บิณฑ์ โดนขู่ เรียกเก็บภาษีย้อนหลัง ขอร้องอย่าทำร้ายกัน ไม่เคยคิดเอาสักสลึง

วันที่ 7 ต.ค. ที่ลานกิจกรรมชั้น 1 Lido Connect ถนนพระราม 1 นักแสดงจิตอาสา บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ มาร่วมเปิดโครงการรณรงค์ ‘ชีวิตดีต้องไร้ฆ่า’ หลังจบงาน ได้ให้สัมภาษณ์ ถึงเรื่องที่หลายคนชื่นชมกับการแสดงความรักกับคุณแม่ในวันเกิดอายุครบ 82 ปีที่ผ่านมา พร้อมเคลียร์ประเด็นเงินบริจาค ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม อุบลฯ ส่วนที่เหลือ จะนำไปช่วยเหลือเยียวยาต่อไปอย่างไรบ้าง

บิณฑ์

นักแสดงจิตอาสา

อ่านข่าว : สุดซึ้ง บิณฑ์ เผยเหตุ ต้องกลับจาก อุบลฯ แม้ดึกดื่นแค่ไหน มาหานางฟ้าที่ผมรักที่สุด

โดย บิณฑ์ เผยว่า “วันที่ 3 ต.ค. ผมกลับมาไฟลต์สุดท้าย ผมบินบ่อยเพราะนกแอร์เขาให้บินฟรีครับ เป็นสายการบินเดียวที่เขามาดูแลพวกเรา อยากจะฝากบอก ณ วิกฤตแบบนี้ ช่วยได้มากเลยครับ ผู้บริหารเอาเงินส่วนตัวมาให้ผมอีก 3 แสนบาท แล้ววันที่ 4 ต.ค. เป็นวันเกิดคุณแม่ผม ผมออกจากอุบลฯ 3 ทุ่มกว่า ก็ถึงบ้าน 5 ทุ่ม เกือบเที่ยงคืน ทุกวันจะมีผม มีเอกพันธ์ มีน้องสาว มีพี่ชาย แต่ ณ ตอนนี้ มีแค่ผมกับน้องสาว เพราะผมขึ้นมากรุงเทพฯ เอกพันธ์เขาก็ต้องดูแลคนที่อยู่ที่นั่น เอาเงินไปแจกให้ พอมาถึงก็อย่างที่บอก ได้กอดแม่ พาแม่ไปทำบุญ พอเสร็จเรียบร้อยก็บินกลับไปอุบลฯ ต่อ ปีนี้เลยไม่ได้เลี้ยงอะไรให้แม่ยิ่งใหญ่ เพราะทุกคนก็รู้ว่าเรากำลังมีวิกฤตที่อุบลฯ ก็ได้กอดแม่ ได้พาไปทำบุญ ได้อยู่กับแม่ ได้กินข้าวกันสักมื้อหนึ่ง แม่มีความสุข เราก็มีความสุข เหมือนเพิ่มพลังให้เราได้กลับไปลุยงานต่อ อีกเดือนหนึ่งเต็มๆ ได้สบาย ถ้าเวลาที่รู้สึกหมดแรง ก็กลับไปหา เขารอเราตลอด พอเจอกันก็กอด หอมกันตลอด มันไม่ใช่การสร้างภาพ เรากอดกันอย่างนี้ตลอดครับ เพราะรู้ว่าสิ่งหนึ่งที่แม่ต้องการคือ ความรักจากลูก ผมอยู่กับแม่ คนอื่นเขาออกเรือนกันหมดแล้ว มีผมคนเดียว ทีนี้ก็ได้น้องสาวมาอยู่ด้วย ตอนที่ผมไม่อยู่ ไปทำภารกิจที่อุบล ก็จะได้น้องสาวมาช่วยดูแม่”

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

 

บิณฑ์

กอดคุณแม่

เป็นภาพที่ชาวโซเชี่ยลชื่นชม
“ก็ดีครับ อยากให้ทุกคนรักแม่ครับ ถ้าใครยังมีแม่อยู่ เป็นบุญกับเรามาก ไม่ใช่ว่ามีแม่อยู่แล้วเราปล่อยปะละเลย ไม่สนใจ จะรอแม่แก่แล้วค่อยปรนนิบัติ ไม่ดีครับ ผมปรนนิบัติแม่ตั้งแต่แม่อายุ 50 ตอนนั้นผม 20 กว่าเอง ดูแลแม่มาจนตอนนี้ แม่ 80 กว่าแล้ว เพราะฉะนั้นโอกาสแบบนี้ เวลาคุณแม่เสียไปแล้ว จะเสียใจว่าไม่ได้กอดแม่ ไม่เคยได้หอมแม่ ไม่เคยได้บอกรักแม่ เป็นอะไรที่ผมอยากจะทำให้ทุกคนเห็น ไม่ต้องอาย ไม่ต้องมองว่าใครจะว่าสร้างภาพ เราทำดีกับแม่ เราก็ได้สิ่งดีกลับมา ยิ่งมีความกตัญญูเท่าไหร่ จะประสบความสำเร็จ จะมีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาครับ

อ่านข่าว : ปิดรับบริจาค! บิณฑ์ เผยยอดเงินทะลุ 422 ล้าน ลุยแจกต่ออีก 5 จว.น้ำท่วม

ถามถึงสถานการณ์น้ำท่วมอุบลฯ ตอนนี้
“ตอนนี้เริ่มเข้าสถานการณ์ปกติแล้ว บางหมู่บ้าน บางตำบล บางอำเภอ ก็เข้าไปทำความสะอาดกันบ้างแล้ว บางบ้านไม่สามารถอยู่ได้ ต้องรื้อทั้งหลัง บางบ้านข้างล่างอยู่ไม่ได้ ข้างบนพออยู่ได้ บางบ้านพอซ่อมแซมได้ นี่เป็นขั้นตอนของรัฐบาลที่ต้องเข้าไปเยียวยา ส่วนผมนั้น ทุกครัวเรือนจะได้ 5 พันบาท จ่ายตามที่เราพูดไว้ ตอนนี้จ่ายไป 1 หมื่น 5 พัน กว่าครอบครัวแล้ว แต่ยังไม่เสร็จ ยังเหลืออีก 4 อำเภอ ที่ต้องเข้าไปให้เสร็จก่อนวันที่ 15 ต.ค. นี้ พยายามเคลียร์ของอุบลฯให้เสร็จเรียบร้อย เสร็จแล้วจะไปที่อำนาจเจริญ ยโสธร ร้อยเอ็ด ขอนแก่น จะเข้าไปต่อ น่าจะปลายๆเดือน พ.ย. จะเรียบร้อย แต่เราจะพยายามเคลียร์เงิน 400 กว่าล้านนี้ กระจายออกไปที่ผู้ประสบภัยให้ได้มากที่สุด เสร็จแล้วเราจะเข้าไปเยียวยาอีกครั้งหลังน้ำลดที่ทุกคนเข้าไปอยู่ในบ้านแล้ว ช่น หม้อหุงข้าว กระติกน้ำร้อน พัดลม ผ้าห่ม มุ้ง หมอน เราเตรียม เราสั่งของออกมาแล้ว เรารู้สึกว่า ไม่ใช่แค่ไปดูแล้วจ่าย 5 พัน แล้วจบ เราติดตามตรงนี้ เข้าไปช่วยเหลืออีก

ตอนนี้ก็ปิดรับบริจาคไปแล้ว
“ปิดครับ แต่ยังมีหลายคน เช่น โจอี้ บอย ที่จัดงานคอนเสิร์ตหาเงินให้ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ก็โอเคได้ ใครก็แล้วแต่ที่อยากให้ผมไปรับเงิน ที่ไหน ยังไง ผมก็ยินดีไปรีบ แต่บัญชีนั้นผมปิดไปแล้วครับ”

เงินส่วนที่เหลืออีก 340 ล้าน
“ณ ปัจจุบัน ผมเบิกไป 109 ล้าน แล้วที่จะเข้าอีก 4 อำเภอ คิดว่าน่าจะใช้อีก 100 กว่าล้าน เป็น 200 กว่าล้าน ถึงตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเงินจะเหลือเท่าไหร่ แต่ผมจะพยายามชี้แจงให้ตลอดเวลา ว่าเงินเหลือเท่าไหร่ จะทำอะไร ตอนนี้เราสั่งหม้อหุงข้าวจำนวนหลายหมื่นหม้อ และมีผู้บริจาคเข้ามาก็หลายพันหม้อ ทีนี้ก็จะดูว่า เงินที่เหลือจะใช้ให้สูงสุดกับพี่น้องผู้ที่ประสบภัยน้ำท่วมอย่างเดียว ก็จะมาดูว่าช่วยอะไรได้บ้าง นอกจากรัฐบาลช่วยแล้ว หรือของที่มากมาย จะทำอะไรให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องชาวอุบลฯ เพราะวัตถุประสงค์ที่บริจาคมากันนั้นคือ เอามาให้กับพี่น้องชาวอุบลฯ ที่ประสบภัย ก็คิดกัน เพราะผมไม่อยากจะเก็บเงินก้อนนี้ไว้เลย พยายามทำประโยชน์ให้มากที่สุด

“เพราะผมไม่รู้อนาคตข้างหน้า เรื่องสรรพากรจะมาเล่นผมไหม ผมกลัวมาก มีคนขู่ผมเยอะเหลือเกิน ว่าระวังนะ เขาบอกว่าระวังนะ เขาพูดปากเปล่าว่ารับรองไม่เสียภาษี เงินรายได้ เงินนี้ไม่ใช่รายได้ แต่เป็นเงินทำบุญ ปิดบัญชีแล้ว แต่มีคนบอกว่า ไม่แน่อีก 2-3 ปี อาจจะโดนภาษีย้อนกลับมาหาเรา คือมันอาจจะเกิดขึ้นได้ ผมกราบละครับ ขอไหว้ละครับ อย่าทำอย่างนั้นกับผมเลย ผมไม่รู้ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับผม ใครจะไปรู้ว่า อยู่ๆไม่ถึงอาทิตย์ เงิน 400 กว่าล้านจะเข้ามาหาผม ผมคิดว่าเต็มที่ ไม่เกิน 1-2 ล้าน ว่ามากมายแล้ว แต่นี่มากมายมหาศาล ผมเลยต้องพยายามทำให้โปร่งใสมากที่สุด ทำให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องมากที่สุด เพราะฉะนั้นเรื่องภาษี ผมกราบละครับ อย่ามาทำร้ายผมเลย สักสลึงผมก็ไม่คิดเอาเข้ากระเป๋าผมครับ

ในส่วนของเงินที่แจกชาวบ้าน มีปัญหาเรื่องแจกซ้ำซ้อนบ้างไหม
“รับซับซ้อนไม่มีครับ ผมเชื่อแน่ว่าไม่มี แต่มันมีเรื่องเกี่ยวกับว่า มีการรับค่าหัวคิว มีเรียกเก็บเงินค่ารถกับชาวบ้าน คนละ 300 บาท เพื่อนั่งรถมารับเงินที่อำเภอ บางที่ บางหมู่บ้าน บางตำบล พอรับเงินก็เอามาให้กับผู้นำชุมชน แต่ผมก็พยายามสืบอยู่ ก็ยังหาไม่เจอ ตอนรับเงินเสร็จ เอาจดหมายมาใส่มือ มาบอกว่าเนี่ยผู้นำชุมชนเก็บเงินคนละ 300 แล้วก็ไม่ลงชื่อว่าเป็นใคร เราก็พยายามจะหา พอไปถามก็ไม่มีใครกล้าบอก อีกอย่างหนึ่ง บางบ้านมีคนป่วย พิการก็เยอะ นิ้วขาดข้างเดียวก็พิการ และผมก็พูดไปแล้วว่า ในเขตพื้นที่น้ำท่วม บ้านไหนมีคนพิการผมก็จะให้ เงินส่วนตัวก็มีให้ แต่ให้เป็นรายๆ ไป ตามที่ผมคิดว่าอยากจะให้ บางหมู่บ้านมีผู้ป่วยติดเตียง 50 คน ก็ไม่ไหว เพราะทุกคนก็ได้ คนละ 5 พัน ได้บ้านละ 5 พันแล้ว มีผู้ป่วยติดเตียง ได้อีกคนละ 5 พัน อย่างวัดที่น้ำท่วม ผมก็จ่าย วัดละ 1 หมื่นบาท ตอนนี้ให้ไปแล้ว 70 กว่าวัด ไม่ต้องกลัวนะครับ ทุกสิ่งทุกอย่างมีหลักฐานทุกอย่าง เก็บไว้เพื่อให้ทุกคนได้รู้ว่า นี่คือความโปร่งใสครับ”

ขอบคุณรูปภาพจากเฟซบุ๊ก บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน