โทนี่ สายติสต์ พา แก้ว เที่ยวกลางพายุที่ไอซ์แลนด์ ทำให้รู้จักกันมากขึ้น

ตั้งแต่เปิดตัวว่าคบกัน โทนี่ รากแก่น ก็ควงนักแสดงสาว แก้ว จริญญา ศิริมงคลสกุล ไปเที่ยวกันอยู่บ่อยๆ ล่าสุดควงคู่บินลัดฟ้าไปเที่ยวไกลถึงไอซ์แลนด์ เพื่อไปถ่ายรูปด้วยกัน แต่โชคไม่ดีกลับไปเจอช่วงที่พายุเข้าพอดี ล่าสุดได้เจอโทนี่ ในงานแถลงข่าวคอนเสิร์ต “MY BOYFRIENDS CONCERT” ที่ เซ็นทรัลเวิลด์ จึงได้เข้าไปสัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ที่ไปเจอมาในทริปล่าสุดนี้ พร้อมทั้งถามถึงเรื่องการขึ้นคอนเสิร์ตร้องเพลงเป็นครั้งแรกของตนเอง

โทนี่

นักแสดงหนุ่มสายติสต์

ครั้งแรกกับการขึ้นคอนเสิร์ต
“ก่อนหน้านี้จะปฏิเสธตลอด เรากลัวมาก ทำตัวไม่ถูก อย่างเล่นละครเวทีเคยเล่น แต่ละครเวทีเขามีบทบาทมาให้ เราทำได้ แต่ถ้าเกิดให้เป็นตัวเองเลย เราไม่ค่อยมั่นใจ ว่าเราจะเอ็นเตอร์เทนคนได้ขนาดนั้น แต่รอบนี้ทำ เพราะเห็นว่าสเกลงานค่อนข้างหน้าสนุกมากๆ แล้วอีกอย่างคือถ้าไม่ทำตอนนี้ ไม่รู้จะทำตอนไหนแล้ว เพื่อนเยอะด้วย เราไม่ต้องร้อง 10 เพลง แค่มีเข้ามาแจมบ้างนิดหน่อย”

ในส่วนของเราจะเป็นอย่างไรบ้าง
“อยากบอกนะ แต่ไม่รู้บอกได้แค่ไหน กลัวหลุด แต่จะมีความเป็นเรามากที่สุด เขาค่อนข้างเปิดอิสระให้เราได้เลือก ให้เราได้ช่วยดีไซน์ด้วย เพลงก็จะช่วยๆกันครับดูครับ ว่าแนวนี้ๆนะ”

แต่คนก็มองว่าเราเป็นลูกศิลปิน การร้องเพลงจะเป็นยังไง
“อย่าได้คาดหวังครับ(หัวเราะ) อาจจะได้ความอาร์ตจากแม่ แต่ว่าถ้าเกิดเรื่องการร้อง บอกเลยอย่าเพิ่งคาดหวัง แต่จะฝึกซ้อมให้ดีที่สุดแล้วกัน พรสวรรค์เรื่องการร้องเพลง บอกได้เลยว่าไม่มี ไม่มีพรแสวงด้วย(หัวเราะ) มีแต่ความอยากทำครับ ความรู้สึกครั้งหนึ่งในชีวิต เราอยากจะทำอะไรแบบนี้ ตั้งแต่เราเข้าวงการมา เรายังไม่เคยมีโอกาสได้ทำแฟนมีตเลย ถือโอกาสนี้ได้ตอบแทนแฟนๆของเราที่เขาตามมานานมากแล้ว ได้เอ็นเตอร์เทนเขา ได้โชว์อะไรให้เขาดู”

โทนี่

เอ๊ะ! ตอบว่าไงดี

แต่รอบตัวเราก็มีแต่นักร้องทั้งพี่ ทั้งแม่ ทั้งแฟน ที่จะคอยสอนได้ เขามีแนะนำอะไรไหม
“มีครับ อย่างแก้ว เราจะเห็นภาพเขาเป็นเฟย์ฟางแก้ว เป็นสายป๊อป แต่เวลาเขาร้องเพลงจริงๆ เขาคือนักร้อง เสียงเป็นอีกเลเวลหนึ่งของนักร้องคาราโอเกะอย่างเราเลย ผมรู้สึกว่านักร้องคงสนุกมากนะ ที่พอเราอยากจะร้องเพลงอะไรก็ร้องได้ ขึ้นเสียงสูงแค่ไหนก็ได้”

พอเราบอกเขาว่าเราจะเล่นคอนเสิร์ต เขาว่าอย่างไรบ้าง
“เขาบอกอย่าฝืนเลย ไม่ใช่ทางเรา ล้อเล่นๆ(หัวเราะ)”

เราเคยร้องให้เขาฟังบ้างไหม
“ไม่ร้อง เขาเป็นนักร้องไง เราจะเขินนักร้อง ถ้าเกิดร้องเพลงพอได้ แต่ถ้าร้องให้นักร้องฟัง เราก็จะเขิน แต่ถ้าไปงานอีเวนต์แล้วเขาให้ร้อง เราก็ร้องบ้าง ผมสารภาพเลย ไม่เคยร้องจบเพลงเลยนะ ลืมเนื้อบ้าง พอร้องไม่ถึงก็โยนไมค์ให้แฟนๆช่วยร้องครับ ไม่เคยร้องเต็มเพลงเลย สักครั้งในชีวิตครับ”

ในคอนเสิร์ตครั้งนี้จะจัดเต็มเลยใช่ไหม
“จะมีโอกาสให้ผมได้ฝึกซ้อมครับ ก็จะฝึกให้มากที่สุด เท่าที่มีเวลาครับ”

ตอนนี้ก็พักเที่ยว แล้วมาซ้อมแทน
“เที่ยวไม่ได้แล้วแหละผมว่า ละครก็ต้องถ่าย”

คนคิดว่าเราไม่ทำงานแล้ว เที่ยวอย่างเดียว
“อยากอยู่เหมือนกัน(หัวเราะ) แต่ไม่ได้ จริงๆทริปนี้เราขอกองละครไว้ 1 เดือนด้วยซ้ำ แต่กองเขาก็บอกว่าไม่ได้ โทนี่กับแก้วเนี่ย คือถ่ายด้วยกันด้วยนะ ไปทั้งคู่ก็ไม่รู้จะถ่ายอะไรเหมือนกัน เราก็เลยถ้าอย่างนั้นขอ 15 วันแล้วกัน”

โทนี่

คู่รักสายติสต์

เป็นอย่างไรบ้างทริปนี้
“สนุกมากครับ เหมือนกับเราไปเจอในสิ่งที่เราไม่คาดคิดครับ คือพายุ ที่ไอซ์แลนด์ ก่อนไปเราคิดว่าต้องมีความสวยงามของธรรมชาติที่ดีมาก แต่เราเข้าไปในจังหวะที่พายุเข้าวันเดียวกันกับที่เราไปถึงเลย แล้วก็อยู่ยาวเลย 15 วัน เจอฝนทุกวัน ผิดแผนมากๆ หลายๆที่ที่เราวางแผนไว้ว่าจะไปถ่ายรูปกัน ไม่ได้ไป คือลมมันแรง ไม่เคยเจอลมแรงขนาดนี้มาก่อน มันแรงมากจริงๆนะ เหมือนประเทศเขามันไม่มีต้นไม้มากั้นลมอะไรเลย เป็นแค่เนินเขา าลมมาเต็มที่ ขับรถยังส่ายเลยครับ เราก็ปรับแผนตามวันเลยครับ เราเรียนรู้ว่าเราอยู่กับสถานการณ์แบบนี้ ถ้าเกิดเจออะไรที่แย่กว่านี้ เราก็คงชิวแล้ว”

พอเจอสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงแบบนี้เราต้องคุยกันมากขึ้นไหมเวลาจะไปเที่ยว
“ด้วยความที่เรามีเป้าหมาย มีสถานที่ที่เราคิดไว้แล้วว่าเราจะไปถ่ายรูป ดังนั้นที่ไหนที่เราสามารถไปได้เราก็ไป หรือที่ไหนที่เราเจอฝนตกหนักมากๆ เราต้องหาชุดที่มันช่วยกันฝนได้มากที่สุดมาใส่ ตรงไหนที่ไม่สามารถแบกอุปกรณ์หรือแบกกล้องเข้าไปได้เราก็ใช้มือถือถ่ายแทน

เหมือนเราทั้งคู่มีความมุ่งมั่นในการฝ่าพายุ
“ใช่ครับ อย่างที่บอกเป้าหมายหลักของเรามันคือเป้าหมายเดียวกัน อีกอย่างเราเองก็รู้สึกด้วยว่าพายุหรือฝนที่เราเจอ มันไม่ได้รุนแรงอะไรขนาดนั้น เพราะถ้าหากเราแต่งตัวให้มันรัดกุมมากพอมันก็น่าจะโอเค”

สามารถเรียกว่าฝ่าอุปสรรคพิสูจน์รักแท้ได้ไหม
“โห…ไม่ขนาดนั้นครับ จริงๆ มันคือการใช้ชีวิตอีกรูปแบบหนึ่งนี่แหละ เหมือนเราได้รู้จักตัวเองมากขึ้น จากการที่เราได้อยู่ในสถานที่ หรืออยู่ในเหตุการณ์นั้นๆ แต่ถามว่าเราได้รู้จักกันและกันมากขึ้นไหม ด้วยนะครับ(หัวเราะ) เพราะเราเองก็ทะเลาะกันบ่อยเวลาที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน แต่สุดท้ายเมื่อความรู้สึกตรงนั้นมันจบลง และเราฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้ตัวว่าเราผิด เราขอโทษนะครับ”

โทนี่

กอดกันให้หายหนาว

ขออนุญาตถามเรื่องของคุณพ่อ ตอนนี้ครอบครัวเราเป็นอย่างไรบ้าง
“ดีขึ้นมากครับ เพราะหลังจากที่เราได้ลอยอังคาร เราก็รู้สึกว่าคุณพ่อท่านน่าจะได้ไปในสถานที่ที่ดีขึ้นมากๆ เพราะตอนที่ท่านอยู่ ช่วงนั้นมันก็ทำให้เราเครียดมากๆ เช่นกัน เพราะมันก็มีหลายๆเหตุการณ์ ที่ท่านดูเหมือนจะดีขึ้นทแต่อยู่ดีๆ ท่านก็แย่ลง จริงๆ คุณพ่อท่านเป็นคนสู้นะครับ แต่มันก็มีบางโมเมนต์เหมือนกันที่ท่านแสดงออกว่าท่านไม่ไหวแล้ว”

ช่วงนั้นเราและทุกคนในครอบครัวต้องเข้มแข็งอย่างไรบ้าง
“เราก็ไม่ได้ต้องเข้มแข็งอะไรนะ แต่เราพยายามทำความเข้าใจมากกว่า รวมถึงทำให้คุณพ่อเข้าใจด้วยเช่นกันว่าท่านอยู่เลเวลไหน และเราก็พยายามจะบอกกับท่านตลอดว่าสิ่งที่ท่านทำได้มากที่สุดในตอนนี้ก็คือการอย่าเพิ่งไปคิดอะไรมาก พ่อไม่ต้องไปคิดเรื่องบ้าน ไม่ต้องไปคิดจุกจิกนู่นนั่นนี่ แค่ให้ท่านคอยสังเกตลมหายใจของตัวเองก็พอ ให้ท่านอยู่กับความเป็นจริงให้ได้มากที่สุด แค่นั้นเลยครับที่เราทำได้
หลังจากนั้นพ่อท่านจากไปแล้ว ผมถึงแม้จะเป็นน้องคนเล็กก็จริง แต่ผมก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งของครอบครัว ดังนั้นช่วงที่ผ่านมาผมจึงพยายามที่จะตั้งสติตัวเองให้ได้มากที่สุด”

เราดูแลความรู้สึกของคุณแม่และพี่สาวยังไงบ้างในช่วงที่ผ่านมา
“สำหรับตัวคุณแม่เอง ด้วยความที่ท่านเป็นคนที่เข้าใจธรรมะมากๆ เข้าใจธรรมชาติของทุกสิ่งอย่าง เข้าใจความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ท่านจึงดูเหมือนจะเป็นคนที่เข้มแข็งที่สุดในครอบครัวเราด้วยซ้ำ ส่วนพี่สาวอีกสองคน เขาก็อาจจะมีเรื่องของความรู้สึกเยอะหน่อย แต่เราทุกคนช่วยกันดูแลซึ่งกันและกันครับ ไม่ได้มีใครไปทำหน้าที่ดูแลใครเป็นพิเศษ”

โทนี่

พิสูจน์รัก

ทุกวันนี้เรายังนึกถึงภาพเก่าๆ วันเวลาเก่าๆ อยู่ตลอดไหม
“มีบ้างครับ อย่างบางครั้งเวลาที่ผมเลื่อนไปเจอภาพที่ถ่ายเอาไว้ในพิธีศพ หรือภาพที่ผมเคยโพสต์ลงบนอินสตาแกรมในช่วงที่ท่านยังมีชีวิต มันรู้สึกครับ รู้สึกคิดถึงท่านมากๆ ท่านเป็นพ่อที่น่ารัก ท่านชอบมีมุกตลก มีเรื่องขำๆ มาเล่าให้ฟัง ซึ่งวันนี้พอผมรู้ว่าผมไม่มีท่านอยู่ด้วยแล้ว มันก็รู้สึกเหวออยู่เหมือนกัน คือไม่มีท่านอยู่กับเราแล้วจริงๆ เหรอ แต่ก็ไม่อยากจะคิดถึงท่านมาก เพราะกลัวว่าเดี๋ยวท่านจะมาหา”

จริงๆ คุณพ่อท่านเคยมาเข้าฝันเราบ้างไหม
“ไม่มีครับ ไม่มี เหมือนท่านรู้ว่าผมค่อนข้างกลัวเรื่องพวกนี้”

ตอนนี้ทุกคนในบ้านก็ดูแลกันและกัน ดูแลคุณแม่
“ใช่ครับ เพราะคุณพ่อท่านได้สอนเราไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ในเวลาที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ทำไมเราถึงไม่ให้เวลาท่าน เพราะที่ผ่านมาท่านมักจะอยู่ตลอดว่า “พาพ่อไปกินข้าวนู่นนี่นั่น“ แต่ผมเองก็จะบอกกับท่านว่า “ผมติดงาน ผมติดนู่นนี่นั่นนะพ่อ” จนกระทั่งในวันที่พ่อเริ่มป่วย ผมจึงเริ่มมีโอกาสได้ไปหาพ่อมากขึ้น และเริ่มเห็นว่าพ่อเป็นพ่อที่น่ารัก พ่อไม่ได้เป็นเหมือนที่เราคิดไว้ในตอนแรก เพราะเมื่อก่อนเราสองคนมักจะคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไหร่ เหมือนเรามักจะขัดกันตลอด แต่พอถึงวันที่พ่อเริ่มเปิดใจกับผมมากขึ้น จนผมรู้ความจริงว่าสิ่งเดียวที่พ่อคิดก็คือ “พ่อรักลูก แต่พ่อเข้าหาลูกไม่เป็น” ดังนั้นผมจึงรู้สึกได้ในตอนนั้นว่า ถ้าหากพ่อหายผมจะพาพ่อไปที่นั่นที่นี่ แต่สุดท้ายผมก็ไม่สามารถพาพ่อไปเที่ยวได้ เพราะพ่อไม่ไหวแล้ว ฉะนั้นตอนนี้เราก็เหลือแค่แม่กับญาติคนอื่นๆ ที่เขาดูแลเรามา ซึ่งพ่อเป็นคนสอนสิ่งนี้ให้กับผมครับ”

ตอนนี้เราก็พยายามทุ่มเวลาให้กับครอบครัว
“มีคุยกันครับ ถ้าหากคุณแม่ชวนไปเที่ยวที่ไหนก็จะไปกับท่านให้ได้มากที่สุด”

ขอบคุณรูปจากไอจี : tonirakkaen , kaewjarin

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน