ศุ บุญเลี้ยง วอน คิดถึงหัวใจเด็กครอบครัวไม่สมบูรณ์ เลิกงานกราบเท้าแม่ที่โรงเรียน

ศุ บุญเลี้ยง วอน – วันที่ 10 ส.ค. ที่ห้องอเนกประสงค์ ชั้น 1 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร “ศุ บุญเลี้ยง” นักร้อง นักแต่งเพลง และนักเขียนชื่อดัง ให้สัมภาษณ์ในงาน “อิ่มอุ่นอวอร์ด” ถึงที่มาของการจัดงานดังกล่าว

รวมถึงเรื่องโพสต์เฟซบุ๊กถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมแสดงความคิดเห็นว่า ทางโรงเรียนไม่ควรจัดงานวันแม่ โดยการชักชวนให้นำแม่มาให้นักเรียนกราบไหว้ที่โรงเรียน เพราะจะเป็นการสร้างความสะเทือนใจให้กับนักเรียนที่พ่อแม่ไม่สามารถมาร่วมงานได้

ศุ บุญเลี้ยง วอน

ศุ บุญเลี้ยง

ที่มาของการจัดงาน “อิ่มอุ่นอวอร์ด” มาจากอะไร?
“สำหรับงาน “อิ่มอุ่นอวอร์ด” ครั้งนี้ถือเป็นครั้งทดลอง เรียกว่าเป็นครั้งแรกแต่ยังไม่ใช่ครั้งที่ 1 เพราะครั้งที่ 1 อาจจะดีกว่านี้(หัวเราะ) ครั้งนี้เป็นการทดลองที่อยากจะเห็นงานมอบรางวัลที่มันดูมีคุณค่า รวมถึงคนที่เข้ามาร่วมงานรู้สึกดีไปกับการแสดงและบรรยากาศ ผมเชื่อว่าการให้รางวัลมันทำให้คนที่ต้องการจะทำอะไรที่ดีๆ รู้สึกมีกำลังใจ”

“งานครั้งนี้เกิดขึ้นมาจากที่คิดว่าตัวเองมีความพร้อม เพลงอิ่มอุ่นก็เป็นเพลงที่ได้รับความนิยมชมชื่นอย่างมากในสังคม มันพอจะเป็นสัญลักษณ์ของการทำให้โลกนี้อิ่มและโลกนี้อุ่นได้ เลยลองทำดูสักตั้งอยากเห็นว่างานที่ตัวเองอยากเห็นเป็นยังไง”

ไม่พลาดข่าวฮอตแวดวงมายา
แค่กดเป็นเพื่อนไลน์ ข่าวสด@บันเทิง ที่นี่
เพิ่มเพื่อนการมอบรางวัลใช้เกณฑ์อะไร?

“ปีมีทั้งหมด 2 รางวัล คือรางวัลบุคคลและกลุ่มบุคคล เกณฑ์ในการคัดเลือกก็ช่วยกันคิด ส่วนใหญ่จะพิจารณาคนที่ทำดีแต่อาจจะยังไม่มีคนเห็น เนื่องจากงานนี้เป็นงานทดลองเลยยังไม่ได้ตั้งคณะกรรมการจริงจัง แค่ปรึกษาพี่ๆ ที่ทำงานในท้องที่ต่างๆ มีใครทำอะไรดีๆ อย่างไรบ้างก็มาเล่าสู่กันฟัง”

“นอกจากถ้วยรางวัลแล้วก็ยังมีเงินมอบให้ด้วย ซึ่งเงินจำนวนนี้สืบเนื่องมาจากเพลง “อิ่มอุ่น” ด้วยความที่ทุกปีจะมีคนซื้อลิขสิทธิ์เพลงนี้เยอะ แล้วมันคืนกำไรให้ผมมากมาย ผมจึงอยากแบ่งปันเงินจากตรงนี้มามอบให้กับผู้ที่ได้รับรางวัลด้วย เชื่อว่าทุกปีก็จะมีคนซื้อลิขสิทธิ์เพลงนี้ไปใช้เรื่อยๆ ถ้าปีไหนคนซื้อเยอะเงินรางวัลก็อาจจะสูงหน่อย ปีไหนรายได้น้อยเงินรางวัลก็อาจจะลดลงมานิดนึง จริงๆ แล้วไม่ได้ซีเรียสในเรื่องของจำนวนเงินว่าจะมากน้อยอย่างไร แต่การจัดงานครั้งนี้สิ่งที่มากกว่าเงินก็คือได้เห็นหลายหลายคนอยากมาร่วมด้วยช่วยกันให้งานดีๆ แบบนี้เกิดขึ้น”

ศุ บุญเลี้ยง วอน

ในงาน อิ่มอุ่นอวอร์ด

“รวมถึงในปีต่อไปก็จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตัดสินรางวัล หาคนที่ทำงานคัดสรรและเป็นผู้ที่ทรงคุณวุฒิหูตากว้างไกลกว่าพวกเรา แต่อย่างปีนี้เราก็ขอเป็นการทดลองไปก่อน ซึ่งบุคคลและกลุ่มบุคคลที่เรามอบรางวัลให้ก็คิดว่ามีความเหมาะสม คุยกันมาเกือบปี เชื่อว่าเลือกไม่ผิดครับ”

ถามถึงเรื่องที่แสดงความคิดเห็นว่า ควรให้โรงเรียนยกเลิกกิจกรรมกราบเท้าแม่ในวันแม่?
“ผมไม่ค่อยเห็นด้วยในเรื่องการจัดงานวันแม่ โดยที่เชิญผู้ปกครองมาให้เด็กกราบไหว้กันที่โรงเรียน จริงๆ มันมีกระแสแบบนี้มาเรื่อยๆ แต่คนส่วนใหญ่มักจะโพสต์หลังจากที่กิจกรรมการกราบแม่ได้ผ่านไปแล้ว ความที่ตัวเองทนไม่ไหวและเห็นว่าตอนนี้บ้านเมืองเราก็มีรัฐบาลใหม่ คณะรัฐมนตรีใหม่ พูดง่ายๆ ว่าเราก็เกิดความหวังใหม่(หัวเราะ) เลยโพสต์ขอความเห็นว่าท่านน่าจะมีนโยบายที่ป้องกันเหตุที่ทำร้ายความรู้สึกและจิตใจของเด็ก ซึ่งน่าจะเป็นนโยบายที่ท่านสามารถสั่งลงไปได้ แต่ท่านก็บอกว่ามันยังไม่ถึงเวลา แต่สำหรับประชาชนผมว่ามันถึงเวลาแล้ว จริงๆ คือเลยเวลาแล้วด้วย หมายถึงเลยเวลาที่จะนิ่งเฉย”

ศุ บุญเลี้ยง วอน

จดหมายเปิดผนึก

“หลังจากที่โพสต์ไปปรากฏว่ามีหลายโรงเรียนหลายคุณครูส่งกลับมาว่า ปีนี้กิจกรรมที่โรงเรียนมีการปรับเปลี่ยนค่ะครับ ส่วนตัวเราก็รู้สึกว่าน่าชื่นใจมาก แม้ว่าภาพที่เราเห็นมันก็ยังเหมือนเดิมก็ตาม รวมถึงทางผู้หลักผู้ใหญ่ก็ยังยืนยันเหมือนเดิม แต่ผมอยากจะบอกว่าความคิดของประชาชนที่ส่งมอบมา รวมทั้งมีอาจารย์ด็อกเตอร์บางคนทำเป็นงานทดสอบเลือกกันเลยว่าต้องการแบบไหน 90 กว่าเปอร์เซ็นต์อยากให้เลิกการกราบเท้าแม่ ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าคนที่เป็นนักการเมืองจะไม่ฟังเสียงเหล่านี้ และไม่เอาไปปรับเป็นนโยบายเหรอ เดี๋ยวนโยบายท่านมันจะไม่เท่าทันยุคนะ(หัวเราะ) มันจะหลุดออกไปจากสังคมเพราะท่านเป็นตัวแทนของประชาชน และประชาชนคิดเห็นแบบนี้แล้ว แต่นโยบายของท่านยังหยุดอยู่กับที่ แล้วมันจะเกิดอะไรที่ดีขึ้น”

ศุ บุญเลี้ยง วอน

ให้สัมภาษณ์

“เท่าที่ผมได้ยินท่านก็ยังอาจจะไม่ได้แยกแยะให้ชัดเจน เช่นท่านจะพูดว่าการกราบไหว้เป็นสิ่งที่ดี ประเพณีนี้ทำมานาน คือเรายังพูดคนละประเด็น ตรรกะมันยังเหลื่อมกันนิดนึง ผมไม่ได้บอกว่าการกราบไหว้ไม่ดี ประเพณีนั้นไม่งาม ผมแค่บอกว่าทำอะไรต้องคิดถึงหัวใจของเด็กที่เขาไม่สมบูรณ์ วันนั้นก็มีโอกาสได้พูดไปว่าขนาดเรามีโอกาสไปแจกไอศกรีมยังต้องคิดเลยว่าเราแจกเด็กครบมั้ย แล้วการจะให้เอาพ่อแม่มาให้ลูกกราบไหว้ที่โรงเรียนจะไม่คิดสักนิดเลยว่าเด็กมีครบหรือเปล่า อันนี้มันยิ่งใหญ่กว่าตั้งมากมาย”

“อยากให้ท่านทบทวน ผมเชื่อว่าผู้ใหญ่ทุกคนเจตนาดี เพราะอันนี้มันไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรแฝงเร้นอยู่แล้ว เชื่อว่าท่านก็เจตนาดีอยากเห็นสังคมดี แต่เชื่อเถอะว่าความกตัญญูการแสดงออกและประเพณีที่ดีงามขึ้นอยู่กับกาลเทศะด้วย เราไม่ต้องกราบพ่อแม่บนเวทีก็ได้ ผมเป็นคนหนึ่งที่กราบเท้าพ่อแม่ประจำเลย แต่ถ้าแม่ผมกำลังซื้อก๋วยเตี๋ยวอยู่ในตลาด จะให้ผมลงไปกราบที่ตลาดสดมันก็เกินไปไง เพราะฉะนั้นมันก็ต้องมาคิดว่าแค่ไหนถึงจะพอดี ซึ่งมันไม่ได้ยากเลย สามัญสำนึกของความเป็นครู ความเป็นคน ความเป็นเพื่อนมนุษย์ เห็นน้ำตาเด็กทนกันอยู่ได้อย่างไร ผมไม่เข้าใจ”

 

ขอบคุณเฟซบุ๊ก ศุ บุญเลี้ยง

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน