แทค แจงยิบแต่งฟ้าแล่บ-ภรรยาป่อง5เดือน รับแพ้ท้องแทน เตรียมสักหน้าลูกที่หลัง
วันที่ 11 ม.ค. ที่ สตูดิโอช่อง วัน นักแสดงหนุ่ม แทค ภรัณยู โรจนวุฒิธรรม ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าว ถึงเรื่องการแต่งงานสายฟ้าแล่บ กับไฮโซสาว เบลล์ อดิราภ์ เองตระกุล อายุ 30 ปี พร้อมกับยอมรับว่าตอนนี้กำลังจะเป็นว่าที่คุณพ่อ เพราะฝ่ายหญิงตั้งครรภ์ 5 เดือนแล้ว
โดย แทค เผยว่า “ตอนนี้ดีครับ อย่างที่เป็นข่าวออกไปนะครับ ไม่มีอะไรมากครับ เราคบกันมา 2-3 ปีแล้วครับ ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้น ถามว่าวันนั้นใช่วันแต่งงานผมมั้ย เรียกว่าทำบุญเฉยๆ ดีกว่า ไม่ได้จัดงานแต่งงานอะไรมากมาย ก็แค่ให้คุณพ่อคุณแม่เจอกัน ทำบุญกัน”
เล่าบรรยากาศวันนั้นว่าเป็นอย่างไรบ้าง
“มันคือปกติธรรมดา ซึ่งผมก็เคยพูดอยู่แล้วว่า ถ้าจะมีครอบครัวก็คือมีน้องเลย อายุ 35 ซึ่งปีนี้ผมก็ 35 แล้ว ก็ทำบุญปกติ ตอนแรกกะว่าจะไม่จัด แต่ว่าเราต้องให้เกียรติคุณพ่อคุณแม่ของฝ่ายน้องเค้าด้วยก็จัดพิธีเล็กๆ ประมาณ 6 โมงเช้า ถึงประมาณเที่ยงแล้วหลังจากนั้น ผมก็ไปถ่ายละครต่อ ไม่ได้หยุด”
ฝ่ายหญิง เขาคิดเหมือนกันหรือเปล่า
“เขาให้ผมเป็นคนตัดสินใจอยู่แล้ว แต่ก็ต้องให้เกียรติคุณพ่อคุณแม่เขาด้วยเราเลยจัดพิธีเล็กๆ อบอุ่นแค่นั้นพอ”
ทำไมถึงเลือกวิธีทางศาสนา
“เพราะผมนับถือศาสนาพุทธ ผมก็ต้องทำพิธีพุทธ ที่สำคัญก็คือได้มีโอกาสเจอพระสังฆราชด้วยและรองท่านด้วย เลยรู้สึกดีใจและเป็นเกียรติมาก แต่นี้ผมก็แฮปปี้มากแล้วครับ”
ก่อนหน้านี้ได้ไปสู่ขอน้องอย่างเป็นทางการมั้ย
“เป็นขั้นเป็นตอนปกติครับ แต่ผมไม่ได้เปิดเผยเฉยๆ ผมเข้าตามตรอกออกตามประตู ผมทำตามประเพณีทุกอย่าง”
คนมองแต่งฟ้าแล่บ
“มันไม่ได้ฟ้าแล่บนะ ผมก็ใช้ชีวิตปกติของผม ผมวางแผนของผมเรียบร้อยแล้วว่าจะเป็นอย่างไรมันก็ออกมาตามสเต็ปตามที่ผมทำ”
หลายคนสงสัยเรื่องแฟนสาว คบมา 3 ปีไม่มีข่าวเลย
“เราอยากจะลองศึกษากันไปว่าไลฟ์สไตล์เป็นแบบนี้ เขารับได้มั้ย เขาจะรับในสิ่งที่ผมเป็นได้มั้ย ศึกษากันแบบเงียบๆ ไม่ต้องเอิกเกริกมาก ถ้ามันใช่ก็จัดเลยครับ”
