หวนกลับมาจับคู่กับพระเอกคู่จิ้น “ฌอห์ณ จินดาโชติ” อีกครั้ง ในละคร “เงาอโศก” ทางช่องวัน หลังห่างหายกันไปนาน สำหรับนางเอกสาว “เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา” ที่มีข่าวคราวว่าถึงขนาดจูนกันไม่ติด เพราะด้วย ชีวิตจริงติดอยู่กับหนุ่มคนสนิท “เคน”ภูภูมิ พงศ์ภานุ ซะมากกว่า

งานนี้เลยไม่พลาดขอจับเข่าคุยนางเอกสาว ทั้งเรื่องงานและชีวิตส่วนตัว

คาแร็กเตอร์ในละคร “เงาอโศก” ที่ได้รับเป็นอย่างไร

เอสเธอร์ – “รับบทเป็นปี่ ที่ถูกครอบครัวคุณวิยะดาเจ้านายเรารับเลี้ยง จะเป็นผู้หญิงโบราณ แม่ศรีเรือนเย็บปักถักร้อย ทำอาหารทำกับข้าว และก็เกิดเรื่องราวขึ้นตรงที่เราเขียนจดหมายแทนเจ้านายเราให้คู่หมั้นเขาซึ่งรับบทโดยพี่ฌอห์ณ ซึ่งเขาก็จะเข้าใจมาตลอดว่าคู่หมั้นเขาจงรักภักดีรักกันมายาวนาน 7 ปี จนกระทั่งเราได้เข้าไปอยู่ในบ้านพระเอก คอยช่วยดูแลแม่พระเอกที่ป่วย เลยเกิดเรื่องราวขึ้น”

ent01250959p2
เวอร์ชั่นนี้ไม่ตบจูบเท่ากับที่ผ่านๆ มา

เอสเธอร์ – “ใช่ค่ะ มันจะเพิ่มความคอมเมดี้โรแมนติกเข้ามามากขึ้น สำหรับเราถือว่าบทยาก เพราะเนื้อเรื่องต้องเป็นกุลสตรีเย็บปักถักร้อยมันก็ยากแล้ว และการวางท่าทางคำพูดคำศัพท์ค่อนข้างเก่านิดหนึ่ง ก็ยากเข้าไปอีก ซึ่งไม่มีอะไรตรงกับชีวิตจริงเอสเลย เพราะชีวิตจริงเอสเป็นคนกระโดกกระเดกมาก เวลาเดินแมนมาก แต่ในเรื่องต้องเดินกุมมือเรียบร้อยคลานเข่า บางทีเราเสียงใหญ่ก็จะมีความเป็นตัวเรามากเกินไป ผู้กำกับฯ บอกว่าให้ปรับตัวให้เล็กลง เพราะปี่ตัวละครในเรื่องเป็นเด็กผู้หญิงที่เล็ก แต่บางทีเราเล่นออกไปทำให้เราดูตัวใหญ่ค้ำคอ ซึ่งเราต้องตัวเล็กมาก ต้องปรับทั้งเสียงกิริยาหน้าตา”

การร่วมงานกับฌอห์ณเรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง

เอสเธอร์ – “สนุกค่ะ คือเราเคยเจอกันก่อนหน้านี้แล้ว มันเหมือนเจอบรรยากาศเดิมๆ เจอผู้กำกับฯ คนเดิม ทีมงานเดิม มันเลยค่อนข้างคุ้นเคยกัน ก็ไม่ต้องปรับอะไรมาก แค่มาเริ่มเรื่องใหม่ คาแร็กเตอร์ใหม่ กับพี่ฌอห์ณเรื่องนี้เงาอโศกถือเป็นการร่วมงานกันเรื่องที่ 3 แทบไม่ต้องปรับอะไรแล้ว การทำงานก็ยังสมูทเหมือนเดิม ยังสนุกที่ได้ทำงานร่วมกัน เพราะเราชินกันตั้งแต่เรื่องเล่ห์รตี เราใช้เวลาในการทำงานนานพอสมควรแล้วมาเจอเรื่องนี้อีก สนุกสนานปกติค่ะ บรรยากาศในกองจะแกล้งกันมากกว่า บางทีก็กวนใส่กัน ต่างคนต่างขี้เล่น แซวกันเฮฮา”

พอใจกับผลงานเรื่องนี้แค่ไหน

เอสเธอร์ – “พอใจนะคะ เพราะเราทำเต็มที่ในทุกงาน เราไม่อยากรู้สึกว่าถ้าย้อนไปแล้ววันนั้นน่าจะทำได้ดีกว่านี้ เราคิดว่าทำเต็มที่ที่สุดแล้ว อยู่ที่ภาพออกมาคนจะมองยังไง เราก็โอเคยอมรับฟังและปรับตามที่เขาบอก ส่วนความคาดหวังก็ไม่ได้อยากกดดันหรือคาดหวังอะไร คือเราทำในพาร์ตของเราจบแล้ว ตอนนี้ก็เหลืออยู่ที่คนดูจะชอบไหม และเอสไม่อยากให้เอาไปเปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นเก่า เพราะเวอร์ชั่นนี้กับเวอร์ชั่นก่อนก็ต่างกันแล้ว อยากให้เปิดใจรับชมในอีกเวอร์ชั่น อาจจะมีการปรับเปลี่ยนเค้าโครงบ้าง แต่ก็ยังมีความละมุนอยู่ มีฉากน่ารัก มีนักแสดงเก่งๆ หลายคนเลย อยากให้ดูที่ผลงานค่ะ”

ent01250959p3
นอกจากเรื่องนี้ ตอนนี้มีผลงานเรื่องอะไรอยู่บ้าง

เอสเธอร์ – “ตอนนี้ถ่ายเรื่อง เธอคือพรหมลิขิต ของเอ็กแซ็กท์ ที่เพิ่งบวงสรวงไป และกำลังถ่ายเรื่อง มายเกิร์ล เล่นกับพี่เป้-อารักษ์ค่ะ เป็นของช่องทรูฯ เพิ่งเปิดกล้องไป คือเราเป็นอิสระอยู่ ยังไม่ได้เซ็น ก็หลากหลายสามารถไปได้ทุกที่ค่ะ ตอนแรกกะว่าปีนี้จะรับแค่เรื่องเดียว แต่กลายเป็นมารับสองเรื่อง ก็ตั้งใจว่าถ้าสองเรื่องนี้จบก็จะขอพักก่อนอีกรอบ ว่าจะไปเกาหลี ก็คิดว่าช่วงมกราคม-กุมภาฯ ปีหน้าน่าจะเสร็จ”

ตั้งแต่เข้าวงการมาคิดว่าการแสดงของเราพัฒนาไปขนาดไหนแล้ว

เอสเธอร์ – “ถ้าความคิดเราคือเราก็โตขึ้น อายุที่โตขึ้น การทำงานก็ได้ทำอะไรที่หลากหลายขึ้น อย่างบทละครที่ได้รับมาก็มีการเปลี่ยนคาแร็กเตอร์ไปเรื่อยๆ รู้สึกว่าเรียนรู้จากประสบการณ์ที่เราได้มา และเอามาพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นและเราก็เริ่มเข้าใจว่างานแบบนี้มันต้องคอยพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ คือเราได้อะไรหลายอย่างจากบทเรียนที่เราเจอมา ก็ทำให้เราเก่งขึ้นค่ะ”

มองอนาคตในวงการบันเทิงไว้อย่างไร

เอสเธอร์ – “ตอนนี้รักอาชีพการแสดงนี้ รู้สึกถ้าหายไปนานก็คิดถึง เพราะเป็นอาชีพที่เราตื่นเต้นอยู่กับมันตลอดเวลา ได้ฝึกฝนตัวเองตลอดเวลา ได้เจอคนเก่งเยอะแยะ ทำให้เราเก่งขึ้นด้วย ก็ยังอยากจะทำตรงนี้ไปอยู่อีกสักพักใหญ่ๆ แล้วเดี๋ยวภายภาคหน้าเราอาจอยากจะหันมาทำเบื้องหลังหรืออยากไปทำธุรกิจอะไรก็เป็นไปได้”

แสดงว่าความฝันอยากทำงานเบื้องหลัง

เอสเธอร์ – “เรารู้สึกว่าการเป็นผู้จัดหรืออะไรสักอย่างที่อยู่เบื้องหลัง ที่เราได้มองดูเบื้องหน้ามันดูน่าสนุก เป็นส่วนร่วมหนึ่งที่ทำให้ภาพออกมาสวยงาม รู้สึกว่าน่าลองทำ ตื่นเต้นดี เรียกว่าเป็นอีกความฝันหนึ่งก็ได้ เพราะเพิ่งอยากจะทำ คือก่อนหน้านี้ไม่ได้คิดเลย ด้วยเราอยู่เบื้องหน้าจะเห็นพวกพี่ๆ เบื้องหลังทำงานดูแล้วน่าสนุก เลยคิดๆ บ้างว่าอยากลอง และมีอีกอย่างคือฝันว่าอยากมีธุรกิจครอบครัว อยากทำอะไรที่เป็นครอบครัว ให้ครอบครัวได้มาช่วยเหลือมาทำงานไปด้วยกัน”

ได้อะไรจากวงการนี้บ้าง

เอสเธอร์ – “ได้เยอะเลย ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามายังจำได้เลยว่าเป็นเด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่รู้ว่าการทำงานคืออะไร แต่ด้วยความที่ทำงานด้านนี้ทำให้เราโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ต้องโตกว่าวัย มีความรับผิดชอบมากขึ้น สามารถจัดการอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอันตั้งแต่เด็กๆ และทำให้พัฒนาบุคลิกภาพด้วย เพราะเมื่อก่อนเป็นคนขี้อายมาก เจอคนแปลกหน้าจะพูดน้อยมาก จนบางคนที่เจอหน้าอาจจะคิดว่าอัธยาศัยไม่ดีเลย แต่จริงๆ เข้าหาคนไม่เป็น พูดไม่เป็น ขี้อาย แต่พอทำงานตรงนี้ไปเรื่อยๆ ทำให้กล้าแสดงออก กล้าพูด กล้าคิดมากขึ้น”

เรียกว่าประสบการณ์จะช่วยสอนทุกอย่าง

ร่างเดียวกัน

คร่ำหวอดอยู่ในวงการบันเทิงมา 7 ปีแล้ว โดยนางเอกสาว “เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา” เล่าให้ฟังว่า “เอสเข้าวงการมาตอนอายุ 15 ปี ทำงานตั้งแต่เด็กก็มีสูญเสียช่วงชีวิตวัยรุ่นบ้าง แต่ก็ไม่ได้ขาดนะ ยังมีเพื่อนที่สนิท บางทีทำงานเสร็จก็มีมาแฮงก์เอาต์กันนอกรอบ ถามว่าคุ้มไหม มันก็คุ้มนะ แต่มันต้องแลก บางทีสิ่งที่เราอยากทำตอนเด็กก็ไม่ได้ทำ”

ความสนิทสนมกับคุณแม่ในช่วงวัยเด็กเป็นอย่างไร “ตอนเด็ก เอสเป็นเด็กกิจกรรม ตั้งแต่เด็กเราไม่ชอบ ขี้อายมาก เจอหน้ากล้องก็ร้องไห้ แต่แม่ผลักดันให้ลองทำ เรียกว่าไม่มีแม่วันนั้นก็ไม่มีหนูวันนี้(ยิ้ม)”

เรากับคุณแม่ดูตัวติดและสนิทกันมาก น้องหนูพยักหน้า “ติดกันเรียกว่า 24 ชั่วโมงเลย เรียกว่าเป็นร่างเดียวกันตั้งแต่เด็กแล้ว แค่มองตาแม่ก็รู้แล้วว่าแม่คิดอะไร เอสไม่รู้สึกอึดอัดที่อยู่กับคุณแม่ การมีคนที่รัก คนที่เข้าใจ รู้นิสัยเราอยู่ด้วย ทำ อะไรด้วยกันมันดี มากๆ บางทีเราเจอประสบการณ์ชีวิตใหม่ๆ ยังไม่เรียนรู้ที่จะแก้ปัญหา อาจจะมีเดินไปในทางที่ผิดพลาด อย่างน้อยมีแม่เป็นที่พึ่ง ให้กำลังใจ และให้ความหวัง คอยชี้ทางให้ เพราะเขาอาบน้ำร้อนมาก่อน มันดีกว่าค่ะ”

เคยทะเลาะกับคุณแม่บ้างไหม “มีบางทีเราดื้อ แม่ก็มีดุมีตี ตอนนั้นเป็นช่วงรอยต่อเข้าวัยรุ่น ติดเพื่อน ลองผิดลองถูก แล้วบางสิ่งที่เราลองไม่ค่อยดี นิสัยและการพูดจาเริ่มเปลี่ยน เห็นเพื่อนพูดก็พูด นึกว่าเท่ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่ามันถูกต้องหรือเปล่า แม่ก็จะตี ท่านตีเมื่อลูกทำผิด แต่พอโตขึ้นก็จะเป็นการพูดกันมากกว่า เขาก็จะคอยสอนและให้บทเรียนเรา”

แล้วคุณพ่อล่ะ “พ่อเป็นคนเงียบๆ ใจเย็น เก็บตัว และความที่เรากับคุณแม่เป็นผู้หญิงเหมือนกันเลยสะดวกในบางเรื่อง เราปรึกษาคุณแม่ทุกเรื่องเรียกว่าแทบจะไม่มีความลับต่อกันเลยค่ะ”

รักแฮปปี้”เคน”ตรงสเป๊ก-ไลฟ์สไตล์ตรงกัน

“แฮปปี้ค่ะ(ยิ้ม) เรียกว่าเป็นอีกจังหวะหนึ่งของชีวิต ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น” นางเอกสาว “เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา” เปิดใจเรื่องความรักที่คบหากับพระเอกหนุ่ม “เคน”ภูภูมิ พงศ์ภานุ ที่ดูสุดแสนจะแฮปปี้

จากนั้นกล่าวว่า “ที่ผ่านมาที่มีข่าวจิ้นกับคนโน้นคนนี้ คิดว่ามาจากผลงานที่คนดูคิดว่าเข้ากันเล่นรับส่งกันได้ดี แต่ไม่ใช่ชีวิตจริง”

แต่ตอนนี้มีตัวจริงแล้ว เอสเธอร์หัวเราะกลบเขิน “จริงๆ รู้จักกันนานแล้ว แต่ก็ผ่านช่วงเวลานั้นมา แล้วก็กลับมาคุยกันอีกทีช่วงปีนี้ ที่มาเจอกันเพราะไปถ่ายนิตยสารฮันนีมูนแอนด์ทราเวล ด้วยกันที่เชียงราย แต่พอถ่ายเสร็จต่างคนต่างทำงาน ไม่ได้คุยกันเลย”

เคนรุกจีบเลยไหม “พี่เขารู้จักกับผู้จัดการเอส เลยมีโอกาสคุยกันเจอกัน แต่ถ้าถามว่าถูกใจอะไรในตัวพี่เคน คือถ้ารู้จักพี่เขาจริงๆ พี่เขาเป็นผู้รับฟังที่ดี ให้เกียรติเรา เป็นคนใจเย็นมากๆ คอยให้กำลังใจเวลาเราเหนื่อย คอยอยู่ข้างเรา ถามว่าเป็นสเป๊กไหม ก็สเป๊กนะ เพราะเราชอบผู้ชายโตกว่า เป็นผู้ชายลุย นิสัยแมนๆ”

ไลฟ์สไตล์ตรงกัน “ใช่ค่ะ สไตล์เดียวกันนิสัยลุยเหมือนกัน สบายๆ ชอบทำอะไรคล้ายๆ กัน นั่งคุยกันจิบกาแฟในร้านกาแฟ คุยกันเรื่องเพลง ดูหนัง มันเป็นเรื่องเล็กๆ แต่สามารถทำร่วมกันได้”

ตอนนี้เราเปิดตัวมากขึ้น ไปเที่ยวกันบ่อย “ก็ต้องขอบคุณเขาที่เขาให้เกียรติ พี่เขาน่ารักค่ะ อย่างที่ไปเที่ยวก็เป็นช่วงที่ยังไม่ได้เปิดกล้องละครค่ะ ส่วนที่คนมองว่าหวานมาก เอสว่าปกติของคนที่ไปเที่ยวกันค่ะ”

คิดว่าความสัมพันธ์เราเดินหน้าเร็วไปไหม “ไม่เร็วไปนะคะ บางทีอะไรที่เราไม่ได้คาดคิดมันก็เข้ามาในจังหวะที่ดีเหมาะสม เราไม่ได้คิดถึงว่าเร็วไปไหม ทุกอย่างที่เจอในชีวิต ขอให้เช็กตัวเองว่าเรามีความสุขไหม ถ้าเริ่มรู้สึกไม่แฮปปี้ก็อาจจะไม่ใช่ เราพยายามทำอะไรที่ให้ตัวเองมีความสุข อีกส่วนหนึ่งเราก็ต้องเป็นห่วงคนรอบข้างและคนในครอบครัวเราด้วยว่าเขาโอเคไหม ทุกอย่างต้องไปพร้อมๆ กัน มีอะไรก็ต้องคุยกัน ไม่เอาตัวเองเป็นหลัก”

ระยะเวลาตอนนี้ที่คบหายังต้องปรับจูนอะไรไหม “คบกันมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว แต่น่าจะยังไม่ถึงปี ส่วนเรื่องปรับจูนไม่มี เรายังเป็นตัวเราเอง พี่เคนก็ยังเป็นตัวของพี่เขา เราค่อนข้างสบายๆ มีอะไรก็จะนั่งคุยกัน”

ใครโรแมนติกกว่ากัน “พี่เขาน่าจะโรแมนติก ถ้ามีโอกาสอะไร เขาก็จะมีทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ให้ เป็นคนน่ารัก แอบโรแมนติก”

คนนี้คุณแม่ไฟเขียว “คุณแม่เป็นคนสบายๆ เวลาเราไปไหนก็อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ตลอด ท่านก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้ลูกมีความรัก แค่ต้องรู้จักหน้าที่ อย่าให้เรื่องนี้กระทบงาน”

เห็นมีโอกาสเจอแม่เคนแล้ว “ค่ะ คุณแม่พี่เขาก็เป็นคนสบายๆ แม่พี่เขาก็รู้ว่าเราคุยกันอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ตลอด”

สำหรับมุมมองความรัก เอสเธอร์กล่าวว่า “ความรักทำให้เรามีกำลังใจ มีแรงจูงใจในการดำเนินชีวิต ความรักคือการให้เกียรติกันด้วย มีคนให้เราได้ดูแล คอยเทกแคร์มันก็ไม่เสียหาย”

ส่วนสถานะตอนนี้ น้องหนูบอกว่า “เรียกว่าเป็นทุกอย่างแล้วกันค่ะ ทั้งพี่ทั้งเพื่อน เราเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ต้นค่ะ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน