ชมพู่คุณแม่ยืนหนึ่ง มองทุกอย่างให้ง่ายชีวิตมีสุข

คอลัมน์ อาทิตย์ใส

จิรณัฏฐ์ จงประสพมงคล

ชมพู่คุณแม่ยืนหนึ่งแม่ยังไงก็คือแม่ กลับมายืนหนึ่งอีกครั้ง หลังหายจากจอเงินไปนาน สำหรับนางเอกสาวชมพู่อารยา เอ. ฮาร์เก็ต

ครั้งนี้กลับมารับงานแสดงภาพยนตร์อีกครั้งในรอบ 3 ปี กับตุ๊ดซี่ส์ & เดอะ เฟคของค่ายจีดีเอช ในบทเจ๊น้ำกับเคที่

โดยเข้ามาฟีเจอริ่งการแสดงกับ 4 นักแสดงหลัก อย่างเพชรเผ่าเพชร เจริญสุข, ‘ปิงปองธงชัย ทองกันทม, ‘เต๋อรัฐนันท์ จรรยาจิรวงศ์ และพีคภัทรศยา เครือสุวรรณศิริ ที่รับบท สามตุ๊ดสุดแซ่บกับสาวดี้สุดเอ๋อ กัส, กอล์ฟ, คิม และ แนตตี้

อะไรที่เป็นจุดที่ทำให้ตัดสินใจกลับมาเล่นหนังอีกครั้งในรอบ 3 ปี?

ชมพู่ – “ชมว่าด้วยไทม์ไลน์การหายไป มันถึงเวลาแล้วจริงๆ จบจากคานส์ 2019 ยังคิดอยู่เลยว่า เดี๋ยวกลับไปเมืองไทยต้องคุยกับหวานเจี๊ยบว่าอยากทำอะไรสักอย่าง เพราะก่อนหน้านั้นหวานเจี๊ยบจะจิกตลอดว่าย่าเล่นละครได้แล้ว เขี่ยเท้าให้เล่นตลอด ซึ่งเราบอกไม่ได้ ตอนนี้ต้องการเอาเวลาให้ลูก ละครใช้เวลาถ่ายทีเกือบปี บางเรื่อง 2 ปี คือมันสามารถเกิดอะไรขึ้นได้เยอะมากในช่วงนั้น

ก็มองดูว่า ตอนนี้ลูกสองขวบกว่าเดี๋ยว ไปโรงเรียนแล้ว ก่อนเข้าขวบที่สามหรือก่อนที่เราจะท้องอีกครั้ง ควรต้องทำอะไรหน่อยมั้ย ไทม์ไลน์ตอนนี้ชีวิตเริ่มลงตัว ทั้งหมดที่เล่ามาคือยังไม่ทันเอ่ยปากพูดกับหวานเจี๊ยบ เหมือนมีพลังงานส่งถึงกัน มีหนังเรื่องนี้ติดต่อมาพอดี อ่านบทแล้วน่าเล่น เลยคิดว่ามันคือจังหวะที่เขาจัดสรรมาให้พอดีลงตัว คิวต่างๆ ก็ได้อย่างไม่น่าเชื่อ คิวชมหมดวันที่ 18 สิงหาคม ลูกชมเปิดเทอม 19 สิงหาคม ลงตัวมากจริงๆ

เกี่ยวไหมว่าชื่อชมพู่เป็นตัวแม่ในหมู่ลูกสาวด้วย แนวนี้น่าจะเข้าทาง?

ชมพู่ – “คนก็พอจะรู้แหละว่าเรามีเคมีกันกับกะเทย (หัวเราะ) เพื่อนฝูงรอบตัวประมาณนี้หมด พอฟังบทแล้วไม่เล่นไม่ได้อ่ะ

ตอนที่รู้ว่าต้องเล่นเป็นเจ๊น้ำกะหรี่ยืนหนึ่งความรู้สึกแรกคือยังไง?

ชมพู่ – “ยังไม่ทันได้ตกใจ คือขำก่อน ตอนตัดสินใจรับ คือฟังเขาแล้วรู้สึกโพสซิทีฟ แล้วก็คิดว่าทำได้ๆๆๆ รู้สึกไม่ได้ไกลตัว โอเคมันพลิกบทบาทแต่ไม่ได้คิดว่าไกลตัวขนาดนั้น เพราะอย่างที่บอกเพื่อนเราก็แบบนี้ทั้งนั้น แต่มารู้สึกอีกทีว่าไกลตัวคือตอนมา เวิร์กช็อป ลองซ้อม และเล่นดูจริงๆ ถึงเริ่มรู้สึกว่าเรายังไกลจากตัวละครอีกมาก

มันดูห่างไกลชมพู่อารยาเจ้าแม่พรมแดงคานส์มากๆ ศึกษาคาแร็กเตอร์จากไหน?

ชมพู่ – “คนจะมองว่าไกล เพราะคนเสพภาพเราเดินพรมแดงคานส์ แต่เรากลับรู้สึกว่าวงในคือเพื่อนฝูงเราเป็นแบบนี้หมด เราก็ไม่ใช่คนเรียบร้อย ไม่ใช่พูดหยาบไม่เป็น มึงมาพาโวยก็เบสิคป่ะว้า คิดว่าไม่น่ายาก แต่พอมาลองทำเวิร์กช็อป ชิบหายว่ะยังมีอีกเยอะที่มันยังแพงเกินไป แล้วถ้าเทียบกับมาตรฐานการทำงานจีดีเอชแล้ว เราคงเวิร์กช็อปน้อยไปหน่อย คิดว่าเติ้ล (ผู้กำกับฯ) น่าจะแอบกังวล เขาเลยเหมือนป้อนการบ้านเราตลอด ให้โจทย์มาจากตอนแรกให้โคฟเจ๊น้ำ ตอนหลังพัฒนามาเป็นฉากผัดข้าว คือให้ลองเล่นเองที่บ้านแล้ว ถ่ายส่งมาให้ดู คลิปที่เป็นไวรัลอันนั้นชมซ้อมเป็นเดือน อย่าว่าแต่ผัดกับข้าวขายเลย คือชมไม่ทำกับข้าว เพราะฉะนั้น มันไกลมาก ไหนต้องจำบท ปากก็ต้องพ่น

เป็นฉากที่เขาค่อนข้างกดดันเราว่าคนจะซื้อหรือไม่ซื้อคาแร็กเตอร์ นี้คือฉากนี้เลย เพราะเป็นฉากแรกที่แนะนำตัวเจ๊น้ำ ฉากนี้เลย เป็นอะไรที่ขนาดชมอยู่เมืองนอก อยู่ลอนดอนนอนโรงแรมห้าดาว เติ้ลก็ยังให้ชมส่งการบ้าน ซึ่งชมต้องไปผัดกับข้าวอยู่ในห้องน้ำ (หัวเราะ) พอทีเซอร์ออกมาคิดว่าคนก็คงซื้อกันค่ะ

ดูทีเซอร์ว้าว!มาก ฟีดแบ็กคนรอบข้างเป็นยังไงบ้าง?

ชมพู่ส่วนมากชมจะรับฟีดแบ็กจากคนใกล้ตัวอีกทีหนึ่ง เพราะไม่ค่อยไปไหน เลยจะเจอแต่คนในวงการด้วยกัน แต่ไม่รู้ว่าประชาชนทั่วไปจริงๆ เขารีแอ๊กยังไง แต่สิ่งหนึ่งที่ตัวเองรู้คือว่าวิวคลิปชมขึ้นเร็วมาก เราเล่นไอจีทุกวันจะรู้ว่าเอ็นเกจเมนต์เวลามันขึ้นสถิติจะประมาณไหน แล้ววันนั้นเขานัดกันลงตอน 10 โมง จำได้ว่ายอดขึ้นเร็วมาก

เรื่องนี้เหมือนคุณน็อตสามีเชียร์หนักมาก แฟนตัวยง?

ชมพู่ – “ชมว่านางรู้เรื่องประมาณหนึ่งว่า สตอรี่ประมาณนี้ มีเล่าให้ฟังบ้าง แต่ไม่ได้ลงดีเทล บางทีพอนางถามเราก็บอกว่าไม่เล่า ให้ไปดูในหนัง พอนางมาเห็นทีเซอร์ก็เลยแบบขนาดนี้เลยเหรอ ไดอะล็อกในทีเซอร์ที่ได้ยิน เขาก็ไม่รู้มาก่อนว่าชมต้องพูด ดูเขา ตื่นเต้น แล้วเขาก็บอก ว่าตลก นางดูซ้ำวนเป็นสิบรอบ ความรู้สึกที่เขามีคือตื่นเต้นดีใจไปกับเรา ดูแล้วเหมือนมีความหวัง แอบอดคิดไม่ได้ว่าเอ๊ย! มันมาว่ะ เป็นความรู้สึกแบบเชียร์เมียอ่ะ….ว่าต้องได้สิเรื่องนี้ (ยิ้ม)”

จากที่คนคิดว่าชมพู่ไม่ค่อยรับละครหรือหนังเป็นเพราะคุณน็อตหวง แสดงว่าไม่ใช่เลย?

ชมพู่ – “เขาไม่เคยกดดันห้ามทำนั่นนี่ การที่ชมหยุดไปแล้วให้ลูกเป็นอันดับหนึ่งเป็นความต้องการและการตัดสินใจของเราเอง อีกอย่างคุณน็อตอยู่ในจุดที่ลุยพาร์ตตัวเองหนัก ชมเลยคิดว่างั้นเราก็ทำหน้าที่เราตรงนี้ดีกว่า บทบาทในครอบครัวเราน่าจะทำได้ดี ส่วนพี่ออกไปหาปลาเลยค่ะ (หัวเราะ) ซึ่งจริงๆ คุณน็อตไม่ได้คาดหวังว่าชมต้องมาอะไรขนาดนี้กับลูก

แอบกดดันไหม เพราะคนคาดหวังว่าชมพู่อารยามาแท็กทีมทั้งที ต้องปังปั๊วะมากแน่นอน?

ชมพู่ – “คาดหวังค่ะ แต่ไม่ได้กดดัน เราทำงานมาจะเห็นพลังที่มันเกิดขึ้นในกองถ่าย ทำให้อดคาดหวังไม่ได้ คือเรามาทำงานด้วยกันมีความสุข พอจบโปรเจ็กต์แล้วก็อยากเฮไปด้วยกัน อยากให้สำเร็จ ชื่นอกชื่นใจ แต่ไม่ได้เอามาเป็นความกดดันในชีวิตว่าแกเฟลไม่ได้ นี่คือยี่ห้อ ชมพู่ อารยา นะเว่ย ไม่ได้ยึดติดตรงนั้น แต่แน่นอนเวลาทำอะไรก็อยากประสบความสำเร็จค่ะ

กลับมาเล่นหนังแล้ว งานละครล่ะ?

ชมพู่ – “คือไม่ได้ปิดประตูนะคะ แต่บอกตรงๆ ถ้าต้องถ่ายปีหนึ่งยังไม่ไหวและไม่พร้อม

ลูกเข้าโรงเรียนแล้วน่าจะพอมีเวลา?

ชมพู่ – “แต่เขาก็ยังต้องการเรา จริงๆ กับงานละครเราโอเพ่นนะ ถ้ามีอะไรที่พอจะแมตช์กับไลฟ์สไตล์หรือบาลานซ์เราในเวลานี้ได้ แต่ชมสัมผัสได้ว่าผู้จัดก็ไม่กล้าถามแล้ว เพราะเห็นว่าตอนนี้เราเต็มที่กับลูกและครอบครัว

แฝดโตขึ้นทุกวันๆ รับมือยังไง?

ชมพู่ – “รับมือไปวันๆ ไหลเรือไฟไปเรื่อย ไม่ได้เตรียมการอะไรมาก พอมาลองคิดๆ ดูแต่ก่อนนึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่าวันหนึ่ง เราจะได้มาส่งลูกที่โรงเรียนแบบนี้ ไม่ต้องอะไรมาก แค่โมเมนต์ว่าเราเป็นแม่ยังนึกไม่ออกเลย แต่มันก็มาของ มันเอง

เริ่มมีคาแร็กเตอร์ที่ชัดเจนกันหรือยัง?

ชมพู่ – “ถ้ามองกายภาพ สายฟ้าแอ๊กทีฟ กว่า พายุจะต้วมเตี้ยมกว่า ออกสายชิล ชอบเล่นอยู่กับที่ แต่ด้วยเลี้ยงด้วยกัน ข้อดีเลยพากันแอ๊กทีฟตาม สายฟ้าโตกว่า เรื่องวุฒิภาวะชัดเจนมาก หมายถึงเขารู้ความกว่า แต่พายุจะมีสกิลเอาตัวรอดสูง มีเสน่ห์เฉพาะตัว เรียกว่าอยู่เป็น (หัวเราะ) แต่ถ้าเรื่องกายภาพ พายุจะเก่งเรื่องกล้ามเนื้อมัดเล็กกว่า เพราะตั้งแต่เล็ก เขาชอบอยู่กับตัวเอง ทั้งนี้ต้องดูกันต่อไป เด็กบางทีเปลี่ยนตลอดเวลา

แววว่าคนไหนคุมยากกว่ากัน?

ชมพู่ – “ณ เวลานี้ความที่สายฟ้ารู้ความกว่าก็จะฟังกว่า แต่ก็ไม่ได้อยากมองว่ายาก ไม่อยากตั้งแง่ว่าเขาดื้อเดี๋ยวเอาไม่อยู่ ค่อยๆ ปรับไป อย่าไปมีแอตติจูดว่าจะไม่ได้ แล้วต้องไม่ใช่ความรู้สึกที่อยากเอาชนะด้วย เด็กนี่คือถ้าคิดจะเอาชนะเท่ากับเราแพ้ตั้งแต่ต้นเลย

อยากมีอีกสักคนไหม?

ชมพู่ – “อยากค่ะ แต่แฝดไม่เอาแล้ว อยากได้ผู้หญิง จริงๆ มีเยอะๆ ก็สนุก แต่ถ้าตั้งใจจะทุ่มเทให้เขาขนาดนี้ คิดว่า 4 คนไม่น่าไหว 3 คนกำลังดี คือคนชอบพูดว่า เอาเลย มีเลย มีคนช่วยเยอะแยะ สบาย เราก็จะบอกว่าชีวิตเด็กไม่ได้ต้องการแค่ปัจจัยแบบนั้น เขาต้อง การเวลา การใส่ใจ แล้วเราอยากลงดีเทลกับทุกๆ คน คิดว่าเต็มที่แบบที่จะเอาคุณภาพด้วยน่าจะได้ 3 คน จะมีในปีหน้าเลยมั้ย ถ้าจัดผังรายการได้ (หัวเราะ) อยากให้เกิดปีหน้าค่ะ

มองย้อนกลับมาตั้งแต่วันแรกที่เข้าวงการ จนถึงวันนี้ คิดว่าตัวเองมาไกลมากไหม?

ชมพู่ – “ไกลอยู่นะ จากเด็กที่นั่งรถเมล์คนนึง จนเป็นอย่างที่เห็นทุกวันนี้ ส่วนนี้ต้องขอบคุณหลายภาคส่วน ตั้งแต่พ่อแม่ ผู้ใหญ่ที่ให้โอกาส คนดู พูดไปก็ไม่หมด แต่มีคนบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นไปตามเหตุปัจจัย เหตุปัจจัยมันเยอะเลยทำให้เรามีวันนี้ (ยิ้ม) ถามว่าเคยมีวันที่ท้อถอยมั้ย คือมีวันที่ไม่แฮปปี้อยู่แล้ว ยิ่งตอนเด็กๆ จะมองโลกอีกแบบ ทำไมยากจัง ทำไมไม่ได้แบบนี้เหมือนเขา

แต่พอโตขึ้นมันก็สอนเราเองว่าให้มองทุกอย่างตามจริง โดยเฉพาะเรื่องงานในวงการ ควรมองให้เข้าใจเรื่องของธุรกิจ แล้วเอาอารมณ์วางไว้ก่อน เวลาที่เราไม่ถูกเลือกหรือไม่ได้โอกาสนั้น ลองมองดูซิว่าเป็นเพราะอะไร ถ้าเราลองแก้ปัจจัยในตัวเราแล้วยังไม่ได้ บางทีก็ไม่ต้องมีความรู้สึกอะไร ก็แค่เรื่องธุรกิจไง เขาไม่ชอบเรา เขาไม่ซื้ออ่ะ มันเป็นเรื่องทัศนคติ ไม่ต้องมีความน้อยเนื้อต่ำใจโชคชะตา ชมว่ามองให้มันง่ายๆ ไว้ เราก็จะทำงานมีความสุขค่ะ

รู้สึกยังไงเวลามีคนพูดว่า ทำไมไม่เกิดมาเป็นชมพู่อารยาบ้าง ชีวิตโคตรจะดีมากๆ เลย?

ชมพู่ – “ชมว่าชีวิตทุกคนมีอะไรต้องเจอ ต้องผ่าน และดิ้นรน เพียงแต่คนที่มองเราวันนี้ เขาอาจจะไม่เคยเห็นภาพที่เราต้องต่อสู้มา แล้วชมก็ไม่เคยบ่น เพราะไม่รู้จะบ่นทำไม (ยิ้ม) โชคดีแล้วที่เรายังมีงานให้ทำ ชมว่าอยู่ที่มุมมอง แล้วอย่าไปคิดว่าอยากเป็นเหมือนใคร

เพราะไม่มีใครเหมือน ใครหรอก ภาพความสำเร็จของคนอื่นที่เราเห็น ทุกคนมีราคามาแล้วทั้งนั้น อย่างตอนเด็กๆ ชมอาจจะเคยรู้สึกว่าทำไมตัวเองไม่ได้โอกาสเหมือนคนนั้นคนนี้ แต่เราไม่เคยคิดว่าเราอยากเหมือนคนนั้นคนนี้เลย เราก็อยากเป็นเรานี่แหละ บางทีความสำเร็จไม่ได้เป็นเรื่องที่ว่าเรามีอะไร ได้อะไรมา แต่มันคือการที่เรามีทัศนคติหรือเรารู้สึกยังไงกับชีวิตเราที่เป็น อยู่ตรงนี้มากกว่า ความสำเร็จบางคนไปพูดถึงเรื่องรวยไม่รวย อย่าไปวัดกันแค่นั้นเลยค่ะ ยังมีอะไรมากกว่านั้น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับวิธีคิดของแต่ละคน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน