วันที่ 7 มี.ค. ที่ สตูดิโอ ช่อง 8 มีการบันทึกเทปสดรายการ ปากโป้ง ซึ่งในเทปนี้มีนางเอกหนังเอวี “แนท เกศริน” ศุจินันช์ เนสแลนด์ มาออกรายการ เพื่อพูดถึงประเด็นที่ถูกจ้างไลฟ์สดอาบน้ำ และที่หลายคนสงสัยว่าเลิกกับสามีเศรษฐีชาวอเมริกา วัย 69 “ฮาโรลด์ เจนนิ้งส์ เนสแลนด์ จูเนียร์”

หลังจากจบการบันทึกเทป “แนท-เกศริน” ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดย “แนท” เผยว่า “คลิปไลฟ์สดที่ออกมาเป็นงานจ้างของนิตยสารค่ะ ก็เลยรับทำค่ะ”

ก่อนหน้านี้ประกาศแขวนเต้

“จริงๆ แนทแค่บอกว่าห่างมากกว่าค่ะ ไม่ได้บอกว่าแขวน เราก็ยังทำงานอยู่ในวงการนี้อย่างต่อเนื่องจริงๆ”

รายได้ดีเหรอถึงเริ่มทำ

“เรามีคอนเทนต์ต่อโดยที่เราจะถ่ายกับนิตยสารของเขาค่ะ คือเป็นการไลฟ์สดทั่วไป และขอเซ็กซี่นิดนึง แต่เราก็ไม่ได้ทำเหมือนเน็ตไอดอลคนอื่นๆ ที่ร้องคราง คือเรามีเรื่องราวของเราที่จะทำ เช่น กินแอปเปิ้ล กินวิปครีมใครจะมาเต้นตลอดทั้งชั่วโมง หรือจะมาร้องครางทั้งชั่วโมงก็คงเป็นไปไม่ได้”

คนมองว่าเป็นการกระทำอนาจาร เพราะลงโซเชียล

“มันเป็นของเพจนิตยสารนะคะ ไม่ได้เป็นเพจส่วนตัวค่ะ ไม่ได้คิดว่ากระแสจะแรงขนาดนี้ เพราะว่าเพจของเขาคนตามไม่ได้เยอะตั้งแต่แรก มีตามแค่ 4 หมื่นคน พอเราบอกว่าจะทำไลฟ์สดมันก็เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งแสนนึง ไม่ได้คิดว่าคนจะตามเราเยอะ เพราะมันมีเน็ตไอดอลในนั้นอีก 2 คน ซึ่งเราไปเปรียบเทียบกับเขา 2 คนไม่ได้ เพราะ 2 คนนั้นคนตามเยอะมาก เราคิดว่าเราน้องใหม่นะ ไม่คิดว่าจะดัง ก็ลองหัดทำดู ไม่คิดว่าจะดังและกระแสเยอะขนาดนี้”

แนทไม่ได้โชว์ทั้งหมด

“มีการเซฟทุกอย่าง ใส่บรา คือถ้าใครดูคลิปตั้งแต่ต้นจนจบจะเห็นว่าตอนที่แนทถอดออกมาจะมีซิลิโคนอยู่ด้วย ซึ่งมันไม่ได้เป็นบราลูกไม้และเห็นหัวนม”

ไม่คิดว่ามันน่าเกลียดอนาจารตามกระแสที่เขาว่ากัน

“คนเขาคิดกันไป จริงๆ การอนาจารคือมันต้องเห็นจุก เห็นข้างล่าง ถูกมั้ย แต่แนทไม่ได้เห็นนะคะ แนทไม่ได้ไปถอดเปลือยล่อนจ้อนเห็นขนาดนั้น และที่มาเต้นไลฟ์สดไม่ใช่เพราะมีปัญหาเรื่องเงิน แนทอยากหาเงินเพิ่มด้วย มันเป็นงานของเรา เป็นเงินของเราที่เราได้มาจากหยาดเหงื่อแรงงานของเราค่ะ ถ้าจะมาบอกว่าถังแตกก็คงไม่ใช่ เพราะว่าแนทก็ยังใส่เพชรเต็มตัวเลยค่ะ ถ้าไม่มีกินก็คงจะต้องเอาเพชรไปขายก่อนมาทำงานแบบนี้ ที่ทำเพราะเราต้องต่อยอดชีวิตของเรา เราต้องทำงานหาเงิน จะรอให้ใครมาบริจาคให้เราเหรอค่ะ ไม่มีเงินสุดท้ายมารอขอรับบริจาคก็ไม่ใช่นะคะ”

การไลฟ์สดของแนทโดนเจ้าหน้าที่เรียกตักเตือนไหม

“ยังไม่มีค่ะ เพราะแนทคิดว่าแนทไม่ได้ทำอะไรที่มันอนาจาร เปลือยให้เห็นล่อนจ้อน เห็นหัวนมหรือเห็นข้างล่างค่ะ”

มีงานแบบนี้ติดต่อเข้ามาอีกไหม

“มีเป็นงานล้างรถ เป็นไลฟ์สด ซึ่งมันเป็นสถานที่ของเขาไม่มีใคร มีแค่กล้อง เราก็ใส่เป็นกางเกงขาสั้น และเป็นเสื้อบราปกติ เรื่องความเซ็กซี่ก็แล้วแต่ว่าเป็นรีวิวสินค้าอะไร ถ้าเราถ่ายนิตยสารเซ็กซี่เราก็ต้องเซ็กซี่ เพราะถ้าจับต้องไล่จับเยอะมาก เพราะน้องแต่ละคนครางอย่างกะคนโดนเสียบ หรือบางคนถอดออกมาแทบจะเห็นหัวนม อันนั้นยิ่งกว่า คือบางคนใส่เสื้อในจริงแต่หัวนมแทบจะหลุดออกมาแล้ว แต่แนทบอกเลยว่าตอนถอดบราก็ยังมีผ้าเช็ดตัวอยู่ค่ะ”

ลิมิตในการรับงานของเราล่ะ

“อาจจะโป๊แต่ไม่ถึงกับอนาจารมันเป็นสไตล์เซ็กซี่ที่เราทำงาน”

หลายคนมองว่าเราเลิกกับสามีแล้วกลับมารับงาน

“ทำไมถึงคิดว่าแนทเลิก ที่ในไอจีไม่ได้ลงรูปสามี เพราะว่ามันเป็นไอจีแนท ไม่ใช่ไอจีสามี มันเป็นงานใครอยากจะเห็นแนทแก้ผ้า แล้วเห็นผัวแนทอยู่ไหมค่ะ มันก็หมดอารมณ์ เราไม่ได้เลิกกัน แค่แยกกันอยู่”

สามีเห็นงานที่แนททำ เขาว่าอย่างไรบ้าง

“เฉยๆ เพราะไทม์ไลน์แนทก็โพสต์ตลอด ซึ่งงานแต่ล่ะงานที่แนททำ หรือว่าไปวัด แนทจะโพสต์ในไทม์ไลน์ แต่คนบางกลุ่มอาจจะไม่เห็นสิ่งที่แนททำทุกอย่างในชีวิตแนทเหมือนเมื่อก่อน แนทเลือกที่จะลงแต่งานให้เห็น”

เวลารับงานเราจะบอกสามีก่อนไหม

“เราไม่คุยเรื่องงานกันค่ะ แต่เราจะบอกว่ามีงาน เขาก็ติดตามไอจี เฟซบุ๊กของเราอยู่แล้ว ที่เราไลฟ์เขาก็เห็นหมด ข่าวทุกข่าวเขาเห็นหมด เขาไม่ได้ว่าอะไร เขาก็ดีใจที่มีเมียเป็นโมเดลเซ็กซี่สตาร์ เขาไม่หวงค่ะ”

แสดงว่าความรักของเรายังดี

“ดีค่ะ แต่ห่างๆกัน ต่างคนต่างมีหน้าที่ของตัวเอง เรายังคุยกันอยู่เกือบทุกวัน ต่างคนต่างมีงาน เขามีธุรกิจบิสสิเนสที่นั่น เวลาที่เขามาเมืองไทย การทำงานของเขาก็จะติดขัด เพราะว่าเวลาเมืองไทยกับที่บ้านเขาต่างกัน”

เราจะไปอยู่กับสามีที่ต่างประเทศ

“ตอนนี้รอกรีนการ์ดอยู่ค่ะ แต่เรื่องที่จะไปอยู่กับเขา ไม่ใช่ตอนนี้ค่ะ ถ้ากรีนการ์ดผ่านก็ไม่ใช่ตอนนี้ที่เราจะไปอยู่ดูแลเขา มันยังบอกไม่ได้ อนาคตไม่รู้ว่าจะอยู่กันต่อหรือเลิกกัน ตอนนี้แนทดูทีละเรื่อง ส่วนสามี เขาอยากให้ไปอยู่ด้วย”

เหมือนเรายังไม่มั่นคงกับรักครั้งนี้

“แนทยังไม่ได้รักเขาขนาดนั้น มันบอกไม่ได้ว่าจะรักกันเมื่อไหร่ หรือว่าจะรักเขาไหม แต่เราจดทะเบียนสมรส”

คนเลยมองว่าเราจดทะเบียนสมรสทั้งที่ไม่รัก เพราะหวังสมบัติ

“แนทขอหย่าเขา เขายังไม่หย่าเลย ต้องดูที่ฝ่ายชายด้วย แนทขอหย่ากับเขา 3 รอบ บอกเขาว่าไม่ได้รัก แต่แนทสามารถให้การดูแลปฏิบัติได้ดี แต่ถ้าอยากได้ความรัก อยากได้เรื่องบนเตียงให้ไปหาผู้หญิงคนอื่นได้ แนทยินดีที่จะหย่าให้ แต่เขาไม่ไป เพราะเขารู้ว่าถ้าไปหาอยากนั้น เขาก็จะได้ผู้หญิงที่อยากได้แต่เงิน”

มีข่าวว่าเราติดหนี้สามี

“ใช่ค่ะ เยอะด้วยเพราะแนทเอาเงินมาซื้อที่ดิน และลงทุนซื้อทอง ซื้อเพชร บางที่เงินที่เขาให้มา มันอยู่ในบัญชี ถ้าคุณอยากใช้อะไรก็เอาไปเลย เพราะเงินของผมก็เหมือนเงินของคุณ เขาโอนเงินให้เราตลอด เงินคืนภาษีที่ทางอเมริกาคืนให้เขามาปีหนึ่ง 6-7 แสนบาท เขาก็ยกให้เรา แต่เราไม่ถือวิสาสะว่าเป็นของเรา เวลาเราเอาไป เราก็จะจดไว้ว่าเอาไปเท่าไหร่ แล้วก็ผ่อนคืน เรามีคุณธรรมพอสมควร ตราบใดที่เรายังไม่รักเขา เราก็ไม่ควรเอาของเขามาเป็นของเรา”

เขาให้เงินเดือนเราด้วย

“ใช่ค่ะ ในแต่ละเดือนเขาจะโอนเงินมาให้ เพราะเขาถือว่าเขาไม่ได้หย่า ที่สำคัญเขามาอยู่เมืองไทย ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าโน่นนี่ที่เขาเปิดไว้ มันเยอะมาก แนทต้องมานั่งเคลียร์ในแต่ละเดือน”

สินทรัพย์ที่เขาให้เราเป็นเงินเท่าไหร่

“เอาจริงๆ สินทรัพย์มันเป็นเงินของแนทไม่ใช่เงินของเขา มันเป็นเงินที่แนททำงานมา ส่วนเงินสดเป็นเงินที่เขาให้ แต่แนทไม่ได้เอามาใช้”

กลับมารับงานเต็มร้อยแล้ว

“ใช่ค่ะ เพราะว่าจะได้มีเงินมาใช้หนี้สามี ซึ่งเยอะด้วยค่ะ”

ทำไมถึงตัดสินใจรับงานอีกที เพราะก่อนหน้านี้เหมือนเราก็มุ่งเข้าสู่สายธรรมะ

“จริงๆ แนทอยู่ควบคู่มาตลอด เพียงแต่ว่าไม่มีคนเห็นแค่นั้นเองในสายทางธรรม ที่แนทกลับมาเพราะแนทว่าวงการนี้แนทรักค่ะ แนททำงานกับมันทุกครั้งแนททำด้วยหัวใจ ทำด้วยความรัก และที่สำคัญเราต้องรู้ตัวเอง แนทว่าแนทเป็นสายเอ็นเตอร์เทน ถ้าเราชอบเอ็นเตอร์เทน แนทว่างานตรงนี้ก็เหมาะกับเราค่ะ เพราะเราได้ทำให้คนดูมีความสุข”

แต่ก็มีบางมุมคนมองว่าเราสร้างภาพใส่ชุดขาวเข้าวัด

“การใส่ชุดขาวเข้าวัดมันก็เป็นเพียงแค่พิธีทางศาสนานะคะ แต่การกระทำจริงๆ การทำความดี การปฏิบัติธรรมมันทำได้ทุกที่ค่ะไม่จำเป็นต้องใส่ชุดขาว แค่เราทำดีทุกวัน ไม่คิดร้ายกับใคร เราก็ถือว่าเป็นการปฏิบัติธรรมแล้วค่ะ”

การเข้าวัดกับสายงานที่เราทำมันจะสวนทางกันพอสมควร

“เขาได้ปฏิบัติแล้วหรือยังคะ ถ้าการที่เขามาพูดแบบนี้แนทก็ไม่ได้ว่า แต่เขาได้ลงมือปฏิบัติ ได้เข้าสู่ทางธรรมแล้วหรือยัง แนทสามารถอยู่ได้ทั้งทางโลกและทางธรรม ถ้าแนทโกนผมบวชชีอยู่แล้วสึกออกมา เพื่อจะมาทำงานตรงนี้ วันนั้นค่อยมาว่าแนทดีกว่า แนทเป็นชาวพุทธก็จริง แต่แนทยังต้องใช้ชีวิตอยู่ในทางโลก และทุกครั้งที่แนทไปปฏิบัติธรรมเราก็รู้ถ้าเวลาที่มีข่าวออกมาคนก็ด่าเรา แนทก็อโหสิให้ทุกครั้งจะได้ไม่เป็นบาปต่อกัน”

พอเรากลับมาใช้ชีวิตที่เมืองไทย มีหนุ่มๆ เข้ามาจีบบ้างไหม

“ตอนนี้หนุ่มๆ ไม่มีหรอกค่ะ เพราะเราเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ไปถึงสองเบอร์แล้ว เลยทำให้ไม่มีใครเข้ามาติดต่อแนท และมันก็เป็นการเซฟตัวเองด้วยค่ะ ซึ่งก่อนหน้านี้มีมาเยอะมาก”

เราปิดใจไม่รับใครแล้วใช่ไหม

“ไม่ได้ปิด เพียงแต่เราไม่ได้ออกไปเจอคนในสังคมมากกว่า แต่ก็มีนะคะช่วงที่เป็นข่าวดังผู้จัดการส่วนตัวบอกว่ามีพวกผู้หลักผู้ใหญ่ รัฐมนตรีโทรมาขอกินข้าวอะไรแบบนี้ พี่สาวก็บอกขอชื่อจริงนามสกุลจริงหน่อย เขาก็บอกไม่บอกได้ไหมครับ แล้วก็วางหูไป แต่จริงๆ ที่ถามเพราะอะไร เพราะเรากลัวจะมีคนแอบอ้างมาทำให้วงการของเขาเสื่อมค่ะ”

ถ้ามีคนไทยดีๆ สักคนเข้ามา เราอยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ไหม

“แนทยังไม่ได้หย่ากับสามีอ่ะค่ะ แต่ถ้าถามว่าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ไหม มันต้องดูเป็นคนๆ ไปค่ะ วันนี่แนทยังไม่เจอ มีแต่คนบอกว่าแนทต้องเจอคนต่างชาติ ต่างศาสนา ไม่ได้อยู่กับคนไทยค่ะ ส่วนคนต่างชาติจะมีเข้ามาไหมก็ยังไม่รู้เหมือนกันค่ะ มันยังตอบไม่ได้ เพราะตอนนี้เรายังไม่เจอใคร เราทำแต่งาน”

เรื่องการหย่า คือเรารอให้สามีเป็นฝ่ายพร้อมจะหย่าเองใช่ไหม

“ใช่ค่ะ เมื่อไหร่ที่เขารู้สึกไม่ไหวกับเราแล้ว เราให้เขาเป็นคนเอ่ยปากที่จะหย่าดีกว่า เพราะสามครั้งที่ผ่านมาเราเป็นฝ่ายเอ่ยปากตลอด แต่เขาไม่ยอมหย่าค่ะ”

ถามถึงเรื่องที่เร็วๆนี้เตรียมอัพไซส์หน้าอก

“ใช่ค่ะ จะไปเพิ่มค่ะ แนทไปหาคุณหมอ แล้วคุณหมอก็จับหน้าอก เขาก็บอกว่าไม่หย่อนคล้อย ไม่ยานไม่ต้องทำหรอกธรรมชาติแบบนี้ก็ดีแล้ว แต่ว่าพอเรากลับมาตัดสินใจ คิดไปคิดมา บวกกับที่เราได้พรีเซนเตอร์ด้วยไง เราก็รู้สึกว่ามันเป็นปัญหาเป็นอุปสรรคในการถ่ายแบบมากกว่า แต่ถ้าถามว่าการดำรงชีวิตในปัจจุบันเราไม่จำเป็นต้องอัพก็ได้แต่ว่าเวลาถ่ายแบบมันจะลำบาก เพราะว่าเราต้องมานั่งขยันโกย หาวิธีทำให้นมมันตั้ง ตัดสินใจทำแต่ว่าก็ไม่ได้มาก เพื่อเพิ่มเนื้อตรงเนินอก และทำให้หน้าอกอยู่ทรงมากขึ้นเท่านั้นค่ะ จะไปทำวันที่ 14 มีนาคมนี้ค่ะ”

น้อยใจไหม ทำงานแล้วโดนกระแสในแง่ลบ

“แนทไม่มองอย่างนั้น เราอยู่ในสังคมไม่ว่าจะเป็นดารานางแบบ เป็นเซ็กซี่ดาวยั่วทุกคน ต้องถูกวิพากษณ์วิจารณ์มันเป็นสัจจธรรมแล้ว ตราบใดที่เรายังอยู่ในวงการบันเทิง เราก็ต้องอยู่กับมันให้ได้ และแนทอยู่ในที่ของแนท ไม่ได้ไปก้าวก่ายในพื้นที่ส่วนตัวของใคร แนทมีความสุขกับสิ่งที่แนททำในวันนี้ แต่ถ้าเราเอาตัวเองไปอยู่ในพื้นที่ที่พวกเขาอยู่เนี่ย แนทก็เชื่อว่าเราจะอยู่ในพื้นที่นี้ลำบาก เพราะว่ามันคือการที่เราแคร์ทุกคน”

มีโครงการจะทำอะไรอีกไหม เกี่ยวกับครอบครัว การงาน อย่าง สร้างบ้านให้ท่าน

“วางแผนกันเรื่องการทำธุรกิจอยู่ตลอด แต่ว่าในสายครอบครัว ญาติเราเรียนมาทางด้านอสังหาริมทรัพย์ เป็นนักขายนะคะ ก็ดูเมื่อมีโอกาสใช้ช่วงเวลาที่เรามีโอกาสเก็บเกี่ยวชีวิตในเรื่องของที่ดิน สินทรัพย์ ที่สามารถหาได้ ทำได้ด้วยตัวเอง แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นเศรษฐีที่ดิน มีไม่กี่แปลงเอง แต่ว่าเราภูมิใจที่มันมาจากน้ำพักน้ำแรงของเรามากกว่าที่ไม่ได้มาจากสามี”

ตอนนี้อาชีพเราทำอะไรอยู่

“นางแบบ นักแสดง ดารา จะว่าเป็นเน็ตไอดอลก็ใช่ เพราะว่ามันก็อยู่ควบคู่กัน แล้วก็เดินสายเซ็กซี่โชว์ อีเว้นต์ตามงานต่างๆโชว์ตัว”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน