โอ๋ ภัคจีรา เปิดใจช่วย น้องวันใหม่ ไม่ได้หวังอะไร เตือนหาประโยชน์คนเดือดร้อนบาป!

จากกรณีที่คุณแม่ “น้องวันใหม่” ออกมาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Jidapa Kuntanabunyawat ว่า ขอคืนเงินให้ ออฟฟี่ แม็กซิม เนื่องจากรู้สึกถึงความไม่โปร่งใสจากเงินที่ได้รับมา พร้อมระบุว่าได้รับการช่วยเหลือจาก 2 ดาราดังคือ ตั๊ก บงกช และ โอ๋ ภัคจีรา ในการซื้อเครื่องช่วยหายใจมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จนมีชาวเน็ตออกมาชื่นชมทั้งคู่ว่า ทำบุญไม่สร้างภาพ ปิดทองหลังพระ และยกให้เป็นแม่พระตัวจริงด้วย

ล่าสุดวันที่ 26 มิ.ย. “ข่าวสดออนไลน์” โทรศัพท์ไปหา โอ๋ ภัคจีรา วรรณสุทธิ์ ดาราและพิธีกรสาวชื่อดัง หลังมีชื่อเป็นหนึ่งในดาราที่คุณแม่ “น้องวันใหม่” กล่าวถึง เพื่อสอบถามถึงเรื่องราวดังกล่าว

ถามถึงเรื่องที่รวบรวมเงินกับเพื่อนๆ ดารา ช่วยซื้อเครื่องช่วยหายใจให้ “น้องวันใหม่” ตามที่เป็นข่าวดังอยู่ในตอนนี้?
“จริงๆ ช่วยไปตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว(หัวเราะ) ตอนนั้นก็ไม่ได้บอกใครเท่าไหร่ พอดีเราดูรายการเรื่องเล่าเช้านี้แล้วเห็นข่าวที่น้องป่วย จากนั้นก็ให้ทีมงานของเรื่องเล่าฯ ติดต่อไปยังครอบครัวน้องว่าอยากจะร่วมช่วยน้องด้วย เห็นว่าแม่น้องอยากได้เครื่องช่วยหายใจ ตอนนั้นคิดว่าแค่ตัวเองอยากช่วยเท่าไหนเท่านั้น ไม่ได้คิดว่าจะได้เครื่องช่วยหายใจเลย

คิดว่าจะร่วมกับคนอื่นๆ เพราะเห็นมีการช่วยเหลือจากหลายทางเหมือนกัน เรากับสามีก็ช่วยเป็นเงินจำนวนพอสมควร จนได้เงินจำนวนหนึ่งเลย ส่วนตัวไม่อยากเก็บเงินจำนวนนั้นไว้นาน แล้วพอดีกับที่ได้ไปเจอ “ตั๊ก บงกช” เขาก็ถามว่ายังเหลืออีกเท่าไหร่ เดี๋ยวเขาจะขอช่วยในส่วนที่เหลือทั้งหมดให้เลย ซึ่งเราจำจำนวนเงินที่แน่นอนไม่ได้เพราะมันก็ 4 ปีแล้วเนอะ(หัวเราะ) เสร็จสรรพเราก็ไปให้น้องเขาที่โรงพยาบาลกับทีมรายการเรื่องเล่าฯ”

เครื่องช่วยหายใจราคาประมาณเท่าไหร่?
“อันนี้จำไม่ได้จริงๆ ค่ะ อย่างที่บอกว่าตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว น่าจะเป็นหลักแสนนี่แหละ แต่ตัวเลขที่แน่นอนไม่กล้าระบุ(หัวเราะ)”

ผ่านมา 4 ปีที่ช่วย “น้องวันใหม่” แต่คนส่วนใหญ่เพิ่งจะมารู้กันเมื่อวาน(25มิ.ย.)นี้เอง?
“ตกใจมากเลยค่ะ เมื่อเช้าเราไปทำรายการ “เมย์ เอ๋ โอ๋ Mama’s Talk” มีแต่คนขอสัมภาษณ์เรื่องนี้ เราก็งงว่าทำไมมันคือเรื่องอะไร เขาเลยบอกว่าอยากรู้ต้นสายปลายเหตุเพราะบางคนเขาไม่รู้ว่าใครบริจาคกันแน่ เราก็แบบห๊ะ! เรื่องนี้มัน 4 ปีมาแล้ว บริจาคไปนานแล้ว เลยให้คนที่มาถามเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนกับตั๊ก ก็ยังไม่ได้คุยกันถึงข่าวนี้

หลังๆ ไม่ค่อยได้เจอตั๊ก มันจะมีช่วงหนึ่งที่เราเจอกันบ่อย แต่พอลูกๆ เข้าโรงเรียนก็ไม่ได้เจอกันเลย แล้วตอนที่ไปมอบให้น้องวันใหม่ที่โรงพยาบาลตั๊กก็ไม่ได้ไปด้วย เขาแฟร์มากๆ หลังจากที่เราแจงให้ดูว่ายังขาดเหลือเงินอยู่เท่านี้ เขาก็บอกว่าให้เราเอาเงินไปเลยและให้เราออกหน้าด้วย แต่เราก็ใช้ชื่อเขาด้วย ตอนนั้นมี “เอิน กัลยกร” ก็ช่วยมาตั้ง 2 หมื่นบาท คือ เขาวางใจเรามาก อยู่ดีๆ ก็โอนมาให้เลย

ตอนนั้นเราคิดแค่ว่าอยากรีบให้ครอบครัวของน้อง พอดูทีวีแล้วเข้าใจหัวอกคุณพ่อคุณแม่ของน้องมากๆ ที่อยากจะเอาลูกออกจากโรงพยาบาล เราเห็นว่าการที่เอาน้องออกจากโรงพยาบาลได้ เตียงที่น้องเคยนอนอยู่ก็ให้คนอื่นต่อได้เหมือนกัน รวมถึงเครื่องช่วยหายใจที่น้องใช้ตอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลก็ใช้ได้ต่ออีกคนหนึ่งเหมือนกัน การที่เราช่วยน้องคนนนี้เท่ากับได้ช่วยน้องๆ คนอื่นด้วย”

หลังจากช่วยเหลือไปครั้งนั้นได้มีการติดต่อกับครอบครัว เพื่ออัพเดตอาการน้องวันใหม่อีกไหม?
“ไม่เลย ตอนที่เจอกันที่โรงพยาบาลคุณแม่ของน้องก็ให้เสื้อเรามา ซึ่งเป็นเสื้อที่เขาทำขึ้นเพื่อหาเงินมาช่วยน้องนี่แหละ คุณแม่ของน้องก็น่ารักและขอบคุณเรา รวมถึงไม่เคยมาเรียกร้องจะเอาโน่นเอานี่ต่อจากเรา เขาก็บอกแล้วว่าอยากได้แค่เครื่องช่วยหายใจนี้จริงๆ เพราะเขาต้องเดินทางและลำบาก ถ้าน้องอยู่ที่โรงพยาบาลคุณยายก็ต้องไปป้อนอาหาร แต่ตอนนี้เขาทำได้แล้วก็เลยอยากที่จะเอาน้องกลับบ้าน แต่น้องหายใจเองไม่ได้ก็ต้องมีเครื่องช่วย”

ตอนนี้คนชื่นชมโอ๋กับตั๊กว่าปิดทองหลังพระมาตลอด รู้สึกอย่างไรบ้าง?
“โอ้โห! ขอบคุณและดีใจค่ะ แต่ตัวเรา รวมถึงตั๊ก เอิน และอีกหลายคนที่ช่วยกันมาก็ไม่ได้หวังผลอะไรตอบแทนอยู่แล้ว แค่อยากร่วมทำบุญเพราะเห็นว่าครอบครัวน้องลำบากจริงๆ ซึ่งพอได้ไปให้ ณ วันนั้นมันเบิกบานใจและอิ่มเอมไปแล้ว ไม่ต้องมีใครมาชื่นชมหรือยินดีอะไรหรอก

เพียงแต่ว่ามันเกิดเหตุการณ์อันนี้มาเลยทำให้คนได้รับรู้ เราก็ขอบคุณและพอเพียงแล้วที่ชื่นชม เอาจริงๆ เราช่วยคนมาเยอะแต่จะให้ไปบอกใครล่ะจริงมั้ย(หัวเราะ) แล้วก็ทำเท่าที่ตัวเองทำได้ ไม่ได้ว่าช่วยทุกคนไปหมดเราก็ไม่มีปัญญาขนาดนั้น”

คนเลยเอาไปเปรียบเทียบกับเน็ตไอดอลคนที่เป็นข่าว กังวลอะไรไหม?
“เราไม่ได้กังวลนะคะ ทุกอย่างมันเห็นชัดอยู่แล้ว เรื่องนี้ถ้าคุณแม่น้องวันใหม่ไม่ออกมาพูดทุกคนก็จะไม่รู้ ซึ่งพอคุณแม่น้องบอกว่าเรากับตั๊กให้ตั้งนานแล้วมันถึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา แล้วในส่วนของเราก็เสร็จสรรพไปตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว(หัวเราะ) ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับใครที่เป็นข่าวอยู่ในตอนนี้เลย รวมถึงไม่รู้เรื่องราวของเขาด้วยค่ะ”

สุดท้ายอยากให้ฝากถึงคนที่หาผลประโยชน์กับคนที่กำลังเดือดร้อน?
“ส่วนตัวเข้าใจคนที่มีจิตใจอยากช่วยเหลือหรืออยากทำบุญหรือคนที่มาบอกบุญก็ตามเถอะ ในแง่ของเราคิดว่าอยากทำก็ทำ ส่วนถ้าไม่อยากทำหรือไม่มีจนเดือดเนื้อร้อนตัวก็ไม่ต้องทำเพราะแบบนั้นก็จะไม่ได้บุญ แต่คนที่เอาเปรียบคนอื่น เอาความเดือดร้อนของคนอื่นมาหาผลประโยชน์ เอาเงินที่คนอื่นทำบุญมาใช้ส่วนตัว มันบาปกรรมนะคะ

โลกนี้มันไม่มีความลับ เราเชื่อว่าเวรกรรมมีจริง ทำไม่ดีอะไรเอาไว้ย่อมได้รับผลกรรมสนอง ส่วนคนที่ตั้งใจทำบุญไปแล้วต่อให้มิจฉาชีพที่แฝงตัวมาเป็นสะพานบุญจะเอาเงินไปทำอะไรก็ตาม ยังไงตัวเราก็ได้บุญเพราะเจตนาเราดีตั้งแต่ต้นว่าอยากทำบุญจริงๆ ค่ะ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน