วันที่ 17 กพ. ที่สตูดิโออัมรินทร์ ทีวี มีการบันทึกเทปรายการ A-POP บันเทิง 34 โดยมีอดีตนางแบบชื่อดังระดับอินเตอร์ ยุ้ย-รจนา เพชรกันหา เป็นแขกรับเชิญ หลังจากจบรายการ อดีตนางแบบชื่อดัง ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวชีวิตของตนเองที่ผกพัน จากระดับอินเตอร์กลายเป็นคนเร่ร่อน น่าจะมาจากการถูกทำคุณไสยใส่มาเป็นเวลาเกือบ 20 ปี ตั้งแต่ที่อยู่ต่างประเทศ

ยุ้ย-รจนา เล่าว่า “ไม่เชื่อก็อย่าลบลู่ ยุ้ยเชื่อว่าโดนจริง เพราะว่ามันเกิดอาการกับเรา ไปหาหมอที่โรงพยาบาล กินยามาเกือบ 20 ปีก็ไม่หาย มันไม่ปกติ ต้องกินยาตลอดเวลา รู้สึกว่าไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองเท่าไหร่ บางครั้งเบลอๆ อาการเหมือนมีคนสั่งตลอดเวลา พอได้ไปปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์ที่วัดป่า พระอาจารย์ไล่ของออก ยืนยันคนเดียวหลายคนอาจจะไม่เชื่อ ต้องคนที่อยู่วัดวันนั้นค่ะ ตอนที่ของออก ที่ศาลากลิ่นเหม็นคลุ้งมาก ทุกคนจะได้กลิ่นหมด แต่มียุ้ยคนเดียวที่ไม่ได้กลิ่น และนั้นก็ไปถึงกุฏิที่ยุ้ยอยู่กับแม่ชีท่านนึง พระอาจารย์เก่งมาก ท่านเป็นพระปฏิบัติเคร่งมาก ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ หลวงตาที่ท่านเอาของออกให้ และของอันนี้ที่พระอาจารย์เอาออกให้ จะตามคนที่พระอาจารย์รู้จักไป แต่พระอาจารย์บอกทางจิตว่าอย่าตามไปเลย ให้อยู่กับอาตมาไปก่อน ทำให้กุฏิพระอาจารย์เหม็นอยู่ 3 วัน ถึงหายไป อันนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับยุ้ยที่เกิดขึ้นที่นั้น เพราะว่ายุ้ยไปปฏิบัติธรรมอยู่ 3 เดือน”

ก่อนที่ของจะออกรู้สึกอย่างไร
“รู้สึกเหมือนคนดวงตก หน้าไม่มีราศี แล้วก็โทรมมาก เหมือนไม่สบาย เหมือนไม่มีสติ ไม่มีความรู้สึกในร่างกาย คนรอบข้างก็ทักว่าทำไมหน้าดำ ทำไมเครียด ทำอะไรไม่ได้ เหมือนคนป่วยจริงๆ ป่วยปกติมันยังทำงานได้ แต่ป่วยแบบนี้มันทำอะไรไม่ได้ มรสุมชีวิตก็เข้ามาเยอะ ชีวิตยุ้ยสะบักสะบอมมาก ชีวิตเราแย่มาก”

รู้สึกว่าตัวเองโดนของตอนที่ชีวิตเราผกผันตลอดเวลาหรือเปล่า
“การโดนของมันสาหัส ก่อนที่มีปัญหาไปเดินเร่ร่อน ตอนนั้นยุ้ยอาจจะโดนมาแล้ว หรือว่าจะโดนตั้งแต่ยุ้ยอยู่เมืองนอก เพราะในเมืองนอกเขามีการแข่งขันกัน ในเมืองนอกมันไม่ต่างจากเมืองไทยเลย เขาเรียกว่าแบล็คเมจิก ที่เขาเล่นกัน แขกไทย พุทธ อิสลาม แล้วยุ้ยไปเซาธ์อิสต์แอฟริกา ซึ่งที่โน้นเป็นแหล่ง ยุ้ยไม่ได้บอกว่าเมืองเขาเล่นของ แต่พระอาจารย์บอกว่าของนี้เป็นอะไรที่เหม็นเน่ามาก”

เราเชื่อว่าโดนจากต่างประเทศ
“ใช่ค่ะ ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ เพราะทำให้ยุ้ยสตรองมาก ตั้งแต่กลับจากเมืองนอกมา ชีวิตมีขึ้นมีลง แต่ก็ไม่ถึงกับตาย”

ก่อนหน้านี้มีข่าวเรื่องยาเสพติดด้วย จริงหรือไม่จริง
“สมัยอยู่เมืองนอกเคยเทค เราเป็นวัยรุ่นไปเที่ยว ยอมรับว่าเมื่อก่อนเคยเทคโคเคน แต่นานมาแล้ว หลังจากที่ชีวิตมีปัญหาตอนที่ยุ้ยไปนอนที่ปั๊ม ไปเดินที่ข้างถนน ไปเดินเร่ร่อน ก็อาจจมีดื่มเบียร์ สูบบุหรี่ มันเครียด มันหาทางระบายไม่ได้ ไม่มีที่ปรึกษาเลย แม่เป็นแม่ชีบวชอยู่วัด พี่ชายมีครอบครัวกันหมด มีแต่เราคนเดียวไม่มีใคร ก็เลยประชดชีวิต”

โดนของมานานขนาดไหน โดนมาจากเมืองนอก แต่ทำไมเพิ่งแสดงอาการ
“โดนเมืองนอกนานแล้วคิดว่าจะเกือบ 20 ปี มารู้ตอนไปอยู่วัดค่ะ เพราะพระอาจารย์ท่านสัมผัสได้ ของอย่างนี้เรามองไม่เห็น คือมีอาการมานานแล้ว ไปหาหมอกินยา แต่พอกินยามากๆ เกือบ 20 ปีก็ไม่หาย มันทำให้ยุ้ยกลายเป็นคนไม่ปกติ จะวีนจะเหวี่ยงหงุดหงิด พอได้ไปปฏิบัติธรรมจนพระอาจารย์เอาของออกให้ จนทำให้เรารู้สึกว่าเราโล่ง เราหลุด มันซอฟต์มากขึ้น ชีวิตมีโฟกัสมากขึ้น มันรู้สึกว่าทำไมเราไม่กินยาแต่เราทำงานได้ ทำไมคุยกับคนอื่นรู้เรื่อง ก็ดูอาการ ถ้ามีหูแว่วประสาทหลอนก็จะไปหมอ แต่ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย”

เรียกว่าตั้งแต่มีข่าวออกมาตอนนี้พี่ยุ้ยมีอาการปกติดีที่สุด
“ใช่ค่ะ ดีขึ้น มีน้องคนนึงที่เป็นลูกศิษย์ ดูแลยุ้ยดีมาก ส่งวิตตามินมาให้ พอเอาของออกแล้วก็จะบำรุงตัวเอง ปกติคนโดนของหากโดนนานๆ จะไม่กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม แต่ยุ้ยโชคดีเพราะได้ธรรมะค่ะ ปฏิบัติธรรม 3 เดือนไม่ยุ่งกับใคร ตอนที่โดนทักว่าโดนของ ไม่เชื่อ แต่ว่าทุกคนที่วัดได้กลิ่นกันหมด แต่ยุ้ยไม่ได้กลิ่น และรู้สึกเหมือนว่ากำลังจะตาย”

ปฏิบัติธรรมานานทำไมเพิ่งรู้ว่าโดนของ
“โชคดีที่ได้ไปเจอพระอาจารย์ที่วัดป่าค่ะ ที่ได้ไปเพราะว่าคุณแม่เป็นเพื่อนกับแม่ชีที่นั่น ตอนนี้ชีวิตไม่เป็นโล้เป็นพายก็เลยไป และตอนนั้นมีคนแกล้งเอายุ้ยเข้าโรงพยาบาลบ้าไม่ให้เจอใครเลย ซึ่งยุ้ยตั้งใจจะไปวัดก็ไม่ได้ไปเพราะไม่มีใครรู้ว่ายุ้ยอยู่ที่ไหน พอมีคนรู้ว่ายุ้ยอยู่ที่นี่ ก็เลยมาเอาตัวยุ้ยออกไป พอออกจากโรงพยาบาลได้ไม่รู้จะไปไหนก็เลยตามแม่ชีไปวัดป่าค่ะ”

หายดีมา 3 เดือนแล้ว
“ใช่ค่ะ แต่ช่วงที่ออกพรรษา คนสวดมนต์เยอะ ยุ้ยมีอาการทรมานเหมือนคนเอาเลื่อยมาเลื่อนที่ท้อง อก และหัว คือไม่เป็นอันอยู่เลย ทรมานที่สุด คือของมันจะออก เจ้ากรรมนายเวรเขามาขอส่วนบุญ”

ตอนนี้ยังกังวลหรือหายเป็นปกติแล้ว
“ยุ้ยคิดว่าตัวเองหายเป็นปกติแล้วนะ คือทำงานได้ พูดรู้เรื่องขึ้น เพราะตอนนั้นเราอยู่ในฤทธิ์ยา กินยามา 20 ปี เบลอ ไม่แข็งแรง พอทำงานก็ไม่ค่อยเต็มร้อย จนพระอาจารย์บอกว่าถ้าตื่นลองไม่กินยา แล้วนั่งสมาธิ ก็ลองทำ อาการทางสมองก็ไม่มีอะไรน่ากังวลแล้ว เรารู้สึกว่าเรามีความสุขทุกอย่างมันก็ดีหมด สมอง สติปัญญา ตอนนี้ก็สวดมนต์ นั่งสมาธิ”

กลัวของย้อนกลับมาไหม
“ไม่ค่ะ ของไปแล้วค่ะ ตอนนี้ก็พร้อมกลับมารับงานในวงการ ตอนนี้เปิดโรงเรียนสอนอยู่ ถ้ามีงานก็รับนะคะ และกำลังจะเป็นพรีเซนเตอร์ของความสวยความงาม”

ฝากเรื่องการใช้ชีวิตกับธรรมะ ชีวิตดีขึ้นได้เพราะธรรมะ
“อยากให้น้องๆ ตักบาตร ไปวัด ไปสวดมนต์ ปฏิบัติ อ่านหนังสือธรรมะ เลือกคบคนดี เพื่อนเยอะๆ อาจจะไม่ดี มีเพื่อนน้อยแต่มีแต่คนดีๆ คนที่เป็นกัลญาณมิตรให้กับเราค่ะ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน