‘เป้า’เปิดตัวสู่สังคม–โอดชีวิตไปไม่รอด
มีหลายโรครุม–พยายามฟื้นฟูพละกำลัง
เป้า ปรปักษ์ – ดาราบู๊ชื่อดัง ‘เป้า ปรปักษ์’ หรือ ‘วินัย ยืนยง’ ป่วยหนักหลายโรครุมเร้า น้ำหนักฮวบ ยอมรับที่ผ่านมาปิดตัวเองไม่อยากรบกวนเวลาอันมีค่าของใคร แต่ตอนนี้ชีวิตไปไม่รอด จึงต้องยอมเปิดตัว โดยล่าสุดผู้สื่อข่าวสายตรงถามถึงอาการป่วย เจ้าตัวเล่าว่า
“ตอนนี้อาการทรุดหนัก ผมเองก็อยู่ในที่สงบ คือตามวัดครับ เพื่อเอาธรรมะรักษา ยังไม่ได้เข้าโรงพยาบาลเพราะว่าผมตัวคนเดียวครับ ผมไม่มีครอบครัวมานานแล้วตั้งแต่ปี 2520 มีแม่แก่ๆ อายุ 96 ปี ผมไม่มีคนดูแล ก็เลยยังไม่ขนาดต้องเข้าหาหมอครับ อีกอย่างนึงผมเป็นคนแก่คนหนึ่งอายุ 71 ปี คือเราเป็นทุกโรคครับ โรคธรรมะ โรคธรรมชาติ ที่มันเกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกวัน โดยที่มนุษย์ไม่รู้สึกตัว มันเป็นระบบตับ ระบบไต ระบบปอด ระบบลำไส้ ระบบกระเพาะ ระบบที่มันต่อเนื่องทั้งหมดเนี่ยเราใช้มันมา 60 กว่าปี”
ต่อข้อถามว่าตอนนี้ได้ทานยาอะไรบ้าง เป้าตอบว่า
“ยาทานเฉพาะจำเป็น เพราะยาทานมากๆ แล้วไตเราแย่ น้ำหนักสาเหตุที่มันไม่เพิ่มเพราะว่าอาหารที่เรากิน อย่างเช่นข้าวสวย เราเคยกินได้อร่อย ตอนนี้ก็ยังกินอร่อยเหมือนเดิมนะครับ เพียงแต่ว่ากินเข้าไปแล้ว ประมาณสักชั่วโมงนึงมันจะแอนตี้ให้เราเห็นแล้วว่าข้างในเขาไม่รับ สิ่งที่เกิดคืออาการของแก๊ส อาการของกรด อาการปวดท้อง ซึ่งมันทำให้เราทรมานมาก ก็เลยทานอาหารหนักๆ พวกนี้ไม่ได้ ต้องมาทานอาหารประเภทแบบเบาๆ แล้วก็น้อย อย่างเช่นข้าวต้มหรือโจ๊ก อยากกินไส้กรอกก็กินได้นิดๆ ครับ มันก็เลยทำให้น้ำหนักเราไม่เพิ่ม ออกกำลังก็ออกไม่ได้เลยครับ เพราะว่าเราไม่มีแรง ตอนนี้พยายามฟื้นฟูให้มันมีแรงก่อน ด้วยการทานให้ได้นอนให้หลับ เราก็กินยาชนิดว่าที่ไม่จำเป็นเราไม่กิน เพราะมันมีทั้งคุณและโทษครับ ตอนนี้ผมอยู่ที่ จ.ลพบุรี อยู่ที่พระพุทธบาท”
ล่าสุดป๋อได้ไลฟ์สดเรื่องพี่เป้า ผ่านเพจเฟซบุ๊ก ‘ป๋อ’ณัฐวุฒิ สกิดใจ นักบู๊รุ่นใหญ่กล่าวว่า
“พี่ป๋อเองก็เป็นห่วง พี่ป๋อเป็นคนใจเทวดา เป็นห่วงเพราะว่าครั้งหนึ่งในชีวิตเรา เราเคยร่วมทุกข์ร่วมสุข แล้วก็เคยสร้างความสนุกสนานความบันเทิงให้กับคนดู ก็อยากจะให้แฟนคลับได้รู้ครับ คุณเชื่อมั้ยว่าสังคมศิลปินวงการบันเทิงเนี่ย สมัยก่อนลำบากครับ ทำด้วยใจทำด้วยจิตวิญญาณเพื่อให้แฟนคลับมีความสุข และหลังจากนั้นมา ยุคสมัยมันเปลี่ยนไป คนเหล่านี้ก็ถูกสาปสูญหายไป แฟนคลับอยากรู้ อยากเห็น อยากได้พบ แต่ไม่รู้ว่าไปดูได้ที่ไหนครับ อันนี้ถือว่าสิ่งที่ป๋อได้ช่วยสังคม อย่างน้อยแฟนภาพยนตร์ยังได้รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่ ยังไม่ตายนะครับ”
“สมัยก่อนผมไม่กล้ารับโทรศัพท์อะไรทั้งสิ้น ปิดตัวเองไม่ให้รู้ว่าอยู่ไหน เพราะเป็นหมือนการรบกวน เราต้องไม่รบกวนเวลาอันมีค่า ก็เลยปิดตลอด จนชีวิตมันไปไม่รอด ไปไม่รอดครับก็เลยออกเฟซบุ๊ก มา เพื่อให้สังคมได้รู้บ้างครับ”
