โบวี่ โอม ชวนกันปฏิบัติธรรม กับรัก 2 ปี ที่ไม่ยึดติด มีสติ พร้อมขอโทษ

เป็นคู่รักอีกคู่หนึ่ง ที่ชวนกันไปปฏิบัติธรรมอยู่เป็นประจำๆ และเป็นที่จับตามอง คอยถามไถ่กันอยู่เสมอๆ ว่า จะมีข่าวดีเร็วๆ นี้หรือยัง สำหรับ นักแสดงสาว โบวี่ อัฐมา ชีวนิชพันธ์ และ โอม อิทธิศักดิ์ วุฒิธนวัฒน์ ล่าสุดทั้งคู่ได้ควงกันมา สวัสดีปีใหม่ ที่ ข่าวสด จึงได้มีโอกาสอัพเดตความหวานของทั้งคู่สักหน่อย

โบวี่

มาสวัสดีปีใหม่ที่ ข่าวสด

ระยะเวลาที่คบกันนานเท่าไหร่แล้ว
โบวี่ “ตอนนี้คบกันได้ 2 ปีกว่าแล้ว เหมือนไม่นาน แต่มันนานนะ สำหรับโบ”
โอม “เหมือนไม่นานแต่มันนาน แต่มันก็แป๊บๆ 2 ปีแล้ว (หัวเราะ)

เป็นยังไงบ้างพัฒนาการความรักของคู่เรา
โบวี่ “ต้องบอกว่า คู่ของเรา ความรักสำหรับโบเอง คือเปิดประสบการณ์ใหม่มาก มันไม่เหมือนปกติ มันไม่รู้สึกจี๊ดอะไรกันขนาดนั้น มันยังเป็นความรู้สึกที่ชิวๆ คบกันเป็นเกหมือนเพื่อน ซึ่งถ้าปกติเวลาเรามีแฟนเราก็จะรู้สึกว่าตื่นเต้นจังเลย เจอนัดกันก็ตื่นเต้น ไม่เจอนัดกันก็คิกถึง และมันจะมีความรู้สึกจี๊ดๆ ใช่ไหม แต่ครั้งนี้มันไม่ได้แบบนั้น มันสงบ เรียบง่าย แต่มันคง ซึ่งโบไม่เคยเจอความรู้สึกแบบนี้ ถามว่าเป็นเพราะวัยด้วยหรือเปล่า ก็ไม่แน่ใจ แต่ว่าถ้าเรื่องปฏิบัติธรรม มีผลแน่ๆ แล้วอีกอย่างการที่เราได้ปฏิบัติธรรม มันทำให้เราคิดถึงกันน้อยลง จริงๆ โอเคว่าเรารักคนนี้ แต่ถ้าวันหนึ่งเราต้องแยกจากกัน เราก็พร้อม ไม่ใช่ความรักที่จะต้องครอบครอง แต่เป็นการรักที่เรารักด้วยใจ การยึดต่อกันและกัน มันลดน้อยลง ความคิดถึงก็น้อยลง พอคิดถึงน้อยลง เราก็จะทุกข์น้อยลง ปกติเรามีแฟน เราคิดถึงมันเป็นทุกข์นะ ถ้าหากติดต่อไม่ได้ อยากเจอมากเลยแต่ไม่ได้เจอก็เป็นทุกข์ แต่พอเป็นแบบนี้ เราก็ไม่ได้ยึดติด พอการยึดติดมันน้อยลง มันก็ทุกข์น้อยลง”

โอม “บางทีผมว่า เป็นไปตามวัยหรือเปล่า แต่ก็สืบเนื่องว่า คอร์สปฏิบัติธรรมครั้งที่แล้ว ทำให้เรารู้สึกว่าตัวเราเอง ที่ปกติทำอะไรก็สุดนะ แต่มันก็ต้องมีลิมิตนะ ยกตัวอย่างว่าเราอยากได้ของสิ่งหนึ่ง แล้วเราได้มาแล้ว เราก็ชื่นชม และดีใจที่ได้มาแล้ว ก็แป๊บนึง สุดท้ายเราก็เฉยๆ กับมัน และมีความต้องการอย่างอื่นอีก และกำลังจะยกตัวอย่างว่า ตอนนี้เรามีความสุข แต่มันไม่ถึงกับต้องสุด เราไม่ได้ยึดติด และพร้อมที่จะใช้ชีวิตต่อไป อย่างผมรักเขา เรามีความเป็นห่วง แต่ถ้าวันหนึ่ง ที่เขาไม่มีเราหล่ะ เขาก็ต้องทำเองได้”

มีโอกาสร่วมปฏิบัติธรรมด้วยกันบ่อยไหม เจอกันบ่อยไหม
โบวี่ “เราเป็นแฟนกัน เราก็เจอกันปกติ แต่มันไม่ได้หวือหวา เราสังเกตว่าบนความรักที่หวือหวา มันเป็นการคาดหวัง ซึ่งเราไม่เป็น เราไม่เจอกันหลายวันได้ ดีเหมือนกัน ให้เขาพักผ่อน และเราก็บางทีอยากมีเวลาส่วนตัวด้วย (หัวเราะ)”

โอม “ก็เจอกัน ก็ไปเที่ยวกัน กินข้าวกัน เดินเล่น ดูหนัง ก็เป็นคู่แฟนที่เหมือนกับคนอื่นๆ แต่เข้าใจกัน”

บอกว่าไม่ได้คาดหวังเลย
โบวี่ “เรียกว่มันน้อยลงดีกว่า จะบอกว่าไม่คาดหวังเลยก็ไม่ใช่ แค่มันไม่เหมือนเมื่อก่อน ที่คาดหวังมากไปจนกลายเป็นว่าความรักนั้นมันไปไม่รอด”

เรียกว่าดูแลความรักได้ถูกวิธีขึ้น
โบวี่ “เรียกไม่มีสติดีกว่า และยึดเกินเหตุจริงๆ ซึ่งต้องยอมรับว่าต้องปฏิบัติมากขึ้น ตอนนี้มันยังไม่พอ (หัวเราะ) ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราโมโห เราจะทิฐิมากเลยนะ ปรี๊ดแล้วไม่ยอมด้วย เราจะไม่ง้อ เพราะว่าเราไม่ได้พิจารณาว่า เรื่องจริงๆ มันเรื่องอะไร พอตั้งสติได้ก็จะ บอกขอโทษนะ”

โอม
“เดี๋ยวนี้ถ้าเขาอารมณ์ขึ้น เขาก็จะลงเร็ว เรียกว่าสำนึกตัวเร็วและขอโทษ

ในการเข้าธรรมะ ใครเริ่มก่อน ใครชวนใค
โอม “ผมเคยทำมา ก็เข้าวัดทำบุญธรรมดา แต่ไม่ได้ลึกซึ้ง และก็มีไปนั่งปฏิบัติธรรมบ้าง แต่ที่จริงๆ จังๆ เลยเขาเป็นคนชวน เขาเป็นศิษย์พี่ ที่เขาชวนครั้งแรก ที่เราไปในช่วง 2 วันแรก ก็จะกระอักกระอ่วน แต่พอหลุดวันที่สองไป ก็รู้สึกว่าชีวิตมันดีขึ้น ทำให้เราได้คิดว่า จริงๆ มือถือไม่ต้องมีก็ได้ ไม่ต้องมานั่งรับรู้เรื่องใดๆ อยู่กับธรรมชาติ ลมเย็นอากาศดี และที่ได้คือจิตใจสงบ พอออกมาฟังเพลงฮิปฮอปไม่รู้เรื่องเลย จริงๆ ปกติ เราชอบฟังเพลง ฟังฮิปฮอปเราก็ฟังทันไง แต่พอเข้าไปปฏิบัติธรรม พอออกมาเพลงเขาบ่นอะไรวะนี่ (หัวเราะ)”

เกาะติดข่าวบันเทิงฮอตๆ
แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสดบันเทิง ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

นำมาใช้ดำเนินชีวิตอย่างไรบ้าง ตอนนี้
โบวี่ “พอมันยึดน้อยลง คาดหวังน้อยลง ก็ทะเลาะกันน้อยลง อันนี้สำคัญมากเลยนะ มันเป็นต้นเหตุที่ความรักครั้งก่อนๆ ของโบเองที่ไม่เวิร์คก็เกิดจากโบเองนี่แหละ (หัวเราะ) คือเราเยอะไปไง”

โอม “ต้องบอกว่า โอมเองก็เป็นคนที่อารมณ์ไม่ขึ้นด้วย ทุกครั้งที่เขาขึ้น เราก็จะนิ่ง ไม่ได้อยากทะเลาะด้วย แต่ก่อนแรกๆ อารมณ์เราก็ขึ้นนะ แต่พอได้มาปฏิบัติธรรมจริงจัง เราเองก็เหมือนระงับอารมณ์ได้นะ เหมือนตั้งสติได้ แล้วก็มาลองคิดถูว่า ถ้าเรารักเขาจริงๆ เรารักกัน มันก็ต้องกลั้นได้ หลายๆ คู่นั่นแหละ ถ้าอีกฝั่งหนึ่งเงียบ อีกฝั่งอารมณ์เย็นแล้วค่อยมาคุยกันใหม่ดีกว่า รู้เรื่องมากกว่า”

โบวี่ “นิสัยไม่ดีอย่างหนึ่งของเราคือ เวลาโมโห โกรธ เราชอบบอกเลิก ชอบไล่ แล้วสมมติว่าถ้าอีกฝั่งเขาโมโหกับเราด้วย เขาก็ไปแล้วใช่ไหม แต่คนนี้พอโบบอกว่าเลิก เขาตั้งสติอได้ดีมาก แล้วเขาจะค่อยๆ พูดๆ แต่เมื่อก่อนโอมเองเขาก็ไม่ได้ใจเย็นนะ แต่ตอนนี้กลายเป็นใจเย็นไปแล้ว”

โอม “บางทีเขาไล่มา ไปเลยนะ เราก็สวนกลับไปเลย ไม่ไป ไม่กลับ (หัวเราะ) เคยมีเหมือนกันที่ทะเลาะกันแล้วเขาก็บอกเราว่า เลิกกันไปเลย เราก็บอกว่าเธอ ใจเย็นๆ นะ ตอนนี้ฉันไม่รับคำพูดเธอนะ ให้เธออารมณ์เย็นๆ นะ คือผมไม่ได้มีโมโหแบบเขาไง เราก็ไม่โมโหด้วย ถ้าโมโหไปด้วยยุ่งเลย จบไปแล้ว”

มองเรื่องอนาคตยังไงบ้าง
โบวี่ “เรื่องอนาคตเราก็มีคุยกันบ้าง แต่ต้องยอมรับว่าเรายังไม่ได้พร้อมขนาดนั้น ต้องอยู่ในช่วงของการสร้างเนื้อสร้างตัว เราไม่ได้เกิดมาในครอบครัวนักธุรกิจ เราต้องสร้าตัวเองกันก่อน คือว่าไม่ได้ต้องรวยขนาดไหน แค่ดูแลตัวเราเองได้ ดูแลพ่อแม่ได้ ก็โอเคแล้ว ซึ่งถามว่าติดเรื่องอะไร ก็ติดเรื่องเงินนี่แหละ (หัวเราะ) เป็นการตอบที่จริงใจมาก ไม่ใช่ว่าไม่มีเงินนะ แต่ต้องยอมรับก่อนว่าอาชีพนักแสดงไม่ใช่อาชีพที่แน่นอน เราต้องเตรียมตัวและหาอาชีพที่จะได้ไม่ต้องคาดหวังงานการแสดงอย่างเดียว ก็เลยเป็นธุรกิจที่ทำร่วมกัน”

เรื่องการแต่งงาน มองไว้ขนาดไหน
โบวี่ “โบเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้ซีเรียสเรื่องการแต่งงาน เอาจริงๆ ไม่แต่งงานก็ได้ ผู้หญิงหลายๆ คนก็มีความฝันว่าต้องหาสามาดีๆ และได้แต่งงาน แต่โบไม่ได้คิดแบบนั้น เรามองแบบผู้ชาย สำหรับโบมองว่าเป็นการเสียเงินที่ไม่เกิดประโยชน์ ก็เลยไม่ได้อยากแต่งงาน หรือถ้าจะต้องแต่งงานกันจริงๆ ก็เหตุผลที่ว่าเราต้องให้เกียรติพ่อแม่ นี่เป็นเหตุผลเดียวเลย อาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นงานใหญ่ แล้วถามว่าจะเร็วๆ นี้ไหม ยังค่ะ”

ขอบคุณรูปจากไอจี : bowie_atthama ohmisw

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน