โอ อนุชิต โอดได้รางวัลแสดงทำงานหด อิ่มใจแต่ไม่อิ่มท้อง เผยรับได้ทุกบท

เป็นนักแสดงที่มีฝีมือและความสามารถรอบด้าน สำหรับ โอ อนุชิต สพันธุ์พงษ์ ทั้งยังเคยได้รับรางวัลในด้านการแสดงมาแล้ว ล่าสุดได้ไปคว้ารางวัลนักแสดงชายแห่งปี จาก “ไนน์เอ็นฯ อวอร์ด ประจำปี 2019” ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกของการได้รับรางวัล และการวางแผนทำงานในวงการในอนาคต

โอ อนุชิต

อนุชิต สพันธุ์พงษ์

โดยเจ้าตัวเผยว่า “มันตื่นเต้นมากเลย และยังนึกไม่ออกว่าจะพูดอย่างไร เอาแค่ตอนแรกที่ได้เข้าชิง เราก็(เสียงสั่น) รู้สึกว่าเราไม่ได้เป็นนักแสดงนำมานานแล้ว แล้วยังมีรางวัลนี้ เป็นรางวัลที่นักแสดงทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้ เรารู้สึกเลยว่าทุกรางวัลมีคุณค่าหมด ไม่ว่าคุณจะทำในฐานะอะไร ตำแหน่งอะไรในการแสดง แต่ว่ารางวัลนี้จะมีความพิเศษบางอย่าง ซึ่งทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้ แค่คุณตั้งใจทำงาน คุณก็จะทำมันออกมาได้ดี และเชื่อในการแสดง เชื่อในการทำงาน เชื่อในสิ่งที่คุณกำลังทำ มันก็ทำให้เรารู้สึกว่า

เฮ้อ ดีจัง (เสียงสั่น) มันเป็นกำลังใจก้อนใหญ่ๆเลย ในวันที่(เสียงสั่น) คือสำหรับเราพอเราเริ่มเป็นนักแสดง แล้ววันหนึ่งที่เริ่มประสบความสำเร็จ เรารู้สึกว่านั้นคือการเริ่มนับถอยหลัง เพราะก่อนหน้านี้เราไม่ได้เห็นนักแสดงรุ่นใหญ่ๆ ที่ได้บทดีๆมากนักการแสดงของไทย วงการการแสดงไทย แตกต่างจากของต่างประเทศพอสมควร เราไม่มีทางรู้หรอกว่าวันไหนเราจะประสบความสำเร็จ เพราะฉะนั้นเราจะนึกไม่ออกว่าจะเริ่มกดปุ่มนับถอยหลังตั้งแต่เมื่อไร เราบอกกับตัวเองไม่ได้ว่าเราประสบความสำเร็จหรือยัง ก็คิดว่ายังมั้ง เราน่าจะดังได้มากกว่านี้แหละ จนวันหนึ่งเราจะรู้ตัวเองว่าไม่ๆ ไอ้ที่ดังที่สุดของคุณอะ ผ่านมาแล้ว แล้วเราก็จะเริ่มรู้แล้วว่าตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วงนับถอยหลัง”

แสดงว่าตอนนี้เรากำลังกดถอยหลังให้ชีวิต
“เราว่าเรากดถอยหลังให้ชีวิตให้ตัวเองตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่อง โหมโรง แล้วนะ(ยิ้ม)”

เร็วไปหรือเปล่า
จริงๆครับ โอรู้สึกว่าโอไม่น่าที่จะ ทำให้โอพีคได้มากกว่านั้นแล้วนะ พอเราเริ่มเล่นละคร เราก็รู้สึกได้แหละว่าตอนที่เขาส่งบทมาให้เรา มันทำให้เรารู้แหละว่า ว่าเราอยู่ในระดับไหน ตำแหน่งไหน เพราะฉะนั้นเราก็ไม่ได้คาดหวัง อะไรแล้วมีช่วงที่เข้าวงการใหม่ๆก็ยังได้เข้าชิงอยู่บ่อยๆ พอวันหนึ่งไม่ได้เข้าชิงเราก็เริ่มคอมเฟิร์มตัวเองไปเรื่อยๆ คือเราไม่ได้น้อยใจนะ แต่ว่าเราเข้าใจ เข้าใจจริงๆ เพราะฉะนั้นรางวัลนักแสดงชายแห่งปี มันเกินฝันมากๆ ในวันที่โอเข้าใจ ทำความเข้าใจเรียบร้อยว่าเราคงค่อยๆตกลงแล้วมั้ง แต่วันนี้มันดีมากๆเลย”

โอ อนุชิต

ผลงานอีกเรื่องของผม

แต่ปีนี้คือปีของเราเลยนะ การแสดงทั้ง กาหลมหรทึก และ มะลิลา พีคทั้งคู่เลย
“สำหรับผม มะลิลา เฉยๆนะ แต่สำหรับ กาหลมหรทึก มันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากๆเลย เพราะว่าละครเรื่องนี้ไม่ได้เข้าชิงอะไรในรางวัลสาขาต่างๆเลย แล้วพอเข้าชิงรางวัลนี้แล้วก็โทรหาคนที่เป็นคนเขียนบทและเป็นโปรดิวเซอร์ของเรื่องนี้ เขาก็ดีใจมากพอสำหรับเขาเขารู้สึกว่าการทำละครโทรทัศน์ 1 เรื่อง แล้วเข้าชิง เราดีใจเพราะฉะนั้นการที่เราได้รางวัลมาเราก็รู้สึกยิ่งกว่าดีใจ รู้สึกว่าอยากจะบอกกับแฟนๆละครและแฟนคลับของโอว่าเราทำอะไรบางอย่างให้พวกคุณได้แล้วนะ เรารู้สึกว่าละครเรื่องนี้มีคนมองเห็นอยู่ซึ่งเราขอบคุณมากๆ ”

รางวัลนี้เป็นการบอกไหมว่าเราจะเดินหน้าแล้วนะ เราไม่ได้ถอยหลังแล้ว
“โอว่ามันก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่าต้องเปลี่ยนความคิดขนาดนั้น แต่ว่าสิ่งที่ได้กลับมาคือกำลังใจ ต่อให้ถึงเวลานี้แล้วถอยหลังจริงๆแต่เราก็ยังมีแรงที่จะต้านมันอยู่ ไม่ได้ปล่อยให้มันเป็นทางลงหรือว่าตามทางลาด ไม่ได้คิดว่าโอเคตัวเองอยู่ในช่วงขาลงแล้วนะก็ปล่อยให้มันลงไปเลยอันนั้นไม่ใช่ รู้สึกว่ารางวัลที่ได้รับเป็นเหมือนเชื้อเพลิงที่ทำให้เราได้วิ่งต้านกับมันอยู่ เราอาจจะเป็นเป๊กผลิตโชคของวงการการแสดงก็ได้นะ อันนี้ล้อเล่นนะครับ (ยิ้ม) แต่ถ้าพูดกันตรงๆ ได้รับรางวัลก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย อย่างเช่นเชื่อไหมว่าเราได้รางวัลทางการแสดงมะนิลา มา 7 ตัวในปีนี้แต่การแสดงน้อยลงไปเยอะเลย นั่นนะสิ เป็นเรื่องที่แปลก แต่เวลาคุยกับคนที่ยื่นบทมาให้เราจะได้ยินคำพูดที่เขาพูดเสมอว่าไม่คิดว่าโอจะมารับบทธรรมดา เราก็บอกว่าเรายังคงเล่นบท ธรรมดาอยู่นะครับ”

เขาอาจจะมองว่ามันไม่สมศักดิ์ศรีกับรางวัล
ไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงแต่มักจะมีคำพูดมาจากคนที่ยื่นบทว่าถ้าจะไม่เล่นบอกได้นะ คือบทมันไม่มีอะไรเลย เราบอกว่าเราอยากเล่นนะครับเราเล่นเราขอเล่นเดี๋ยวเราจะพยายามเล่นให้มันมีอะไรก็ได้ครับ (หัวเราะ) มันก็ทำให้เรารู้สึกเหมือนกันว่าเราได้รางวัลเยอะขึ้นมันก็น่าจะทำให้มีคนติดต่อมาเยอะขึ้นนะ ในแง่การแสดง แต่สิ่งที่ออกมามันเหมือนจะสวนทางแต่เราก็เข้าใจกับมันนะ เข้าใจเลย แต่ที่ต่างประเทศก็มีนะบางคนได้รางวัลออสการ์แล้วหายไปเลยก็มี เราก็คงคิดว่าเขาคงมีแนวคิดคล้ายๆกันมั้งว่ารางวัลจะทำให้นักแสดงอิ่ม เราอิ่มใจก็จริงนะครับอิ่มมากแต่เราก็ต้องอิ่มข้าวด้วยครับ

มีการคัดบทยังไง
“เราแค่รู้สึกว่ามันสนุก เราไม่ต้องจำเป็นต้องรับบทเป็นตัวละครที่สำคัญในเรื่อง ไม่จำเป็นเลย เรารู้ว่าเราไม่ต้องก็ได้ แต่ ถ้าเป็นภาพยนตร์ก็อาจจะต้องเลือกเยอะหน่อย บอกไม่ได้ว่ามันจะเป็นยังไงแต่มันต้องมีความน่าสนุกของมันอยู่ในนั้น”

ก่อนหน้านี้เราไม่ได้เข้าชิงแต่ก็มีคนเชียร์เราทางโซเชียลตลอดเวลาอยากให้เรามีชื่อเข้าชิง
“นั่นสิเรากลัวว่าที่มันออกมาเป็นอย่างนั้นแล้วเราจะโดนด่า มารู้สึกดีมากนะขอบคุณจริงๆแต่ในขณะเดียวกันก็กลัวว่ามันจะมีคนอื่นหมั่นไส้ไหม”

รางวัลทำให้เรากดดัน
“ไม่นะครับรางวัลมันก็แค่สำหรับ 2 เรื่องนี้แหละ สำหรับกาหลและมะนิลา ขอบคุณมากๆนะครับ”

การทำงาน การรับงานหลังจากนี้
“ถ้าให้พูดตอนนี้เราคงตอบไม่ได้ ก็โอจะเปลี่ยนไปหรือจะมีวิธีแนวคิดที่เปลี่ยนไหม เพราะเราก็ไม่รู้ว่าจะมีใครเปลี่ยนกับเราไหม แต่เราเรียนรู้ว่ายิ่งเราอายุมากขึ้นเราเรียนรู้โลกมากขึ้น เราจะเลือกมากน้อยลง เมื่อก่อนเราเคยเลือกกินแต่ตอนนี้เราอายุเยอะแล้วเรารู้ว่าอะไรที่มีประโยชน์กับเรา เราจะไม่เลือกกินได้มากขึ้น กับการงานแล้วก็คงจะเลือกทำอะไรที่เราไม่เคยทำมากกว่า บทอะไรที่เราไม่เคยเล่นเราก็อยากเล่น แต่เพราะบางทีเราบอกกับคนที่มาติดต่อเราเขาก็จะบอกกลับมาว่าเขาไม่เคยคิดเลยว่าหมดแบบนี้โอ จะอยากเล่นหรือเล่นได้ เราก็เลยบอกเขาว่าช่วยคิดถึงเรานิดนึงเพราะเราก็อยากเล่นบทที่ธรรมดาเบาๆบ้าง สนุก คอเมดี้นิดๆ แต่ก็เข้าใจคุณดูนะครับว่าเขาคาดหวังว่าอยากจะเห็นเราเล่นหนักๆ ดาร์ก แต่เราก็คิดว่าถ้าเราเล่นแต่บทหนักๆคนดูก็อาจจะไม่ลุ้นกับเราหรือเปล่าในเรื่องต่อๆไป เรามีความสุขที่จะเป็นส่วนหนึ่งของผลงานที่สนุกและผลงานที่ดี เพราะถ้าคุณดูสนุกแล้วก็มีความสุขไปด้วยครับ

ขอบคุณรูปจาก : anuchyd

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน