?
หมู “เป็นพระเอกได้สัก 4-5 ปี ก็แต่งได้ 7 ปี ซึ่งชีวิตคู่ไม่จำเป็นต้องยึดว่าเขาต้องเป็นของเรา วันหนึ่งเขามีสิทธิ์ที่จะเดินออกไปจากชีวิตได้ แต่การเดินออกไปจากชีวิตคู่ของอาเนี่ยมันก็มีคนหนึ่งที่ต้องเจ็บปวด ซึ่งในช่วงนั้นรู้สึกว่าอาเป็นคนเจ็บ และทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนแต่งงาน อาก็เดิมพันต้นทุนของชีวิตอาไปให้หมด”

ทั้งหมดที่อาเก็บสะสมมา ตอนที่แยกกัน อายกให้เขาหมด?
หมู “ใช่ครับ ตอนหลังพอมันจบลงด้วยการหย่าร้าง เนื่องจากไม่ได้ตกลงกันก่อน มันก็ต้องมีคนหนึ่งที่บอกว่า โอเคไม่ได้รับอะไร ซึ่งอาเป็นคนไม่ได้รับอะไรตรงนั้น”

แสดงว่าตอนนั้นอาไม่มีอะไรติดตัวเลย?
หมู “ใช่ครับ ก็ต้องเดินออกมาแบบนั้น คือทุกอย่างตอนนั้นมันเป็นสินเดิม อายกให้เป็นสินเดิมก่อน อาไม่มีสินสมรส ซึ่งมันก็ไม่สมดุลกับชีวิตในเวลานั้น ชีวิตพระเอกเนี่ย การมีชื่อเสียง การอยู่ในวงการเนี่ย ไปที่ไหนคนก็รู้จัก คนจำได้ มันก็มีความสุขดี ถ้ามีเงินในกระเป๋า แต่ถ้าความไม่สมดุลเกิดขึ้น คือเงินไม่มี แต่ความดังยังเกิดขึ้นอยู่ชีวิตมีปัญหา”

ตอนนั้นคุณอาเลือกใช้เส้นทางไหน เริ่มต้นชีวิตใหม่ยังไง?
หมู “ถ้าเราตั้งสติให้กับตัวเองได้ เรายอมแพ้ซะ ยอมแพ้ก็คือสถานการณ์เป็นแบบนั้นจะเอาชนะมันหรอ คนสองคนมาอยู่ด้วยกัน อีกคนหนึ่งไม่อยู่ จะเอาชนะ จะให้เขาอยู่หรอ ซึ่งตอนที่แยกทางกันก็ไม่มีใครรู้ มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรพูด เป็นเรื่องที่อาไม่อยากบอก ไม่อยากให้ใครมานั่งตีความหมายในชีวิตเรา”

ตอนนั้นคุณอาใช้ชีวิตยังไง บ้านก็ไม่มี รถก็ไม่มี เงินติดตัวน้อยมาก?
หมู “ชีวิตเหมือนไม่มีทางไป แล้วก็ไม่มีความเชื่อเหลืออยู่ว่าจะกลับมายืนที่เดิมได้แล้ว การสูญเสียครั้งนั้นเป็นการสูญเสียที่เข้ามาหลายอย่าง ที่ต้องรับมือ คือ สูญเสียชีวิตคู่ สูญเสียเรื่องงาน ช่วงที่ดีที่สุดของอากำลังจะจบไป แล้วชีวิตทรัพย์สินก็มีปัญหา เงินทองก็มีปัญหา”

มีจุดท้อหนักสุดขนาดไหน?
หมู “มันหาตัวเองไม่ได้ ได้แต่โทษสิ่งแวดล้อม โทษคู่ โทษไปมันก็ไม่มีประโยชน์ ก็เลยได้จุดและได้สติ หลังจากผ่านไปปีกว่าๆ ซึ่งปีกว่าๆ ที่ผ่านไปอยู่กับน้ำตาทุกวัน บางทีร้องไห้ไม่มีสาเหตุ บางทีเราตั้งคำถามผิด ชีวิตมันก็ผิดเลย”

เคยเป็นหนักถึงขั้นคิดจะไปจากโลกใบนี้มั้ย?
หมู “คนเราเวลาสุข คู่กับทุกข์มันอยู่กับตัวเราตลอด ในช่วงเวลานั้นที่มันทุกข์มากๆ ถึงขนาดจะไปเลยก็มี แต่เป็นแค่ความคิด ที่เป็นช่องทางหนึ่งของการหาทางออกของมนุษย์ เป็นการแก้ปัญหา แต่ว่าในที่สุดแล้วเรายังมีแม่ ยังมีครอบครัว เราก็ต้องมองอีกด้าน พลิกตัวเอง มองตัวเองมากขึ้น หาวิธีแก้ปัญหา ต้องสู้แล้ว ปรากฏว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาในชีวิต เข้ามาตกลง อาก็เลยก้าวมาอีกอาชีพนั่นก็คืองานขายประกัน”

อ่านข่าวเพิ่มเติม : โตแล้วหล่อไม่แพ้พ่อ ‘น้องยูกิ’ลูกชาย‘พี่หมู ดิลก’ ดีกรีเดือนมหาลัย-น.ศ.แพทย์
อ่านข่าวเพิ่มเติม : โตแล้วสวยมากๆ เปิดตัวลูกสาวดารารุ่นเก๋า‘ดิลก ทองวัฒนา’ น่ารักตะมุตะมิสุดๆ

อาเข้ามางานขายประกันได้ยังไง?
หมู “ภรรยาอาเขาชวน ตอนนั้นเราไม่มีต้นทุนอะไรมากมาย ก็เลยคิดว่าไปทำอะไรก็ได้ ที่มันใช้ความพยายาม ใช้ความทุ่มเท ตอนนั้นก็มีเพื่อนๆ ทำอยู่แล้วมันสำเร็จไปได้ดีเราก็เลยตามเขาไป”

พอคนจำภาพอาตอนเป็นพระเอกแล้วตัดภาพมาเป็นคนขายประกัน ตอนนั้นรับมือกับความรู้สึกนั้นยังไง?
หมู “ก่อนจะไปถึงสายตาคนอื่น สายตาตัวเองต้องมองก่อน ตัวเองก็ยังไม่ยอมรับตัวเอง จะไปทำอาชีพอื่นได้มั้ย ถ้าไปทำงานขาย ขายให้คนอื่น เขาสงสัยในตัวเราก็ไม่มีใครชอบหรอก แต่วันหนึ่งมาคิดว่า คนเราเกิดมาเพื่ออะไร จริงๆ เราเกิดมาเพื่อทำงาน งานอะไรก็ได้ที่มันสุจริต”

มีโดนดูถูกกับอาชีพตรงนี้มั้ย?
หมู “อาจจะมีด้วยความรู้สึกเรามั้ง แต่ที่ชัดเจนที่สุด ก็คือในระหว่างคุยกัน เราก็ไม่รู้ว่าเขาฟังที่เราอธิบายการขายของเราหรือเปล่า แต่มันจะมีบางจังหวะ ที่เขาแอบเข้าห้องน้ำแล้วกลับมานั่ง แล้วยื่นโน้ตมาให้แล้วเขียนว่าอธิบายเสร็จออกจากบ้านไปด้วย เขาไม่ซื้อ เราก็รับมาแล้วไปอ่านในห้องน้ำแล้วน้ำตาก็อยู่ในนั้น มันก็เป็นความรู้สึกสงสารตัวเอง แต่จริงๆ มันเป็นสิทธิของลูกค้า แต่สุดท้ายก็ปรับตัวเองใหม่ ถามตัวเองว่าตั้งใจทำอาชีพนี้ใช่มั้ย ก็ตอบตัวเองว่าใช่”

จุดนั้นถือเป็นจุดที่ต่ำสุดของชีวิตมั้ย?
หมู “ถ้าผ่านมาถึงวันนี้ ผ่านจุดนั้นมาได้ ก็น่าจะเป็นจุดที่ยากลำบากในการที่จะผยุงตัวเอง”

ช่วงนั้นขายประกันไม่ได้เลย แล้วมีเงินติดตัว 27 บาท?
หมู “ใช่ คือที่เหลือเงินแค่นั้นก็เพราะว่า หลังจากที่ทำงานไปได้ 6-7 เดือนเนี่ย อากับแฟนรู้สึกว่าชีวิตนี้มันต้องสร้างด้วยกัน แล้วถ้าหากว่า ถ้าเราจะมีหมุดหรือมีหลักที่จะไปบอกแฟนเราได้ก็คือ บ้าน เอาเงินไปดาวน์บ้าน คือเงิน 2 รวมกันแล้ว เหลือ 27 บาท แล้วเดือนต่อไปจะเจออะไรก็ต้องสู้กันไป”

ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 14.00-15.00น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน