อีฟ พุทธิดา เชื่อคุณพ่อ ต้อย เศรษฐา ต้องหายจากโรคร้าย แง้มปีนี้มีลุ้นขึ้นคอนเสิร์ต

อีฟ พุทธิดา อัพเดตอาการป่วยมะเร็งตับของคุณพ่อ – ดาราสาว อีฟ พุทธิดา ลูกสาวของ ต้อย เศรษฐา ศิระฉายา และ เปี๊ยก อรัญญา นามวงศ์ มาร่วมแชร์ประสบการณ์การดูแลคุณพ่อที่กำลังป่วยมะเร็งปอด และ ให้กำลังใจผู้ป่วยมะเร็งที่มาร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “ก้าวข้ามมะเร็ง” ณ ลาน Eden 3 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันวานนี้ (4ก.พ.) และเธอได้ให้สัมภาษณ์หลังจบงานถึงอาการล่าสุดของคุณพ่อ

อีฟ พุทธิดา อัพเดตอาการป่วยมะเร็งตับของคุณพ่อ

อีฟ พุทธิดา อัพเดตอาการป่วยมะเร็งตับของคุณพ่อ

อีฟ พุทธิดามาร่วมงาน

 

 

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

 

อัพเดตอาการคุณพ่อคุณ?

ตอนนี้พ่อก็ดีขึ้นนะคะ คุณหมอบอกว่าก้อนเนื้อเล็กลง ดูไปในทิศทางที่ดี แล้วคุณพ่อก็สดใสดี จะมีหนักบ้างหลังจากวันที่ให้ครีโม ช่วงหลังจากวันที่3ถึง7วันหลังการให้คีโมก็จะหนักนิดนึง

 

รักษามานานแค่ไหนแล้ว?

ทั้งหมดน่าจะประมาณ9เดือน

 

ซึ่งคุณพ่อตกใจเหมือนกันตอนรู้ว่าเป็น?

ซึ่งถามเค้าก็บอกว่าไม่ตกใจ เพราะว่าทุกคนไม่ตกใจ แต่คือมันต้องตกใจหรอกอยู่แล้วล่ะคืออยู่ดีดีมาบอกว่าเราเป็ฯ มีใครไม่ตกใจบ้าง แล้วเป็นในระยะไหนล่ะ แต่พอเรามีความเข้าใจมากขึ้น เราก็จะรู้ว่าตำแหน่งที่คุณพ่อเป็นมันหายาก มันจะไม่รู้เลยจนกว่าจะมีอาการ เพราะว่าลำพังเราตรวทสุขภาพทั่วไปเราไม่ได้ แสกนแล้วมันก็ไม่เห็น พอมันมีอาการก็คือตามคุณพ่อไอเป็นเลือดแล้วอ่ะ พอไอเป็นเลือดคุณหมอก็ให้มา3-4 ช้อย อาจจะเป็นวัณโรค แล้วช้อยสุดท้าย ก็คืออาจจะเป็นมะเร็ง คือจริงๆตอนนั้นเรายังหัวเราะกันอยู่เลยว่า ไม่ใช่หรอก เพราะบุหรี่คุณพ่อก็ไม่ได้สูบ และตั้งแต่อีฟเกิดคุณพ่อไม่เคยดื่มเหล้าสูบบุหรี่ (อาจจะเคยมีตอนวัยรุ่น) เราเลยคิดว่าไม่ใช่แน่ๆ

 

ความห่วงมันมีมากขึ้นไหม เพราะก็เจอในตอนอายุมากด้วย?
เดิมทีเราไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก ถ้าพูดกันจริงๆ เพราะว่าเราไม่ได้คิดว่าจะมีคนนะครอบครัวเป็น แล้วก็ไม่เห็นว่าจะมีใครเป็น โดยกรรมพันธ์ก็ไม่ได้มีใคร เราก็เลยคิดว่าไม่น่ามี แต่พอมาถึงตรงนี้เราก็ได้รู้ว่าจริงๆแล้วปัจจัยอาจจะไม่ได้เกิดจากอะไรก็ได้ คือมันเกิดเป็นความผิดปกติของเซลล์ก็ได้ พอมีความเข้าใจเกี่ยวกับตัวโรคมากขึ้น เราเลยรู้ว่ามันอยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่คิด แต่สุดท้ายมันก็คือโรคภัยไข้เจ็บชนิดหนึ่ง ที่วันนี้มีนวัตกรรมของการแพทย์ที่ทำให้หายได้ด้วยอาจจะผ่อนหนักให้เป็นเบาด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้ป่วยด้วย

 

9เดือนที่ผ่านมา ตอนนี้รักษา เต็ม100 ได้กี่เปอร์เซ็นแล้ว?

อีฟต้องอธิบายให้ฟังอย่างนี้เพราะอีฟตอบเป็นเปอร์เซ็นต์อาจจะลำบาก เราบอกได้ว่าเดิมทีคุณพ่อน้ำหนักลงไป10กว่าโล เพราะแรกๆการให้ครีโมจะทานอาหารไม่ค่อยได้ ตอนนี้ดีดขึ้นมา 5- 6 โลแล้ว ถือว่าตัวเค้าเองเข้าใจแล้วว่าจะต้องปรับตัวกับโรคยังไงไม่ ถึงไม่อยากกินก็ต้องกิิน เพราะว่าการให้เคมีบำบัดทำให้ไม่เจริญอาหาร แต่เราจำเป็นต้องกินอาหารเพื่อที่จะเอาตรงนี้ไปช่วยให้ร่วงกายแข็งแรง รับมือกับยาได้เพราะว่ายาค่อนข้างจะแรง

 

 

มีอาการแพ้ไหม?

ต้องบอกว่ายาสมัยใหม่มันค่อนข้างดีมากผลข้างเคียงน้อย คุณพ่อผมไม่ร่วงพระ ทั้งที่เป็นคนผมน้อยอยู่แล้ว ทุกคนเวลาเจอพ่อจะต้องทักว่าทำไมคุณเศรษฐาผมไม่เห็นร่วง อีฟเข้าใจว่าคนแต่ละคนอาจจะแพ้ไม่เหมือนกัน ของคุณพ่ออาจจะเป็นเป็นลักษณะที่ว่าทานได้น้อยมากกว่า

 

คุณหมอได้บอกไหม ต้องรักษาอีกนานแค่ไหนจะกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ ?

จริงๆเค้าก็ใช้ชีวิจปกตินะ เพียงแต่ใช้ชีวิตดีขึ้น คนเป็นมะเร็งเหมือนคนเป็นโรคถูกแล้วนิสัย คือถ้าบอกว่าเป็นหวัดเราก็ยังเฉยๆ ทั้งๆที่จริงๆคนเป็นหวัดก็ควรที่จะแบบใส่แมส ควรที่จะป้องกัน เราควรจะทำไม่ว่าเราจะเป็นโรคอะไรก็ตาม แต่ว่าพอเราบอกว่าเรามันเป็นมะเร็งมันเป็นโรคถึงตาย ถามว่าโรคอื่นตายได้เปล่าก็ตายได้เหมือนกัน อีฟว่าจริงๆแล้วมันเป็ฯเรื่องของการเอาใจใส่มากกว่า ถ้าพูดกันจริงๆ อีฟมองว่าคุณพ่อเค้าใช้ชีวิตปกติ เพียงแต่ว่าเราให้ความสำคัญกับเรื่องของอาหาร อากาศ คุณภาพชีวิตมากขึ้น

 

อย่างสภาพจิตใจของคุณพ่อเองเป็นยังไงบ้าง

ดีค่ะ ดีมาก คือตอนนี้เค้าเข้าใจแล้ว และเค้าผ่านจุดที่ยากไปแล้ว คือช่วงแรกๆเค้าก็เข้าใจยากนิดหนึ่ง ก็คือเราไม่อะ มันก็เหมือนตอนคุณแม่ป่วย เพราะว่าคนในครอบครัวก็ไม่เคยเจอเหมือนกันว่าจะมีเส้นเลือดในสมองแตก เราผ่านตรงนั้นมาแล้ว อีฟก็พูดกับเขาก่อนเลยว่า ถ้าแม่ผ่านได้พ่อก็ต้องผ่านได้แล้วที่สำคัญแม่เป็นตัวอย่างที่ดีเพราะว่าโรคที่แม่เป็นก็ไม่ได้ก้าวข้ามง่ายๆเหมือนกัน เพราะฉะนั้นแม่ผ่านมาแล้ว คู่ชีวิตเค้าก็จะให้กำลังใจกัน เพราะว่าพ่อก็จะดูแลในช่วงที่แม่จะต้องก้าวผ่านสิ่งนั้น

ตอนนี้คุณแม่ก็เป็นนางพยาบาล แค่ไม่ได้ใส่ชุดขาวเท่านั้นเอง อยู่บ้านจัดยา ยาต้องเป็นคอร์ส ก่อนอาหาร-หลังอาหาร เค้าก็จะรู้กันอยู่สองคนอีฟไม่ค่อยได้ยุ่ งเพราะว่าเดี๋ยวไปหยิบผิด คุณแม่ก็จะเป็นคนจัดการ

 

ยาดีนี้มีหลานด้วยใช่ไหมคะ?

ถูกต้องค่ะ อันนี้ยาเม็ดใหญ่มาก ถึงจะกลืนไม่ลงแต่ก็หอมกันทั้งวัน เป็นออกซิเจนบริสุทธิ์ที่สุดในบ้าน อย่างที่บอกค่ะเราต้องมีเป้าหมาย ทั้งผู้ป่วยทั้งคนในครอบครัวเราต้องมองไปในจุดเดียวกัน เราต้องเข้าใจก่อนว่าโรคนี้สามารถหาย หรือผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ พออีฟรู้ว่าเป็น อีฟพูดกับพ่อก่อนเลยว่าหายได้ จากวันนั้นจนถึงวันนี้พ่อก็ยังทำให้อีฟเชื่อว่าพ่อจะหาย เพราะอย่างน้อยที่สุดอีฟไม่ได้รู้สึกว่าพ่อทรมานกับโรค จริงๆมันทรมานในเรื่องของการรักษาในระดับนั้น นอกจากว่าคนที่เค้าเป็นในตำแหน่งที่เจ็บปวดอันนี้ไม่แน่ใจเพราะว่าเราไม่ทราบ

แต่ของคุณพ่อ ณ วันนี้คุณพ่อไม่ได้ไม่ได้เจ็บ ไม่ได้ทรมานอะไร อาจจะมีเหนื่อยล้าบ้างเวลาให้ยา แต่ว่าเขาก็ใช้ชีวิตปกติ เพราะฉะนั้น อีฟคิดว่าหาจุดกึ่งกลางระหว่างการใช้ชีวิตที่ดี แต่ต้องเป็นชีวิตที่ดีในแบบที่เราต้องการด้วย คือเราต้องมีความสุขทุกวินาทีที่เราทำได้ คิดบวกว่าในแง่บวก มองที่ผ่านมาว่าเราจะโชคดีแค่ไหนแล้วที่มาถึงตรงนี้ โชคดีแค่ไหนแล้วที่วันนี้เราก็มีโอกาสที่จะหายที่จะดีขึ้นด้วย ได้ก้าวข้ามผ่านสิ่งที่เรียกว่าเป็นชาเลนจ์ที่ใหญ่มากของชีวิต อีฟมองว่ามันสำคัญ

 

 

 

ที่ผ่านมาอาต้อยไม่ค่อยอยากออกสื่อ?

อีฟว่าแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน อย่างของคุณพ่อเค้าค่อนข้างไม่อยากพบปะคนเยอะ เพราะเค้าสุ่มเสี่ยงที่จะรับเชื้อง่าย ต้องเข้าใจว่าของคุณพ่อเป็ฯที่ปอด มันจะเปาพบางเวลาหลังการให้ยา ภูมิคุ้มกันจะน้อย เวลาอยู่ในที่คนหมู่มาก มันก็สุ่มเสี่ยงในการรับเชื้อ เพราะฉะนั้นมันจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยง

 

ผลต่อจิตใจมีผลไหม?

ตอนแรกๆเค้าก็ไม่อยากจะพูดถึงเพราะเค้าไม่อยากให้ใครมาสงสาร เพราะเค้าไม่ได้อยู่ในภาวะที่น่าเห็นใจแบบนั้น ในการให้กำลังใจมันก็เป็นเรื่องดีแต่ว่าบางคนก็อยากมา แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมาแบบไหนด้วยไม่รู้ต้องทำยังไง ต่างคนต่างไม่รู้ แต่ ณ วันนี้รู้ ก็เห็นไปเยี่ยมกันทั้งวัน แล้วคุณพ่อก็ไม่เหงา ก็มีคนโทรหามีคนถามไถ่ ให้กำลังใจกันตลอด รวมถึงคนที่เราไม่เคยพบกันมาก่อน บางทีพ่อออกไปทานข้าวก็มีคนเดินมาที่โต๊ะ บอกว่าเป็นกำลังใจให้นะคะ / ผมเป็นแฟนเพลงสวดมนต์ให้ด้วยนะครับ มันน่ารักมากเลย รู้สึกว่า ทั้งปวงแล้วมันทำให้คุณพ่อเขาอบอุ่นและอีฟเชื่อว่ายาก้อนใหญ่มากๆเม็ดใหญ่แต่มากๆของผู้ป่วยมะเร็ง คือเรื่องของจิตใจ

 

หลายคนมองว่าการเจอโรคมะเร็งมันทำให้ชีวิตเราไปเร็วขึ้น พี่อีฟมองอย่างนั้นไหม?

อีฟว่าหลายๆอย่างในชีวิต ในยุคของเรามันมีหลายอย่างมากนอกจากโรคมะเร็งที่ทำให้รู้สึกแบบนั้น รู้สึกว่าอะไรๆมันก็เกิดขึ้นได้ ความไม่แน่นอนมีเยอะมาก มีโรคสารพัดเลยที่ทำให้เรารู้สึกว่าโรคนี้ตายได้ด้วยหรอ? ในขณะที่การแพทย์วิวัฒนาการไป โรคเหล่านี้ก็วิวัฒนาการตาม เค้่าก็พยายามสู้กับมัน อีฟก็เลยรู้สึกว่า ถ้าเรารู้ตรงนี้เราต้องสู้กับมันด้วย คนไม่เป็นก็ต้องป้องกันตัวเองในทุกๆเรื่อง การกิน การนอน ไม่มีใครทำแทนเราได้ เรารักตัวเองแค่ไหน เรารักคนรอบข้างเราแค่ไหน เราก็ต้องทำเอง แม้กระทั่งป่วย เราอยากอยู่กับคนรอบข้างเราไหม เราอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเราก็ต้องดูแลตัวเอง

 

อย่างเป็นคนดูแล เราต้องสร้างกำลังใจให้ตัวเองมากแค่ไหน?

มันอยู่ที่ผู้ป่วยนะ ถ้าผู้ป่วยอยากหาย คนดูแลจะเบาขึ้นอันนี้เป็นเรื่องสำคัญ แต่ถ้าผู้ป่วยไม่มีกำลังใจ คนรอบข้างจะเหนื่อย อีฟอยากให้คนอื่นรู้สึกแบบเดียวกันว่าถึงป่วยให้มองไปข้างหน้า สร้างกำลังใจให้ตัวเองเยอะๆ มันเป็นแรงบันดาลใจให้กันไปมา คือถ้าผู้ป่วยมีกำลังใจคนรอบข้างก็จะมีกำลังใจ เพราะฉะนั้น เราจำเป็นที่ต้องส่งมอบกำลังใจให้กันและกันตลอดเวลา

 

อย่างตัว อาเปี๊ยก อรัญญา เค้าดาวน์ลงบ้างไหม

ก็เหมือนกันนะคะ แม่เค้าเป็นแรงพลักที่ดี เพราะว่าเค้าผ่านเรื่องร้ายๆมา เค้าเชื่อว่าตัวเค้าผ่านได้พ่อก็ต้องผ่านได้ แล้วเราพูดถึงสิ่งที่มองไม่เห็น เราก็ทำบุญมาเยอะ ถ้าอะไรจะเกิดขึ้นเ ราก็ทำให้ดีที่สุดแล้ว

ส่วนตัวพี่อีฟเองมีความกังวลอะไรอยู่ไหม?

อีฟไม่อยากกังวลอะไร เพราะอีฟอยากไม่อยากให้คุณพ่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่รู้สึกเป็นกังวล เราก็จะเอาใจใส่ บางอย่างเราก็จะไม่กังวลเราจะดุเค้าไปเลย เช่น อันนี้ไม่ควรกิน เราก็จะเถียงกัน เราก็จะคุยกัน อย่างกากหมูที่พ่อชอบกิน ก็ต้องเลิกไหม จริงๆไม่เกี่ยวกับโรคหรอก อายุขนาดนี้ก็ควรเลิก

 

แสดงว่าอาหารการกินที่บ้านก็ต้องปรับเปลี่ยนตามผู้ป่วย?

ก็ประมาณนั้น เราก็ต้องเลือกสิ่งที่สะอาดที่สุดปราศจากสารเคมีให้ได้มากที่สุด เรื่อพวกนี้เป็นคุณภาพชีวิตของเราก็ต้องใส่ใจมันหน่อย

 

พี่อีฟได้มองแพทย์ทางเลือกไว้ไหมคะ?

นอกจากภาพแผนปัจจุบัน อีฟไม่ปิดกั้นอะไรเลยค่ะ แต่ก็ต้องอยู่ที่ผู้ป่วย มีคนมอบความปรารถนาดี ให้ครอบครัวเราเยอะ ซึ่งอีฟก็ขอบคุณมากๆ ใครเจออะไรช่องทางอะไรก็มาบอกเราเราก็ฟังแต่สุดท้ายแล้วเราต้องให้ผู้ป่วยเลือกสิ่งที่เค้าอยากจะทำ เพราะการรักษาชนิดใดก็ตามต้องใช้เวลา

 

ตอนนี้ก็ยังไม่ได้มีวิธีจากแพทย์ทางเลือก?

ก็ไม่ได้มีอะไรชัดเจน คือคุณพ่อเค้าก็จะเปิดรับฟัง นอกจากแพทย์ปัจจุบันก็จะหนักไปทางเรื่องของจิตใจ ด้วย ซึ่งโรคนี้มันไม่ถูกกับความเครียดอย่างรุนแรง บางทีเครียดมากไป ผู้ป่วยจะรู้สึกว่าถ้าลำบากขนาดนี้หลับก็ได้นะ เราเอง เรายังรู้สึกเลย เรายังไม่อยากเลย เราเลยรู้สึกว่าเค้าต้องมีความสุขในชีวิตมันคือเรื่องจำเป็น

 

คือคุณอาเค้าหมดความมั่นใจไหม เพราะว่าเค้าผอมลง?

ไม่มีค่ะ วันนี้ทุกคนรู้แล้ว ทุกคนเข้าใจเรา ทุกคนก็จะเข้าหาเค้าด้วยความที่รู้สึกเข้าใจมากขึ้น ไม่มีใครที่เข้ามาแบบมาทักอะไรที่ทำให้เขารู้สึกไม่ดี เพราะทุกคนก็จะมาให้กำลังใจมากกว่า แล้วตอนนี้คุณพ่อก็อ้วนขึ้นแล้วด้วยเลยดูสดใส ที่ดูผอมเพราะล่าสุดท้องเสีย

 

แล้วอย่างงานเพลง ?

ไม่แน่นะปีนี้อาจจะได้มีคอนเสิร์ตค่ะ ถ้าทุกอย่างไปในทิศทางที่ดีก็จะเห็นพ่อออกงานมากขึ้น

 

เค้าบ่นคิดถึงการร้องเพลงไหม?

เค้าไม่เคยไม่คิดถึง

 

หยุดนานแค่ไหน?

ก็เท่ากับว่าปีที่แล้วไม่มีงาน เพราะว่าปกติคุณพ่อมีคอนเสิร์ตทุกปี

 

แสดงว่าปีนี้ก็ลุ้น?

ใช่ค่ะใช่ค่ะ

 

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน