ก๊อต-จิรายุ ปลื้ม ได้รางวัลจากต่างประเทศ – รักราบรื่น วางแผนชีวิต ไม่คิดแต่งงาน

วันที่ 6 ก.พ. ที่ ลานชั้น 1 อาคารสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ซอยพหลโยธิน 2 พิธีบวงสรวงเปิดกล้องภาพยนตร์ ‘จอมขมังเวทย์ 2020 (สองศูนย์สองศูนย์)’ นักแสดงหนุ่ม ก๊อต-จิรายุ ตันตระกูล มาร่วมงาน หลังเสร็จงานได้ให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์ ถึงเรื่องที่ได้รับรางวัล Asian Television Awards 2018 จากละครเรื่องคมแฝก รวมถึงอัพเดตความรัก กับนักแสดงสาว โบว์-เบญจวรรณ อาร์ดเนอร์

ก๊อต-จิรายุ

ให้สัมภาษณ์เรื่องรางวัล

ได้เป็นตัวแทนนักแสดงไทยรับรางวัล ASIAN TELEVISION AWARDS 2018 จากละครเรื่องคมแฝก
“ก็รู้สึกดีใจที่เป็นหน้าเป็นตาให้คนบ้านเราด้วย เพราะมีคนจากหลายประเทศเข้าชิง ก็ไม่คาดคิดว่าจะได้ (หัวเราะ) ไปนั่งก็ยังมึนๆ อยู่ เดินเข้าไปก็ยังเอ๊ะชื่อกูเหรอ”

วินาทีที่เขาประกาศชื่อเรา
“เอาตรงๆ คือ ฉิบหายแล้วกูจะพูดอะไรดี (หัวเราะ) ไม่ได้เตรียมคำพูดอะไรเลยครับ ก็ด้นๆ ไปตรงนั้น แต่เรารู้แล้วว่าเราอยากขอบคุณใครบ้าง ก็ขอบคุณช่อง 3 ขอบคุณพี่นก ฉัตรชัย ขอบคุณอาจารย์ของเรา”

ที่ไปก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ใช่มั้ย
“ด้วยความที่มันเป็นรางวัลใหญ่ แล้วมันเข้าชิงหลายประเทศ โปรดักชั่นของไต้หวันเราเห็นก็ยังว้าว เราก็ไม่ได้คิดอะไรขนาดนั้นครับ”

มันต่อยอดจากความฝันของเราที่อยากไปโกอินเตอร์มั้ย
“ใช่ครับ คือผมดีใจไ ม่ใช่เพราะว่าละครดังนะ แต่ดีใจที่ว่าเราได้สานฝันเราให้เป็นจริง เราทำให้งานของเรามีคนยอมรับ ไม่ใช่แค่ในประเทศ”

ภูมิใจขนาดไหน
“ภูมิใจครับ (ยิ้ม)”

ได้ถามมั้ยว่าทำไมเขาถึงชอบเรา
“ก็แอบถามครับ ว่าตัดสินยังไง เขาเอาซีนไหนไปดู เขาก็บอกว่าเขาดูตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งถ้าเขาดูทั้งเรื่องเขาจะเห็นว่า ผมใส่รายละเอียด อะไรไปเยอะพอสมควร ถ้าคนดูเป็น เขาก็จะดูออกว่าไอ้นี่มันใช้เทคนิคนี้ๆ”

เรื่องต่อไปพอมีรางวัลการันตีแล้ว เราต้องเข้มข้นกว่าเดิมมั้ย
“ทำงานไม่ได้คาดหวังรางวัล แต่คาดหวังคุณภาพสู่ผู้ชมสู่คนดูครับ (ยิ้ม)”

หายเหนื่อยมั้ยอยู่วงการมาหลายปีแล้วได้รางวัลนี้มา
“จริงๆ หายเหนื่อยเพราะว่าคนดูชอบมากกว่า รางวัลเป็นสิ่งที่ได้มาและต้องผ่านไป เพราะถ้าเราไปชื่นชอบกับคำชมมาก วันหนึ่งพอคนด่าเราก็จะรับไม่ได้ครับ”

ปีนี้ละครกี่เรื่อง
“ปีนี้จะเป็นภาพยนตร์ซะมากกว่า ตอนนี้ก็มี 2 เรื่อง แต่ยังรับได้อีกครับ (หัวเราะ) แต่ละครก็ยังคุยๆ กันอยู่ครับ แต่พอดีคิวมันชนกันนิดหน่อย อยู่ที่ว่าวางคิวได้แค่ไหน”

ไม่พลาดข่าวฮอตแวดวงมายา
แค่กดเป็นเพื่อนไลน์ ข่าวสด@บันเทิง ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ดูเหมือนว่าช่วงนี้ความรักของเราจะหวานขึ้นมากๆ
“เป็นปกติครับ คือผมมีอินสตาแกรมก็เลยต้องสร้างภาพนิดหนึ่ง”

หลายคนสงสัยว่า ทำไมเราถึงชอบแกล้ง โบว์ ขนาดนั้น
“ก็เพราะไม่มีใครยอมเล่นกับผมสักเท่าไหร่ มีแค่เขาคนเดียว (หัวเราะ) เอาจริงๆ ตัวเขาเองก็แกล้งผมเยอะกว่าอีกนะ แกล้งแบบแสบๆ เลยด้วย แต่เขาไม่ยอมเอามาโพสต์ลง”

เรียกว่าการแกล้งกันแบบนี้คือวิธีเติมความหวานของคู่เรา
“ผมมองว่า ถ้าหากเราคบกัน และเราจะต้องรักกันอย่างเดียว แบบนั้นมันก็คงจะไม่มีชีวิตชีวาสักเท่าไหร่ ซึ่งการหยอกล้อกันของผมกับเขา เอาจริงๆ เลยนะ ผมก็ไม่ได้ทำแค่กับแฟนคนเดียวหรอก เพราะกับพ่อกับแม่ผมก็ทำ คือมันก็เป็นอะไรที่สนุกสนานดี”

ความรักราบรื่นขนาดนี้ใกล้จะมีข่าวดีให้ได้ยินหรือยัง
“ยังหรอกครับ เรายังไม่ได้แพลนอะไรกันเลยสำหรับเรื่องนี้ แต่เราจะแพลนกันเรื่องอื่นมากกว่า อย่างเช่นเราตั้งใจจะทำงานภายใน 6 ปีนี้ เพื่อจุดประสงค์หนึ่ง ซึ่งยังไม่สามารถบอกได้ เพราะเราก็กลัวว่าถ้าหากพูดไปแล้ว แต่ทำไม่ได้มันจะดูไม่ดี”

แสดงว่าเราก็มีการวางแผนเอาไว้ทุกอย่าง ชัดเจน สำหรับเรื่องอนาคต
“ใช่ครับ ผมตั้งเป้าไว้หมดแล้วว่าผมจะตายเมื่อไหร่ จะเลิกทำงานเมื่อไหร่ จะอยู่วงการอีกสักกี่ปี คือมีการแพลนเอาไว้หมดเลย”

ทำไมเราถึงต้องวางแผนเอาไว้ถึงขนาดนั้น
“ผมรู้สึกว่าการแพลนเอาไว้มันดีกว่า ดีกว่าเราใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ เพราะการที่เราทำแบบนี้ มันทำให้เรารู้ว่า เรามีอะไรที่จะต้องทำอีกบ้าง เพื่อเป็นเป้าหมายในการใช้ชีวิตของเรา”

พอจะบอกได้ไหมว่าสิ่งที่เราแพลนเอาไว้มีเรื่องอะไรบ้าง
“หลายอย่างเลยครับ อย่างเช่นผมตั้งใจว่าอยากจะทำอะไรให้ดีๆ ให้กับสังคมบ้างนอกจากการสร้างผลงานในวงการบันเทิง เพื่อที่พอถึงวันหนึ่ง ผมจะได้ใช้สิ่งที่ผมเรียนรู้ในวงการ ไปต่อยอดกับงานด้านอื่นๆ”

แล้วเรื่องลูก เราได้แพลนไว้หรือเปล่าว่าจะมีเมื่อไหร่
“เรื่องนี้ต้องขอเช็กน้ำเชื้อตัวเองก่อนครับ (หัวเราะ) ถามว่าผมกลัวเรื่องอายุไหม คือผมรู้สึกว่าผมยังแข็งแรงอยู่นะ ถ้าอายุ 50 ผมก็คงจะยังแข็งแรง แข็งและแรงมาก”

แล้วแฟนเราล่ะเขาได้เตรียมตัวไว้บ้างหรือเปล่า
“คนนั้นเขาดูแลตัวเองดีมากครับ จนเดี๋ยวนี้ผมต้องตามเขาแล้ว คือเมื่อก่อนผมจะเป็นฝ่ายสอนเขาออกกำลังกาย แต่เดี๋ยวนี้เขาเป็นฝ่ายดูแลเรื่องโภชนาการให้ผมแทน”

ตัวเขาเองเคยพูดถึงเรื่องนี้บ้างหรือเปล่า
“ก็ไม่เลยนะครับ คือพอเราเริ่มคุยกันแบบเป็นเพื่อน ความคาดหวังในตัวกันและกันมันก็ไม่ได้มากขนาดนั้น เหมือนเราอยู่กับปัจจุบันและเราก็แฮปปี้แล้ว เราโอเคกับสิ่งที่เป็นอยู่ ซึ่งสายตาคนที่มองมาเขาอาจจะอยากให้เราเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ แต่ไม่เคยมีใครถามเราเลยว่าจุดที่เราเป็นอยู่เราโอเคหรือเปล่า เรามีความสุขหรือเปล่า”

แสดงว่าคู่เราก็ไม่ได้มีจุดอิ่มตัว
“เอ่อ ผมมองว่ามันมีทุกคู่นะครับ แต่อยู่ที่เรามากกว่าว่าเราจะกล้าพูดมันออกมาไหม รวมถึงเราจะสามารถรักษาสมดุลของมันเอาไว้ได้หรือเปล่า ซึ่งคู่เราก็คบกันมานานแล้วประมาณ 5-6 ปี แต่ถามว่าเราเลยจุดอิ่มตัวไปแล้วหรือยัง คือผมรู้สึกว่าของแบบนี้มันก็เหมือนก้อนเมฆที่ผ่านเข้ามาและก็ผ่านไป”

ผู้ใหญ่ทั้งสองครอบครัวเคยถามหรือเคยคุยกับเราถึงเรื่องอนาคตบ้างหรือเปล่า
“ไม่เลยครับ ซึ่งผมรู้สึกโชคดีนะที่พ่อแม่ผม และพ่อแม่เขาต่างก็เคารพในการตัดสินใจของเราทั้งคู่”

ทุกวันนี้ที่เราไม่ได้รีบ เป็นเพราะเราทั้งคู่ก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องการมีทายาท
“ใช่ครับ เรายังไม่ค่อยได้คิดเรื่องนี้สักเท่าไหร่ ซึ่งผมยอมรับนะว่าผมเป็นคนชอบเด็ก แต่ผมก็รู้อีกเหมือนกันว่าผมยังไม่มีความสามารถที่จะเป็นพ่อคน เพราะผมยังสอนตัวเองไม่ได้ ดังนั้นผมจะไปสอนลูกได้อย่างไร”

ขอบคุณรูปจากไอจี : bow_benjawan godfather1632

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน