เปา-เอิร์ธ เปิดใจ รักซ่อนหวิดเลิก เคลียร์ดราม่าแต่งเพราะเป็นลูก ซูโม่กิ๊ก แจงเรือนหอ 20 ล้าน

เคลียร์ดราม่าไม่หล่อไม่เหมาะสมแต่งเพราะรวย – เตรียมตัวสละโสดอีกหนึ่งคู่แล้ว สำหรับนักร้องลูกทุ่งสาว เปา เปาวลี พรพิมล กับหวานใจหนุ่ม เอิร์ธ กานต์ กิจเจริญ ลูกชายคุณพ่อ ซูโม่กิ๊ก เกียรติ กิจเจริญ ที่ตอนนี้ความรักสุกงอมเต็มที่ มีแพลนถือฤกษ์ดีเข้าประตูวิวาห์ในเดือนพฤศจิกายน 2562

ล่าสุด เปาวลี ควงเอิร์ธ มาเปิดใจถึงเรื่องราวต่างๆ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง one31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ และนุ้ย สุจิรา เป็นพิธีกร

เกาะติดข่าวบันเทิงฮอตๆ
แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสดบันเทิง ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ย้อนกลับไปเมื่อ 8 ปีที่แล้ว เจอกันได้ยังไง?
เอิร์ธ : คือตอนนั้นผมเรียนอยู่ต่างประเทศ แล้วเปาเขาก็มาโปรโมตหนัง ผมกลับมาพอดี ก็เลยมีโอกาสได้เจอกัน เพราะปกติผมก็ไปตามรายการอยู่แล้ว แต่ตอนนั้นยังไม่รู้จักนะครับ เพราะเขาก็ยังใหม่ในวงการด้วย
เปา : ใช่ค่ะตอนนั้นยังไม่มีใครรู้จัก ‘เปา เปาวลี’ เลย แล้วรายการนี้ก็เป็นรายการแรกๆ ที่ไปโปรโมตเลย

เห็นบอกว่าคนที่เป็นพ่อสื่อคือ ป๋ากิ๊ก ซึ่งเป็นคุณพ่อจริงหรือเปล่า?
เอิร์ธ : จริงๆ ก็ไม่เชิงนะครับ เราแค่รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้นิสัยดีอะไรแบบนี้ แล้วคุณพ่อเขาก็ไปบอกเปา แล้วจะบอกว่าตอนที่เราถ่ายรูป หน้าตาก็ยังไม่ได้มองกันเลย หลังจากนั้นก็มีบางอย่างที่ทำให้เราชอบเขา
เปา : คือตอนนั้นเราถ่ายรายการเสร็จเรียบร้อย แล้วก็กำลังจะกลับบ้าน ก็ไปรออยู่หน้าสตูฯ เพื่อจะขอป๋าถ่ายรูปด้วย พอถ่ายกับป๋าเสร็จ ป๋าก็บอกให้รอแป๊บนึง เดี๋ยวจะเรียกลูกชายมาถ่ายรูปด้วย

แล้วมาเริ่มคุยกันได้ยังไง?
เอิร์ธ : หลังจากวันนั้นผมก็ไปขอเบอร์จากทีมงานครับ แล้วก็โทร.ไป ครั้งแรกเจอคุณแม่รับ เราก็บอกว่าเป็นทีมงานขอคุยกับเปาวลีหน่อย ก็เลยได้คุยกันครับ
เปา : พอคุณแม่ส่งโทรศัพท์มา เขาก็แนะนำตัว ซึ่งตอนนั้นเราก็ไม่ได้คุยอะไรมาก เพราะคุณแม่นั่งอยู่ใกล้ๆ และคุณแม่ก็ค่อนข้างห่วงเรามากพอสมควร เราก็พูดดังมากไม่ค่อยได้

เห็นว่าตอนแรกก็ไม่ค่อยมั่นใจ?
เปา : คือเราจะเป็นคนขี้ระแวงอยู่แล้วค่ะ แล้วก็ยังไม่มีใครเข้ามาในช่วงนั้นเลย อีกอย่างคือเราเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน เราก็เลยคิดว่ามันจะดีเหรอถ้าเกิดว่าเราให้ใจเขาไปเลย เราก็ต้องดูก่อนว่าเขานิสัยใจคอเป็นยังไง แล้วพอเขาตัดสินใจที่จะคุยกับเราแล้ว เราก็อยากจะเห็นความพยายาม หรือไลฟ์สไตล์ของเขาว่ามันเป็นยังไง เราก็เลยให้ Facebook คุยผ่านแช็ตไปก่อนอะไรแบบนี้ค่ะ แล้วคุณแม่ก็บอกว่าให้คุยเป็นเพื่อนไปก่อน แล้วค่อยพัฒนาเป็นอย่างอื่นค่ะ เพราะว่าตอนนั้นเราก็ยังอยู่ในช่วงของวัยรุ่น ซึ่งค่อนข้างยังเด็กอยู่

ดูใจกันนานถึง 3 ปี มั่นใจได้ยังไงว่าอยากจะรอผู้หญิงคนนี้?
เอิร์ธ : มีความรู้สึกว่าเขาก็อดทนไปกับเรา ก่อนหน้านี้เราก็มีแฟนมาหลายคนเหมือนกัน แต่ผู้หญิงคนนี้ระหว่างที่เราไม่อยู่ ระหว่างที่เราเรียนอยู่เมืองนอก เขาไม่เคยไปคุยกับผู้ชายคนไหนเลย เลยมีความรู้สึกว่าเหมือนเขาก็รอเราอยู่เหมือนกัน แล้วเขาก็เป็นคนที่รักครอบครัวของเขามาก แล้วเขาก็ยังรักครอบครัวเราด้วย เราก็คิดว่าถ้าเกิดวันนึงได้อยู่ด้วยกันเราคงเป็นครอบครัวที่รักกันมากแน่ๆ เลย
เปา : คือจะบอกว่าตอนที่เขาเรียนอยู่อเมริกา ตอนที่ของเขาเช้า บ้านเราก็จะดึกพอดี เราก็จะมีเวลาคุยกันแค่วันละ 1 ชั่วโมงเท่านั้น แล้วจะอยู่ช่วงเวลาประมาณห้าโมงเย็น ก่อนที่เราจะไปงาน เขาก็จะเริ่มตื่นไปเรียนแล้ว ซึ่งช่วงนั้นแหละค่ะเราก็มีโอกาสได้คุยกัน

แล้วคุณพ่อมารู้ว่าเราคบกัน ได้ยังไง?
เอิร์ธ : คือว่าจะเป็นคนที่บอกครอบครัวตลอดอยู่แล้วครับ ว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่หรือคุยกับใครอะไรแบบนี้ ซึ่งคุณพ่อเขาก็ทราบว่าเราคุยกับเราอยู่ ซึ่งตอนนั้นเขาก็โอเคไม่ได้มีปัญหาอะไรครับ แต่ เขาก็มีบอกบ้างว่าอย่าเต็มร้อยนะ เพราะเราอยู่เมืองนอก ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างอะไรแบบนี้ ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาที่คุณพ่อจะห่วงลูกชายครับ

เห็นบอกว่าตอนเป็นแฟนกันก็ต้องหลบๆซ่อนๆตลอดเลย?
เปา : คือจะเป็นความระแวงของเราเองค่ะ เพราะประมาณ 8-9 ปีที่ผ่านมา Social หรือการเปิดเผยของดารามันยังไม่เท่าตอนนี้ ในตอนนั้นเราก็ยังคิดแบบสมัยก่อนค่ะ ว่าถ้าเกิดเราเปิดตัวไปแล้วมันจะกระทบกับงานของเราหรือเปล่า ซึ่งตอนนั้นเราก็ยังไม่ได้ดังหรือมีคนรู้จักอะไรมากมาย แต่เราก็ต้องเลือกที่จะเซฟตัวเองไว้ด้วย อีกอย่างนึงคืออาชีพนี้มันก็เป็นความฝันของหนู และยังเป็นความฝันของทั้งครอบครัวด้วย

เคยรู้สึกแบบอึดอัดจนถึงขั้นไม่ไหวบ้างไหม?
เอิร์ธ : ก็มีนะครับ
เปา : ใช่ค่ะ ตอนนั้นก็คบกันประมาณ 2-3 ปีแล้ว ก็ไปดูหนังกัน และตอนนั้นเราก็ยังไม่ได้เปิดตัว เราก็เอาพี่ชาย และก็พี่ที่สนิทอีกคนนึงไปด้วย แล้วเราก็โทร.เรียกเขาให้มาดูหนังกัน แล้วเราก็ไปกับกลุ่มพี่ๆ แล้วให้เขาเดินตาม คือจะไม่กล้ายืนใกล้กัน
เอิร์ธ : ตอนนั้นเราก็รู้สึกน้อยใจครับ ว่าทำไมชีวิตเราเศร้าจังเลย เป็นแฟนกันแท้ๆ แต่ทำไมคือบอกใครก็ไม่ได้ ต้องเดินตามดูเขาสนุกสนาน แล้วเราก็เดินคนเดียว เป็นเหมือนแฟนคลับที่ไม่มีคนสนใจ เป็นแบบนั้นเลยครับ ก็เลยบอกเขาว่าเราพอกันแค่นี้เถอะ รู้สึกไม่ไหวแล้วจริงๆ

หลังจากนั้นเป็นยังไงต่อ?
เปา : ก็รู้สึกเศร้าค่ะ หลังจากที่ดูหนังจบทุกอย่างมันก็นิ่ง แล้วเราก็ต้องไปงานต่ออีก แต่พอมาเจอแบบนี้คือทุกอย่างมันนิ่งไปหมดเลย ซึ่งตอนนั้นเราทั้งคู่เองก็รู้สึกอึดอัด เลยคิดจะหยุดความสัมพันธ์ไว้แค่นั้น

แล้วอะไรที่ทำให้กลับมาคุยกันอีก?
เอิร์ธ : หลังจากนั้นอีกประมาณอาทิตย์นึงครับ เราก็รู้สึกไม่ไหว นอนไม่หลับ กินอะไรก็ไม่ค่อยลง ก็โทร.ไปบอกเขา เรากลับมาคุยกันเหมือนเดิมเถอะ
เปา : คือเขาต้องบินกลับไปอเมริกา เราก็ไม่ได้คุยกันอาทิตย์นึงเลยค่ะ พอเขาโทร.กลับมาเราก็ดีใจค่ะ ก็ได้แต่บอกเขาไปว่าให้อดทน ไม่นานเราจะผ่านช่วงเวลานี้ไปได้

แล้วมาถึงจุดไหนที่เราคิดว่า จะต้องเปิดตัวแล้ว?
เปา : คือวันนั้นเราไปร้องเพลง แล้วมันคับเวลา 4 ปีพอดีที่เราบอกเขาไว้ ว่าครบ 4 ปีแล้วจะเปิดตัวอะไรแบบนี้ แล้วงานนั้นพี่ๆ นักข่าวก็มาเยอะมาก แล้วเขาก็ตั้งไมค์ถามเราเลยค่ะ เราก็งงมากแบบไม่ได้ตั้งตัวเลย เราก็แบบว่าไหนๆ ก็เป็นฤกษ์งามยามดีแล้ว พี่ๆ ถามแบบนี้ เราก็ตัดสินใจบอกความจริงไปเลยค่ะ เราก็คิดมาตลอดค่ะว่ามันจะต้องถึงวันนี้ แล้วมาตอนนี้เราก็พร้อมที่จะตอบ และมันก็ถึงเวลาที่เราบอกกับเขาไว้แล้วด้วย อีกอย่างตอนนั้นหนูคิดว่ามันก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายและเราก็ไม่ได้ทำตัวไม่ดีด้วย แล้วเวลานี้เราก็พร้อมที่จะตอบทุกคำถามแล้วด้วยค่ะ

พอเขาตัดสินใจเปิดตัว เรารู้สึกยังไงบ้าง?
เอิร์ธ : เราก็ได้ฟังที่เขาสัมภาษณ์ ก็รู้สึกโล่งเลยครับ ก็บอกเขาว่าหลังจากนี้ก็รอดูแล้วกันว่ามันจะเป็นยังไงอะไรแบบนี้

หลังจากเปิดตัวก็มีกระแสสังคมมามากมาย รับมือกันยังไง?
เอิร์ธ : โดยส่วนตัวผมรู้สึกเฉยๆ นะครับ ก็มีเข้าไปอ่านบ้าง แล้วก็มีความรู้สึกว่าเขาไม่ได้รู้จักเรากับเปาตัวจริงๆ เขาเป็นแค่คนนอกที่มองเราจากภายนอกแค่นั้นเอง เขาไม่มีทางรู้หรอกว่าเราฝ่าฟันอะไรกันมาบ้าง
เปา : อันนี้หนูก็เข้าใจนะคะเรื่องกระแสเกาะคนรวย เพราะว่าครอบครัวเขาก็ค่อนข้างมีฐานะดีกว่าเรา แต่เราก็ภูมิใจที่ทุกวันนี้เราก็หาเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ แล้วก็มีความสุขกับสิ่งที่เรามีอยู่ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ใช่เศรษฐีหรือมีอะไรมากมาย แต่ทุกวันนี้เราเลี้ยงพ่อแม่ได้เราคิดว่าเราโอเคแล้ว และเราก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องไปขออะไรจากเขาด้วย

เซอร์ไพรส์ขอแต่งงานยังไง?
เอิร์ธ : ตอนนั้นผมพาครอบครัวและเขาไปเที่ยวกัน ไปกันประมาณ 10 กว่าคนครับ ก็ซื้อแหวนเตรียมไว้เลย ใส่กระเป๋าข้างหลังไว้ครับ แล้วเราก็พาเขาเดินไปเรื่อยๆ สักพักเราก็ตัดสินใจล้วง แต่ก็หาไม่เจอ แล้วเขาก็เริ่มรู้ตัว ตอนหลังก็หาเจอ เราก็ดึงมือเขามาสวมเลยครับ ตอนนั้นคือตื่นเต้นมากครับ ทำอะไรไม่ถูกเลยไม่ได้มีการคุกเข่าใดๆ ทั้งสิ้น
เปา : ตอนนั้นเราก็ตกใจค่ะ ว่าเขาทำอะไร อยู่ดีๆ ก็กระชากมือมา แต่เราก็ตอบตกลงค่ะ

เห็นว่าถึงขั้นเปลี่ยนศาสนาเลยด้วย?
เปา : คือตอนนี้ยังไม่ได้เปลี่ยนค่ะ แค่ไปเรียนคำสอนเฉยๆ ส่วนตัวหนูคิดว่าคนอื่นฟังอาจจะดูเป็นเรื่องใหญ่ แต่สำหรับหนูถึงแม้เราจะเปลี่ยนศาสนา แต่เราก็ยังมีครอบครัวที่เป็นศาสนาพุทธอยู่ เรามีแนวทางปฏิบัติกันมา เราได้เรียนพระพุทธศาสนาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งหนูก็คิดว่ามันคล้ายกันและมันเหมือนกันทุกศาสนา ที่สอนให้เราเป็นคนดี แล้วเดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้เคร่งหรือแตกแยกอะไร เราก็ยังประสามารถไปวัดทำบุญกับครอบครัวเราได้อยู่เหมือนเดิมค่ะ

มีข่าวว่าเรือนหอราคา 20 ล้าน จริงหรือเปล่า?
เอิร์ธ : ไม่หรอกครับ เราแค่ซื้อเพิ่มหลังข้างๆคุณพ่อแค่นั้นเอง จริงๆ มันก็ไม่ได้มีอะไรครับ

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน