ช่อง3’เดินหน้าเพื่ออนาคต ชี้การขับเคลื่อนองค์กรอยู่ที่คน : กระแสร้อน

คอลัมน์ – กระแสร้อน

กระแสร้อน – หลังดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ปีที่แล้ว ผลงานที่บี๋อริยะ พนมยงค์ ทำให้เห็นใน 9 เดือนที่ผ่านมา คือการนำทัพช่อง 3 บุกเบิกตลาดต่างประเทศ เจาะทั้งจีน ไต้หวัน ฮ่องกง เกาหลีใต้ มาเลเซีย อินโดนีเซีย

และยังย้ำจุดยืนเดิม คือสร้างวิสัยทัศน์ใหม่ ไม่ได้มองว่าช่อง 3 คือธุรกิจทีวีเหมือนเดิมแล้ว โดยกล่าวว่าหัวใจเราคือธุรกิจคอนเทนต์ สิ่งที่ชิงเวลาของผู้บริโภคได้ดีที่สุดคือคอนเทนต์ วิชั่นของเราคือควบคุมทุกสิ่งที่มีระยะสำคัญสำหรับธุรกิจของเรา ต้องมองไปข้างหน้า มองไปอนาคต ต้องเคลื่อนไหวให้เร็ว เราผลิตคอนเทนต์ละคร ข่าว มอบความสุขให้คนไทยมา 50 ปี สิ่งดีๆ ที่มีอยู่เราไม่ทิ้ง แต่จะนำมันมาใช้ในการผลิตคอนเทนต์รูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้ชม วันนี้สิ่งที่ต้องทรานส์ฟอร์มไม่ใช่แค่คอนเทนต์ ต้องทรานส์ฟอร์มความเป็นสื่อด้วย

โดยการดำเนินธุรกิจในปี 2020 ของบีอีซี เวิลด์ บอสหนุ่มแจงว่า มีอยู่ 6 เรื่อง คือ 1.New Media (นิว มีเดีย) การเปลี่ยนตัวเองจากธุรกิจทีวีสู่อุตสาหกรรมสื่อแบบ D2C (Direct to Consumer) เข้าถึงผู้บริโภคใกล้ชิดขึ้น ทำผ่านจอทีวีและออนไลน์รวมถึงธุรกิจใหม่

2.Go Inter (โก อินเตอร์) ขยายสู่ตลาดต่างประเทศ เน้นตลาดจีนและอินโดไชน่า ตั้งเป้าในปี 2020 จะเติบโต 2 เท่า 3. 3+ (สามพลัส) ธุรกิจดิจิตอลมี 2 อย่าง อันแรกเป็นแพลตฟอร์มของเราปรับชื่อจาก MELLO เป็น 3+ และจับมือกับพาร์ตเนอร์ที่เป็น OTT เกือบทุกเจ้า

4.New Content (นิว คอนเทนต์) ที่ผ่านมาช่วงไพรม์ไทม์ของช่อง 3 เดิมคือช่วง 20.20 . แต่ต่อไปนี้จะเน้นช่วง 18.00-22.30 . ซึ่งเป็นช่วงที่คนอยู่หน้าจอเยอะที่สุด 5.Artists (อาร์ติสต์) เพิ่มพื้นที่ให้ศิลปินบนหน้าจอ ทั้งทีวีหรือออนไลน์ อย่างรายการ เดอะ บราเธอร์ส ที่มีทั้งติ๊ก เจษฎาภรณ์ และมาริโอ้ รวมถึง 3 รายการใหม่ที่จะมีดาราเราเป็นโฮสต์ ส่งเสริมดาราที่มีความสามารถด้านอื่นๆ สร้างธุรกิจและโอกาสใหม่ๆ เป็นการเปิดตลาดใหม่ โดยจีนเป็นตลาดนึงที่เราจะพาดาราไปเติบโต

6.Data การจัดเก็บข้อมูลจากพฤติกรรมการรับชมของ ผู้บริโภคผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อต่อยอดเป็นธุรกิจใหม่ เราต้องการเปลี่ยน แปลงสัดส่วนรายได้จากเดิม 83% มาจากสื่อทีวี และ 17% มาจากรายได้ธุรกิจใหม่ ให้เป็น 65% มาจากสื่อทีวี และ 35% มาจากธุรกิจใหม่ เพื่อกระจายความเสี่ยงในภาวะอุตสาหกรรมสื่อมีการทรงหรือหดตัว ต้องสร้างแหล่งรายได้ใหม่ และต้องสร้างธุรกิจใหม่เพื่อสร้างความเติบโตให้บีอีซี เวิลด์ โดยตั้งเป้าทำให้ได้ภายใน 3 ปี

ทั้งนี้ผู้บริหารหนุ่มยังเผยทิศทางผังรายการในปีนี้ว่าเราโฟกัสช่วง 18.00-22.30 . เรียกว่านิวไพรม์ไทม์แบ่งเป็น 3 ช่วง เริ่มที่ 18.00 . เรียกว่ามิติใหม่แห่งความสนุกช่วงเวลาครอบครัว จะสร้างรายการใหม่เพื่อดึงดูดผู้ชมและจะเห็นคอนเทนต์ใหม่ๆ รายการเปิดตัวคือสกิดใจโชว์ของคุณป๋อ ณัฐวุฒิ เป็นรายการ ทอล์กสร้างแรงบันดาลใจ ช่วงเวลา 19.00 . ละครก่อนข่าว เป็นตลาดที่แมส วางไว้เป็นช่วงละครครบรส ก่อนหน้านี้เราเน้นละครหลังข่าว ซึ่งกลุ่มเป้าหมายสองช่วงเวลาต่างกัน ตอนนี้เราเน้นก่อนข่าว เริ่มเห็นผลดีจากละครมือปราบข้าวสารเสกเราปรับรูปแบบการเล่าเรื่องและการนำเสนอให้สอดคล้องกับพฤติกรรมและความชอบของผู้ชม ส่วนช่วงเวลา 20.20 . ช่วง คอดราม่า สำหรับแฟนละครจริงๆ เนื้อหาคงหนีไม่พ้นเดิม แต่จะปรับรูปแบบและวิธีนำเสนอ เล่าเรื่องกระชับ ตัวอย่างที่ดีตอนนี้คือซ่อนเงารักและถ้าเราทุ่มกับช่วงเวลาหนึ่งทุ่มซึ่งเป็นช่วงพีกก็อยากทำให้เห็นว่าเราเอาจริง ไม่ใช่แค่การผลิตใหม่ เราจะดึงนักแสดงหลังข่าวมาอยู่ช่วงละครก่อนข่าวด้วย แต่อาจจะเห็นภาพนี้ครึ่งปีหลัง เราหวังกับช่วงนิวไพรม์ไทม์ไว้เยอะ

จริงไหมยุคนี้หมดยุคคู่จิ้นแล้ว บอสหนุ่มตอบเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แล้วแต่ แต่ที่เราจับมือกับเท็นเซ็นต์เราไม่ได้บุกตลาดจีนแค่ละคร ถ้าละครเกิด นักแสดงก็เกิดด้วย เราส่งออกทั้งตัวละครและตัวดารา หลายคนเป็นตำนานอยู่มายาวนานเป็นข้อดี ทุกคนรักทุกคนรู้จัก เราต้องใช้ตรงนี้ให้เป็นประโยชน์ เพราะเขามีฐานแฟนที่แน่น เราต้องทำอะไรที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ถ้าผนึกตรงนี้ได้ เราได้ 2 ต่อเลย ทำอย่างไรจะให้สองโลกนี้อยู่ด้วยกันได้

การที่เราพยายามเดินหน้า มันต้องมีการปรับมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่แค่ละคร หมายถึงทุกอย่าง เมื่อไรที่เราทำสิ่งใหม่ เราต้องคุยกันเยอะๆ มันก็มีต่างมุมมอง การคุยกันคือการหาจุดยืนที่อยู่ได้ เราไม่อยากคุ้ยปัญหา ไม่ใช่เราอยากเปลี่ยนคนเดียว เราต้องฟังจากทุกคน ดารา นักแสดง ทีมงาน พนักงาน คาดหวังตรงไหน อยากเห็นอะไร เพราะผมเพิ่งเข้ามาอยู่ 9 เดือน พวกเขาอยู่นานกว่าผม แล้วผมเชื่อว่าทุกคนมีไอเดียดีๆ เยอะ ผมทำหน้าที่สร้างเวทีให้ไอเดียมันเกิดขึ้นได้

ถามว่ากดดันไหม ผู้บริหารหนุ่มยอมรับกดดัน เราเป็นช่องที่คนจับตามองมากที่สุด ผมเพิ่งเข้ามาใหม่ เคารพคนทุกรุ่น ไม่ได้แบ่งเรื่องอายุ ต้องยอมรับว่าจุดนี้ ทั้งอุตสาหกรรมเศรษฐกิจก็ดี มีผลกระทบกับตลาด ทุกคนพยายามทำ ต้องสร้างอนาคต ในเวลาเดียวกัน โจทย์ที่ยากที่สุดคือเรื่องของคน การขับเคลื่อนองค์กรอยู่ที่คน ตัวกลยุทธ์เราค่อนข้างมั่นใจระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่เราวางไว้จะเกิดขึ้นได้อยู่ที่คนในองค์กรทั้งหมด สิ่งที่เราต้องทำคือต้องคุยกัน มันคือหนึ่งบริษัท ไม่มีคนหนึ่งชนะ คนหนึ่งแพ้ มันคือชนะทั้งหมด แพ้ทั้งหมด

การทำงาน 9 เดือนที่ผ่านมา พอใจกับผลงานมากน้อยแค่ไหนถ้าถามส่วนตัวยังไม่ค่อยแฮปปี้ ไม่ได้ไม่แฮปปี้กับใครคนใดคนหนึ่งนะ หลายคนยังไม่เห็นว่ามันจับต้องได้ ผมตั้งธงว่าปีนี้จะชัดเจน มันต้องใช้เวลา ทั้งออนไลน์หรือต่างๆ มันใช้เวลาในการตกผลึกผู้บริหารไฟแรงกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน