วันที่ 21 มี.ค. ที่ ลานเอเทรียม ชั้น 1 สยามเซ็นเตอร์ หญิงลี ศรีจุมพล นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ให้สัมภาษณ์ในงาน บาร์บีคิวพลาซ่า เปิดตัวแคมเปญ “ยิ่งส่งยิ่งสุข” ถึงอาการป่วยแขนขาอ่อนแรงของตัวเอง รวมถึงอัพเดตอาการ นางบุญล้อม ศรีจุมพล คุณแม่ของตัวเองที่ถูกรถกระบะพุ่งชนหน้ารีสอร์ตที่กำลังก่อสร้าง เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา จนได้รับบาดเจ็บสาหัสมีเลือดออกในสมองทั้งสองข้าง

โดย ‘หญิงลี’ กล่าวว่า “ขอบคุณมากๆ กับการถามถึงอาการป่วยของหญิง หญิงมีภาวะนอนไม่หลับแล้วทานยา และมีอาการแขนขาอ่อนแรง ซึ่งก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเกิดจากอะไร หญิงก็เลื่อนวันประกันพรุ่งเพื่อไปหาหมอ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดีเท่าไหร่ อันนี้ก็กำลังที่จะรักษาอย่างเต็มที่ บังเอิญกับที่คุณแม่ประสบอุบัติเหตุก็เลยอยู่ในภาวะนอนไม่หลับเป็น 10 วันเลย รู้สึกไม่ค่อยดี อย่างขาหญิงต้องเอามือยกตัวเองขึ้นบันได”

“เบื้องต้นได้ไปหาหมอมาเมื่อ 2-3 วันที่แล้ว ได้ไปตรวจเลือดดูก็ไม่ได้เป็นอะไร อาจจะเป็นเพราะว่านอนไม่หลับแล้วสมองตีบตันหรือเปล่า ยังไม่ได้ไปเช็กอย่างละเอียด ตั้งใจว่าวันนี้จะไปค่ะ เพราะคุณแม่ก็หมดห่วงแล้วกลับมาที่บ้านแล้ว เรื่องค่ารักษาอะไรก็จัดการหมดแล้ว รวมถึงวันนี้หญิงก็ได้มาเคลียร์งาน จากตอนแรกที่จะไม่ได้มาเพราะหญิงไม่สวย ร่างกายไม่พร้อม หญิงเต้นไม่ได้เลย บอกกับทางผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็บอกว่าไม่ได้เพราะงานเขาแพลนมาแล้ว ถ้างั้นหญิงจะไป แต่ก็ขออภัยที่ไม่สมบูรณ์” ลูกทุ่งสาวกล่าว

ถามถึงอาการหน้าบวมเกิดจากอะไร
หญิงลีบอกว่า “ถ้าเวลาที่หญิงกินยาจะมีอาการหน้าบวมประมาณนี้ หญิงต้องทานยา บางทีก็ทานไม่เป็นเวลา คือเป็นเรื่องของระเบียบวินัยของตัวเองด้วย เวลาหน้าบวมก็จะใช้เวลาหลายๆ วัน เคยบวมแล้วหายไป คงใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ค่ะ มันก็ไม่ได้มีอะไรมาก แค่หน้าบวมเหมือนเวลากินอะไรเยอะๆ มันก็จะออกที่หน้า ที่แขนอะไรบ้าง”

ต้องทานยาตลอดเหรอ ถ้ามีอาการนอนไม่หลับ
นักร้องสาวกล่าวว่า “บางครั้งก็ไม่ทานเพราะถ้าทานบ่อยๆ ก็ไม่ดี ทานเฉพาะวันที่หญิงต้องการนอน แบบที่ต้องไปทำงานตอนเช้า หญิงคิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับยานอนหลับ น่าจะเกี่ยวกับการที่หญิงเครียด แล้วก็เบลอ นอนไม่หลับ แขนขาชา แล้วก็กินยาตัวนี้ก็กลัวว่ากล้ามเนื้อจะอ่อนแรง ในอนาคตหญิงจะมีร่างกายกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงขึ้น ทางคุณหมอก็เตือนอยู่ว่าทานยาและกินอาหารให้ตรงเวลา”

สอบถามอาการกับทางคุณหมอบ้างหรือยัง
ลูกทุ่งสาวกล่าวว่า “ยังเลย คิดว่าจะหายไปเอง เพราะมันก็หลายวันแล้ว บังเอิญกับวันนี้ที่มีงานด้วย ความจริงตั้งใจจะไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วกะจะขอแคนเซิลงานนี้ แต่ในเมื่อต้องมาแล้วก็ได้ออกสื่ออย่างเต็มที่เลย ยังไงก็ขอความเข้าใจหญิงด้วย สำหรับร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ เงินทองมันซื้อไม่ได้กับสุขภาพ เพราะถ้าสุขภาพแย่ความสุขก็จะหายไปเลย หญิงเลยคิดว่าปีนี้ปีหน้าปีต่อๆ ไปหญิงขอทำงานด้วยความสุข ไม่โลดโผนวิ่งหางานมากมาย แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว อย่างที่หญิงไม่เคยมีมาก่อน มีเงินทองมีชื่อเสียง เราก็อยากมีความสุข หามากมาย แต่ไม่ได้ใช้ด้วยความสุข อยากทำอะไรเพื่อสังคม เพราะเอ่ยปากไปแล้วว่าหญิงเป็นคนของประชาชน เป็นจิตอาสาไปไหนก็ได้ที่งานราชการที่สังคมให้ไป บรรยายหรืออะไร หรือเกี่ยวกับการทำอะไรเพื่อสังคมก็ยินดีไป ไม่คิดตังค์ก็ไป หรือให้ไปเล่าเรื่องคุณแม่ที่อยู่ในภาวะที่ทั้งจะตายทั้งจะเป็น”

แบบนี้จะลดงานเพื่อมาอยู่กับคุณแม่ด้วยหรือเปล่า
หญิงลีบอกว่า “หญิงไม่เคยเสียใจเลยว่าหญิงไม่ได้ทำดีกับเขา เพราะที่ผ่านมาหญิงทำดีกับเขาตลอด จากให้ 3 พัน 5 พัน ทุกวันนี้ก็ให้ได้มากกว่าเดิม ให้ตามอัตภาพของตัวเรา สิ่งที่ภูมิใจมาตลอดว่าหญิงมีน้อยให้น้อย มีมากก็ให้ตามสมควร”

ถามถึงอาการคุณแม่นิดหนึ่ง เห็นว่ากลับบ้านแล้ว
หญิงลีเล่าวว่า “ชั่วโมงต่อชั่วโมงเลยตั้งแต่วันแรก หญิงก็โทร.ตามพี่ชายเพราะพี่ชายไม่เจอกับแม่มา 2 ปี บอกว่าให้เขารีบกลับมานะเพราะไม่รู้ว่าแม่จะตายจากพวกเราไปตอนนี้หรือเปล่า ความดันขึ้นๆ ลงๆ หญิงก็ร้องไห้ บอกให้พี่ชายรีบมาเพราะถ้าแม่จะจากไปก็อยากให้พวกเรามาอยู่ด้วยกัน เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ได้รู้ว่าชีวิตมันมหัศจรรย์แค่ไหน บางคนถามว่าทำไมไม่พาแม่ไปโรงพยาบาลดีๆ เวลานั้นมันไปไม่ได้เลยค่ะ เพราะได้รับการช่วยเหลือตั้งแต่อบต.บ้านครู มาที่อ.นาโพธิ์จากนั้นก็ส่งรถมาที่จ.บุรีรัมย์ เรียกว่าได้รับการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องและได้รับการผ่าตัดในคืนนั้นจึงต้องอยู่ไอซียูของโรงพยาบาลบุรีรัมย์ไม่สามารถย้ายผู้ป่วยออกจากตรงนั้นกะทันหัน คุณหมอและโรงพยาบาลที่นั่นก็ดูแลเป็นอย่างดี”

ได้พึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือบนบานศาลกล่าวบ้างไหม
หญิงลีกล่าวว่า “ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่างเลยค่ะ ตรงนี้เพราะเชื่อในปาฏิหาริย์ แรงศรัทธา และแรงอธิษฐานของคนทั้งประเทศที่ส่งมาให้แม่ของหญิง”

“สำหรับคืบหน้าอาการของคุณแม่ ตอนนี้พูดคุยได้ปกติ จำทุกคนได้และจำได้เยอะกว่าเดิมด้วย นอกจากนี้ยังร้องเพลงผู้หญิงลั้นลาได้ท่อนนึง แต่ว่าคุณแม่ยังเหมือนเด็กอยู่ พูดเยอะ บางทีก็พูดไปเรื่อยเปื่อย หญิงเชื่อว่าเดี๋ยวทุกอย่างน่าจะดีขึ้นถึงคุณแม่จะมีอาการอะไรแต่ก็ได้คืนมาเยอะมาก ตอนนี้ไม่มีอะไรกังวลแล้วน่าจะมีอาการเหมือนเด็กก็เป็นเรื่องปกติ สมองซ้ายยังบวมและมีน้ำอยู่แต่คุณหมอบอกว่าเดี๋ยวมันจะค่อยๆ หายไป ส่วนตัวคิดว่าคุณแม่ปลอดภัยมากๆ เลย ตอนนี้กลับมาอยู่ที่บ้านซึ่งหญิงก็จัดบ้านให้โล่งโปร่งสบาย” ลูกทุ่งสาวกล่าว

ล่าสุดเห็นว่าบริจาคให้กับโรงพยาบาลบุรีรัมย์ด้วย
“ใช่ค่ะ หญิงได้รับการช่วยเหลือจากโรงพยาบาลอย่างดีมาก เลยคิดว่าจะตอบแทนโรงพยาบาลยังไงดี แล้วนึกถึงว่าหญิงก็นั่งปนกับญาติๆ ปูเสื่อนั่งกัน เลนนึกไปถึงเก้าอี้ว่ามีไม่เพียงพอจึงสั่งมา 50 ชุด ประมาณ 100,000 บาท”

“ส่วนเรื่องแหวนที่คุณแม่เคยบอกว่าอยากได้ คือก่อนหน้านี้แม่บอกว่าอยากได้แหวนเพชร แต่ด้วยความที่ตัวเรามีค่าใช้จ่ายเยอะ รวมถึงกำลังทำรีสอร์ตซึ่งใช้เงินเยอะด้วย เลยบอกว่าถ้ารีสอร์ตเสร็จแล้วก็ค่อยเอาแหวนแล้วกันนะ คราวนี้พอคุณแม่ฟื้นแล้วก็เลยคิดว่าต้องรีบซื้อให้เลย หญิงส่งรูปแหวนมาให้เขาเลือกทางไลน์ ซึ่งพอคุณแม่ได้แล้วก็นอนดูแหวนแบบสบายใจ” หญิงลีกล่าว

ชีวิตช่วงนี้ดูมีแต่เรื่องเข้ามาถาโถม
ลูกทุ่งสาวกล่าวว่า “หญิงรู้สึกปลง พรุ่งนี้มะรืนนี้จะเป็นอะไรก็ตามตัวเราก็ได้ทำเต็มที่แล้ว ต้องมีสติและทำในสิ่งที่ถูกต้อง อีกอย่างก็มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นในครอบครัวคือพี่ชาติพี่ชายของหญิงกับคุณแม่โกรธกันมาสองปี พอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเขาสองคนก็ได้กลับมาคุยกัน”

หลังจากนี้จะพาคุณแม่ไปแก้บนที่ไหน
หญิงลีกล่าวว่า “หญิงไม่รู้ว่าคุณแม่ไปบนบานศาลกล่าวอะไรไว้หรือเปล่า แต่หญิงจะเป็นคนที่ไม่ค่อยกล้าบนอะไรเพราะว่าขี้ลืม เลยจะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกที่ให้ตัวเราได้ดี เจริญรุ่งเรือง หญิงจะเป็นคนดีของสังคมและตอบแทนสังคม แต่คุณแม่ของหญิงชอบพูดคำว่าใครจะเป็นอะไรให้มาลงที่แม่นะ หลานสาวเป็นเบาหวานเข้าห้องไอซียูเกือบจะตายก็บอกว่าให้แม่เป็นแทนนะ ตอนที่หญิงเจ็บป่วยอะไรแม่ก็บอกว่าให้แม่เป็นแทน เขาจะชอบพูดคำนี้ เมื่อวานหญิงก็เลยไปตั้งศาลพระภูมิที่บ้านให้พ่อใหญ่แม่ใหญ่มาอยู่ และเชิญสัมภเวสีที่ดุร้ายอะไรก็ไปรับกองบุญที่วัดค่ะ”

แล้วคดีความกับคู่กรณีเป็นยังไงบ้าง
หญิงลีบอกว่า “คู่กรณีก็มีความเป็นห่วงเป็นใยเสมอ ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะว่าเป็นชาวบ้านเดียวกัน แต่ส่วนที่เป็นกฎหมาย 3 กระทงที่เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้คือ ไม่พกใบขับขี่ เมาแล้วขับ และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และทรัพย์สินเสียหาย แต่ในส่วนของการฟ้องร้องที่จะเอาเงินมารักษาพยาบาลหญิงไม่เรียกร้องอะไรเลยเพราะว่าทางครอบครัวของคู่กรณีก็มีภาวะความเครียดเช่นกัน หญิงก็บอกพวกเขาว่าไม่ต้องเครียดเพราะว่าตอนนี้หญิงได้รับกำลังใจจากพี่น้องทั้งประเทศ และบอกให้พวกเขาไปทำงาน อย่านอนเครียดอยู่บ้าน”

“อีกอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นความประมาทร่วม คุณแม่ของหญิงก็ไม่ได้ใส่หมวกกันน็อก ขับปาดขวาเข้าซ้ายยังไงก็ไม่ได้เห็นชัดเจน ซึ่งมีภาพถ่ายที่ทางตำรวจไปคุยกัน แต่ว่าหลักๆ แล้วเขาก็จะมีมาผูกข้อต่อแขนเรียกขวัญตามประเพณีคนอีสาน แล้วกับเรื่องนี้อีกให้อภัยคู่กรณีมาตั้งแต่วันแรกเลยเพราะได้ขอว่าให้อภัยเขาเถอะเพื่อที่คุณแม่จะได้ตื่น ซึ่งคุณแม่ก็ลืมตาขึ้นมาแล้วก็หลับต่อค่ะ” ลูกทุ่งสาวทิ้งท้าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน