‘ความในใจ’เวอร์ชั่น‘เบิ้ล’ ใส่กลิ่นอีสาน-ตอบรับเกินคาด : จับกระแสลูกทุ่ง

‘ความในใจ’เวอร์ชั่น‘เบิ้ล’ ใส่กลิ่นอีสาน-ตอบรับเกินคาด : จับกระแสลูกทุ่ง – หยิบเอาเพลงฮิต “ความในใจ” ของศิลปินรุ่นพี่ ‘ต้อม เรนโบว์’ มาร้องใหม่ในเวอร์ชั่นของตัวเอง ลูกทุ่งหนุ่มบ้านนา ‘เบิ้ล ปทุมราช อาร์สยาม’ ได้รับการตอบรับอย่างมากมาย ยอดวิวพุ่งทะยานเกินคาด แม้จะทำควบคู่ไปกับภารกิจทหารเกณฑ์ ฮอตขนาดนี้ต้องไม่พลาดขอลัดคิวลูกทุ่งหนุ่ม ‘เบิ้ล ปทุมราช อาร์สยาม’ มานั่งคุยด้วย

♦ ทำไมถึงเลือกเพลงความในใจของต้อม เรนโบว์ มาทำใหม่ในเวอร์ชั่นของตัวเอง

เบิ้ล – “ชอบเพลงนี้มาตั้งแต่เด็ก ถึงไม่มีกิจกรรมนี้ผมก็ร้องอยู่แล้ว ถ้าจะได้ทำจริงๆ อยากลองทำเป็นเวอร์ชั่นของเบิ้ลเอง ซึ่งผมก็เลยเลือกเพลงความในใจ ของพี่ต้อม เรนโบว์ กลิ่นอายต้นฉบับที่พี่ต้อมร้องไว้หวาน ดนตรีบางๆ ฟังสบาย มีเสน่ห์มากๆ ถ้าจะให้ร้องแบบพี่ต้อมก็ร้องได้ แต่ไม่ค่อยถนัด เราเป็นศิลปินลูกทุ่งอีสานที่มีลูกเอื้อน ลูกขยี้เสียง การร้องที่ทันสมัยแต่ไม่ใช่ว่าจะดีกว่าต้นฉบับนะครับ แค่อยากจะร้องเป็นแบบของตัวเอง เลยนำบทเพลงนี้มาทำดนตรีใหม่ เพิ่มท่อนแร็พเข้าไป เป็นเพลงใหม่ แต่ต้นฉบับเดิมยังเป็นเพลงที่ขลัง มีเอกลักษณ์เป็นตำนานอยู่แล้ว ลบไม่ได้ วันนี้ดีใจมากๆ ครับ หยิบมาทำเป็นเวอร์ชั่นอีสาน ถือว่ากระแสตอบรับดีครับ ซึ่งผมไม่ค่อยได้คัฟเวอร์ใหม่บ่อย มันก็เลยทำให้คนรัก ความในใจ เพราะมันเหมือนกลายเป็นซิงเกิลใหม่เลย”

♦ เปลี่ยนคำร้องและดนตรีให้มีกลิ่นอายอีสาน

เบิ้ล – “เป็นเนื้อเดิม แค่เปลี่ยนบางคำให้เป็นคำอีสาน เช่น เธอ เป็น เจ้า ฉัน เป็น อ้าย ทำ เป็น เฮ็ด แค่เปลี่ยนจากคำไทยภาคกลางให้เป็นคำอีสานเฉยๆ ให้คนอีสานได้ฟังสไตล์นี้ แต่คนภาคกลางก็ฟังได้ มันอาจจะแปลกใหม่ บางคนไม่รู้จักไม่เคยฟัง อาจจะคิดว่าเป็นเพลงของเบิ้ลเหรอ ผมก็อธิบายไว้อยู่แล้วว่าเป็นต้นฉบับเป็นใคร ส่วนเรื่องดนตรีเป็นลูกทุ่งอีสานที่มีความคลาสสิค ผมต้องมีเอกลักษณ์ให้คนรู้ว่านี่คือเบิ้ล อย่างเพลงความในใจเวอร์ชั่นของผม ดนตรีกึ่งร็อกกึ่งสตริงกึ่งลูกทุ่งอีสาน ผสมผสานกันหมดทุกอย่าง”

♦ ตั้งรับกับกระแสเปรียบเทียบกับต้นฉบับยังไง

เบิ้ล – “ผมชื่นชอบพี่ต้อม เรนโบว์อยู่แล้ว เบิ้ลไม่ใช่คนที่จะไปแข่งขันกับใครอยู่แล้ว เราแข่งกับตัวเองตลอด เรายังเคารพรุ่นพี่ ทัศนคติของคนที่เกิดก่อนเรา เขาทำงานมาก่อนเรา ผมเรียกว่าเพลงนี้เป็นเพลงของครูที่เขาสร้างไว้ แค่เรานำมาพัฒนา เหมือนสิ่งของที่มันดีอยู่แล้ว เราแค่มาปัดฝุ่นออกแล้วนำมาใช้ในยุคที่เหมาะสม”

♦มีหลากหลายความเห็นกับการเพิ่มท่อนแร็พ เข้ามา

เบิ้ล – “มันก็มีคนที่บอกว่ากำลังอินกับเพลงทำไมมีท่อนแร็พเข้ามาแทรก แต่จริงๆ ถ้าเปิดรับจะเห็นว่ามันเป็นแร็พที่หนักแต่มีความเศร้าแฝงในนั้นอยู่ ถ้าเป็นแร็พมันกลายเป็นสไตล์ของเราอีกมุมหนึ่ง ผมเชื่อว่ามันก็ยังมีคนที่ชอบอยู่ และคนที่ไม่ชอบเราก็พร้อมที่จะปรับปรุงแต่เราทำไปแล้วก็ต้องยอมรับให้เพลงมันทำงานต่อไป สิ่งแรกที่ผมทำแร็พเข้าไปเพราะคิดว่ามันน่าจะมี ทำออกมาก็รู้สึกว่าโอเคอยู่นะ การที่เราทำเพลงออกมาแล้วให้ทุกคนต้องชอบหมดทุกคนด้วย มันจะกดดันตัวเอง มันคงทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะทุกคนชอบไม่เหมือนกันอยู่แล้ว บางคนติด่า เราก็มองว่าเขาติเพื่อให้เราไปพัฒนา ส่วนคนที่ชมเราให้รู้สึกว่ายังทำดีอยู่ แต่อย่าเหลิงกับคำชม ทุกอย่างต้องอยู่ในมาตรฐานที่เป็นกลาง จิตใจเราต้องมั่นคงเป็นหลักที่ดี”

♦ เอ็มวีเป็นอย่างไร

เบิ้ล – “เรื่องเอ็มวีต้องยกเครดิตให้ พี่บอล ผู้กำกับฯ เป็นเอ็มวีที่สมบูรณ์แบบ เราได้สปิริตในการแสดงมากขึ้นจากการได้ไปเล่นหนัง รวมถึงประสบการณ์การเล่นเอ็มวีมา 3-4 ภาคกับน้องธัญญ่า เรื่องนี้ผมชมตัวเองเลยว่า ความในใจ ดีที่สุดแล้วในทุกเอ็มวีที่เคยเล่น แต่ไม่ใช่ว่าทุกเอ็มวีก่อนหน้านี้ไม่ดีนะ ทุกเอ็มวีดีมากแต่การแสดงที่พัฒนามากขึ้น เราร้องไห้ด้วยตัวเองไม่ต้องใช้อะไรมาหยอดตาให้ร้อง การแสดงสีหน้าท่าทางความเป็นธรรมชาติ รู้สึกชอบตัวละครในเอ็มวี ผมก็ได้มีโอกาสอยู่เบื้องหลังด้วย เป็นทั้งผู้จัดและผู้ช่วยผู้กำกับฯ ในอนาคตผมอยากจะทำเอ็มวีด้วย ตอนนี้ก็เรียนรู้กับทุกคนไปก่อน ทุกคนคือครูของผมหมด”

♦ฟีดแบ็กจากแฟนเพลง

เบิ้ล – “ผมคิดว่ามันเกินคาดนะ จริงๆ คิดว่าเรานำเพลงเก่ามาร้อง เต็มที่คงได้แค่ 7-8 แสนวิวหรือถึง 1 ล้านวิว ผมจะพูดกับตัวเองอยู่ตลอดว่าถ้าวันใดเราสามารถทำให้แฟนเพลงรักที่ตัวตนของเรามากกว่าเสียงเพลงที่เราร้อง วันหนึ่งเราทำเพลงอะไรออกมา เขาก็ยังอยากจะฟัง แต่ก็ต้องมีคุณภาพที่ดีด้วย ความในใจ มีคุณภาพของเขาอยู่แล้ว พี่ต้อม เรนโบว์ ทำไว้ดีอยู่แล้ว เราแค่มาทำในเวอร์ชั่นใหม่ เราแค่ไม่สามารถคาดเดาได้จะมีคนชอบมั้ย ก็ดีใจที่เขาชื่นชอบในเพลงของเรา บางคนชมว่าทำเป็นทำนองสไตล์นี้ก็โอเค วันแรกก็ล้านวิวแล้ว เบิ้ลไม่คาดหวังว่าทำเพลงแล้วต้องได้ร้อยล้านวิวทุกเพลง ให้ทำเพลงแล้วรู้สึกว่ามีความสุขกับการทำเพลง มีงาน มีคนชื่นชอบ มีแฟนเพลงที่รักในตัวตนของเรา ให้มันไปด้วยกันเป็นบรรทัดฐานที่มั่งคงแล้วเดินไปเรื่อยๆ ดีกว่า”