รู้จักกันได้อย่างไร รู้จักกันมา 3 ปีแต่ไม่มีใครรู้
“ไปเจอกันในงานอีเวนต์ จากนั้นก็พูดคุยกัน และสนิทกัน และคุยกันมาเรื่อยๆ ซึ่งเขาเข้าใจที่คุยกันแต่ไม่เปิดเผยครับ เราก็ศึกษากันไปเรื่อยๆ ตอนนั้นเขาเป็นคนพิเศษคนนึงที่เข้ามาคุยกัน เวลาไปไหนมาไหนด้วยกันผมก็ไปปกติเลยครับ มันไม่ต้องปิด ต้องเปิดอะไร ในชีวิตผมมันก็ธรรมดา 2-3 ปี ที่คบกันคุณพ่อคุณแม่ก็รู้ ไม่ได้ปิดกั้นอะไร”
อะไรที่ตัดสินใจให้เขาเป็นคนพิเศษ
“เขาไปมาหาสู่คุณพ่อคุณแม่ของเรา แล้วเราก็ไปมาหาสู่คุณแม่ของเขา มันก็เริ่มเป็นการผูกพัน และเกิดความรักขึ้นมา ในเมื่อความรักมันมาถึงจุดที่พร้อมแล้ว ก็มีน้องได้เลย เพราะว่าเราก็อายุ 35 แล้ว ถ้าจะมีลูกตอนอายุ 40 ก็ไม่ไหว วิ่งตามลูกไม่ทัน มันก็มีน้องเลยดีกว่า”
การมีน้องเป็นการวางแผนของเราสองคนหรือความบังเอิญ
“เราวางแผนกันเรียบร้อยแล้ว ที่ผ่านมาผมเคยให้สัมภาษณ์ว่าถ้าจะแต่งงานคือผมจะมีลูกเลยนะ”
ระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา เราบอกว่าโสด และก็มีข่าวกับสาวๆมาเรื่อยๆ
“มันคือสิ่งที่ผ่านมาแล้ว ตอนนี้เป็นเรื่องของปัจจุบัน ผมมีครอบครัวแล้ว แน่นอนว่าครอบครัวต้องมาก่อน ลูกต้องมาก่อน”
แสดงว่าก่อนที่เราจะแต่งงาน แสดงว่าเราก็คบกับ ตาล นางแบบสาว
“กับตาลผมรู้จักมานานแล้ว เขาทำงานเกี่ยวกับวงการหรือเปล่าผมไม่แน่ใจ เราก็มีเฟซบุ๊กกัน พอเขาพิมพ์อะไร ผมก็เข้าไปพิมพ์กวนเท่านั้นเอง มันก็เลยมีเรื่องมีราวขึ้น ไม่ได้เจอกันมาปีกว่าแล้วครับ”
เขาช็อกกับสิ่งที่เราเซอร์ไพรส์แต่งงาน
“เขาช็อกผมก็ไม่รู้ว่าเขาช็อกอะไร ถ้าถามว่าเขามีความหวังในตัวผมหรือเปล่า โอ้โห มีความหวังในตัวผมเลยเหรอ คือผมบอกเลยว่าผมไลน์ไปถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาบอกว่าไม่มีอะไร เขาก็เม้นต์ไปตามปกติของเขา แล้วผมก็เม้นต์ไปแค่นั้นเอง”
แล้วที่เขาบอกไปสิ ไปสิ คืออะไร
“เขาก็แค่บอกว่าก็ไปสิ เป็นคำสั่นๆ แค่นั้นเองไม่ได้มีนัยยะอะไรเลย ผมจะไปมีนัยยะอะไรกับใคร ผมไม่ได้คบซ้อน ถ้าเขาจะออกมาพูดถึงความสัมพันธ์กับผมเป็นหนังคนละม้วน ผมว่าไม่มีหรอก ไลน์ไปถามเลย คือก่อนหน้านี้ผมไลน์ไปถามเขา ว่ามันเกิดอะไรขึ้น มีประเด็นอะไรขึ้น แล้วเราก็แค่อยากรู้คำตอบ ว่าเขาระบายอะไรหรือเปล่า เขาก็บอกว่าระบายเรื่องปกติของเขา แล้วผมเข้าไปเม้นต์ปกติ ผมชอบเม้นต์แซวเขาอยู่แล้ว”
เบลล์ ภรรยาเรา เข้าใจไหม
“เขาก็รู้แต่เราก็ไม่มีอะไรมาก คือเราให้ความมั่นใจกับเขาระดับหนึ่ง และเขาก็คงเข้าใจสไตล์ผมด้วย ว่าเป็นคนแบบนี้ เรื่องเพลย์บอยผมบอกเลยว่าเป็นเรื่องอดีตไปแล้ว ตอนนี้คือปัจจุบัน ผมมีครอบครัวผมมีลูกแล้ว ตอนนี้คำว่าแบดบอยเปลี่ยนเป็นแฟมิลี่แมนดีกว่า จบนะ แล้วที่ถามว่าเป็นเสือถอดเขี้ยวเล็บไหม คือพี่ครับ เสืออย่างไรก็เป็นเสือเว้นแต่ว่ามันจะจำศีลอยู่หรือเปล่า”
ตอนนี้จำศีลหรือเปล่า
“ต้องจำศีลสิ อย่าลืมนะ ว่าพ่อตาผมเป็นตำรวจ และที่สำคัญผมมีพี่เขยโหดนะ(หัวเราะ) ผมก็ต้องจำศีลสิ”
เราให้ความมั่นใจครอบครัวเขาอย่างไร
“เอาใจล้วนๆ เลย เอาใจไปเลย ผมไม่มีอะไรผมพูดเลย”
มีลูกรู้สึกอย่างไร
“แน่นอนว่าความรู้สึกแรกคือต้องวิ้งก่อน วิ้งว่ามันต้องทำอะไรต่อ มีท้องแล้วเราต้องไปสเต็ปไหน ต้องทำตัวอย่างไร และมันจะคิดไปต่างๆ นานาว่า เกิดมาเขาจะสมบูรณ์ไหม เขาจะเป็นอะไรไหม ตอนนี้ทราบเพศลูกแล้ว ได้เพศชายครับ ส่วนชื่อน้องคือชื่อที่อยู่ในท้องในเวลา 4-5 เดือนที่คุยกับลูก ผมก็เรียกเขาว่าพารัน เพราะผมชื่อภรัญยู”
ตอนนี้ภรรยาเราท้องกี่เดือนแล้ว
“ประมาณ 4-5 เดือนแล้วครับ ผมแพ้ท้องแทนครับ ทุกวันไม่เคยอยากกินกระท้อนก็อยากกินครับ ไม่เคยจะกินมะขามก็กิน แล้วก็เป็นผื่นกุหลาบ ซึ่งมันจะมีแค่คนท้องที่เป็น ผมก็เป็น อยากกินอุทัยทิพย์ แปลกมาก ไม่เคยเจอเลย(หัวเราะ) ก็แพ้ท้องแทนเขาครับ ตอนนี้พาภรรยาไปฝากครรภ์เรียบร้อยหมดแล้ว ปกติทุกอย่าง ไม่ได้แอบอะไรเลยครับ แค่ไม่มีใครถามเฉยๆ”
ไลฟสไตล์ของเราต้องเปลี่ยนไปไหม จากใช้ชีวิตคนเดียว
“มันก็เปลี่ยนในระดับหนึ่งครับ แต่ว่าเราก็เป็นลุกส์ปกติครับ อาจจะมีลุกส์แฟมิลี่แมนเข้ามาบ้าง แล้วไลฟสไตล์เรา คือประมาณ 2-3 ปีที่เราคบกันมา เขาก็รู้อยู่แล้วว่าเราเป็นแบบไหน เขาก็โอเพ่น เราก็โอเพ่น ก็ชิวๆ ง่ายๆ สบายๆ ครับ ถามว่าผมจะหยุดโชว์เซ็กซี่ไหม ก็ไปเรื่อยๆ ครับ ยิ่งมีลูกเดี๋ยวเซ็กซี่กับลูกเลยครับ ส่วนเรื่องสัก คงไม่หยุดครับ ไปเรื่อยๆครับ เว้นที่ไว้สักหน้าลูกเรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้วางแผนข้างหลังไว้แล้ว ว่าจะสักอะไรครับ”
เตรียมตัวเป็นคุณพ่ออย่างไรบ้าง
“จะบอกว่าช่วงเวลาที่ผมรู้ว่าตัวเองมีลูก คนแรกที่รู้ จำไว้เลยนะครับ คือพี่มิค บรมวุฒิ หิรัญยัษฐิติ ซึ่งเขามีลูกอยู่แล้ว แล้วเขาเป็นคนที่แนะนำที่ฝากท้อง ว่าเป็นยังไง คือคนนี้เขารู้ครับ แต่เขาก็ปิดให้ผม(หัวเราะ) คือคนในวงการที่สนิทจะรู้อยู่แล้วนะครับ แล้วเวลาที่ผมเจอใครที่เขามีลูก ก็จะถามว่าเวลาเลี้ยงลูกเลี้ยงยังไง เขาก็รู้อยู่แล้วครับ ผมก็บอกไปตรงๆ ไม่ได้ปิด ส่วนเพื่อนสนิทเรา พอเราบอกเขา เขาไม่ได้ตกใจครับ ยินดีกับเราด้วยซ้ำ อย่าลืม 35 แล้วนะ อายุปูนนี้แล้ว ควรมีลูกได้แล้ว พ่อผมก็แฮปปี้ครับ อย่าลืมนะเวลาทุกครั้งที่สัมภาษณ์พ่อก็จะบอกเมื่อไหร่จะมีหลาน ตอนนี้พอมีหลานให้แล้วครับ”
หลังจากนี้วางแผนครอบครัวยังไง จะอยู่ที่ไหน
“คงอยู่ที่กรุงเทพครับ ทางพ่อตาก็เตรียมที่ให้เราเข้าไปอยู่เรียบร้อยแล้ว คือต้องบอกว่าพ่อตาดีมาก ตั้งแต่รู้ว่าจะจัดงานเขาเตรียมหมดเลย ตั้งแต่วัดอยู่ตรงไหน ประสานงานพระสังฆราช ประสานงานนู่นนี่ แล้วก็ให้เข้ามาอยู่กับพ่อแม่ เดี๋ยวช่วยดูแลหลานให้ ต้องบอกตรงๆ ว่าผมอยู่กรุงเทพคนเดียว ใช้ชีวิตคนเดียว เขาก็เหมือนเมตตาผมให้ผมมาอยู่กับครอบครัวเขาได้เลยครับ จะได้เป็นครอบครัวเดียวกัน ตอนนี้รอพ่อตากำลังทำห้องให้อยู่ ยังไม่ได้ย้ายเข้าไป”
จะมีงานฉลองมงคลสมรสมั้ย
“คงไม่มีครับ แต่ว่าสิ้นเดือนนี้ได้ยินว่า พี่เป๊ก ชวนไปกินข้าวที่บ้านครับ แค่นั้นพอแล้วครับ ถามว่าต้องแต่งตัวเรียบร้อยไหม ผมก็จะแต่งตัวปกติธรรมดาครับ”
วางแผนมีลูกกี่คน
“ขอมีคนเดียวก่อนครับ ขอลองเลี้ยงดูว่าเขาเป็นอะไรยังไง เพราะอย่าลืมว่าการเลี้ยงลูกมันไม่เหมือนการเล่นละครหรือทำพิธีกรนะครับ เพราะอันนี้เรารู้แล้วว่าต้องทำยังไง แต่ว่าอันนี้คือเลี้ยงลูก เราต้องศึกษาการเลี้ยงดูเขา คือตอนนี้มันคิดหมดเลยวางแผนว่าต้องซื้ออะไรบ้าง แต่ว่าคนที่มีลูกมาก่อนบอกว่ายังไม่ต้องซื้อนะ รอให้มีก่อนแล้วเดี๋ยวจะรู้ว่ามันต้องซื้ออะไรบ้าง”
กำหนดคลอดเมื่อไหร่
“ประมาณเดือน พ.ค.-มิ.ย.นี้ครับ ผมกังวลกับการเป็นคุณพ่อมือใหม่ กังวลตลอดว่าเราจะเป็นพ่อที่ดีให้เขาได้หรือเปล่า เพราะผมก็ไม่ใช่คนดีอะไรมาก ก็กังวลว่าจะเลี้ยงลูกได้ดีหรือเปล่า แต่ในเมื่อเขามาผมก็จะพยายามครับ”
ต้องทำงานในวงการหนักกว่าเดิมมั้ย
“ทำปกติครับ ผมทำงานได้ตลอด ขนาดแต่งงานผมยังไปถ่ายละครเลย ผมก็สดเหมือนกัน อย่างตอนที่กลับไปถ่ายละครเพื่อนๆ ในกอง เขายังไม่รู้กันครับว่าผมมีครอบครัว ผมแต่งงาน ผมไม่ได้บอกใคร ผมบอกแล้วว่าถ้าผมมีก็มีไปเลย ไม่ต้องประกาศให้ใครรู้”
ในส่วนของเบลเขาทำอะไร
“ครอบครัวเขามีธุรกิจของเขาอยู่แล้ว ตอนนี้เขาก็ทำงานเกี่ยวกับการจัดงานอีเวนต์ ตอนนี้ยังต่างคนต่างทำงานครับ ถ้าวันไหนเขาใกล้จะคลอดเขาก็กลับมาทำที่บ้านของเขา ส่วนรีสอร์ตของผม เขาไม่มีหุ้นครับ เป็นของผมกับคุณพ่อผม”
ถ้าหลังจากนี้มีสาวๆออกมาแฉ มาแสดงความเป็นเจ้าของเราอีกจะยังไง
“ก็บอกเขาไปเลยว่าผมมีครอบครัวแล้วผมมีลูกแล้ว รู้ว่าควรจะทำยังไง”
เบลล์ใช้นามสกุลไหน
“เราตกลงกันแล้วว่าใช้นามสกุลใครนามสกุลมัน แต่ของลูกกำลังคิดอยู่ว่าจะใช้นามสกุลผมหรือนามสกุลแม่เขา หรือจะจดพร้อมกันเลยก็ได้ กำลังดูอยู่ ส่วนเรื่องการจดทะเบียนสมรส เรายังไม่ได้คิดกันถึงเรื่องนั้น คิดแค่เรื่องลูก ถ้าเกิดลูกต้องใช้นามสกุลฝั่งภรรยาผมก็ไม่ติดขัดอะไร”
ตอนนี้มีความสุขแค่ไหนหลังจากที่เราตั้งความหวังว่าอยากจะมีลูกให้พ่อ
“เรียกว่าสิ่งที่ผมวางแผนไว้สำเร็จเกือบครบถ้วนแล้ว ตอนนี้เหลือวางให้เขาโตมาแล้วใช้ชีวิตในสังคม เลี้ยงเขาให้ดี ว่ากันไปตามถูกผิด ถ้าเขาทำถูกก็ว่าถูก ถ้าเขาทำผิดก็ว่าผิดครับ”
