เปิ้ล นาคร ควง จูน กษมา เผยเหตุพลิกวิกฤตเป็นโอกาส รับพนักงานเพิ่มในช่วงโควิด

เรียกว่าตอนนี้ธุรกิจของ เปิ้ล นาคร สวนกระแสโควิดจริงๆ ก่อนหน้านี้เจ้าตัวเพิ่งประกาศรับสมัครพนักงานเพิ่ม ทั้งที่บริษัทอื่นๆ ร้านอื่นๆ ต้องปิดตัวลง เพราะทนพิษเศรษฐกิจไม่ไหว ล่าสุด เปิ้ล ควงภรรยาคนสวย จูน กษมา มาเปิดใจผ่านรายการคุยแซ่บSHOW ทางช่อง ONE31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และเป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกร
กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน
อยู่บ้านช่วงโควิด-19 ทำอะไรกันบ้าง?
เปิ้ล : เยอะมาก เด็กพวกนี้เขาตื่นนอนตั้งแต่ 6 โมงเช้า บางคน 7 โมง มีพี่ออคนเดียวตื่น 10 โมง คือปกตินอนทุ่มนึง แต่นี่นอนเที่ยงคืน กิจกรรมในบ้านเราเยอะมาก ก่อนหน้านี้เชื่อไหมว่าวัฒนธรรมครอบครัวของเราเนี่ย เป็นวัฒนธรรมที่ไม่ปกติ เพราะว่าจูนเป็นคนที่บ้างาน ต่างคนต่างทำงาน พอทำงานเสร็จเราต้องไปดูร้านอาหารต่ออีก กว่าจะกลับมาลูกหลับไปแล้ว พอเช้ามาลูกตื่นไปโรงเรียนเรายังไม่ตื่น เชื่อไหมเป็นเวลาหลายปีมากที่วัฒนธรรมในครอบครัวเราเจอหน้ากันอาทิตย์หนึ่งวันเดียว หรือสองวันแบบเต็มๆ
ล่าสุดพี่เปิ้ลเอารูปแจ็ค แฟนฉัน ไปเทียบกับใครในบ้าน?
เปิ้ล : ออเกรซ ทีแรกพี่เปิ้ลไม่ได้อะไร ทีนี้มีแฟนคลับเขาเอารูปออเกรซกับแจ็ค แฟนฉัน มาประกบแล้วก็ส่งมาโพสต์ เขาบอกว่าต้องเป็นพ่อลูกกันแน่ๆ เท่านั้นแหละ เราพุ่งปรี๊ดขึ้นมาเลยว่าไอแจ็ค มึงมาบ้านกูตอนไหน แบบโมโหมาก
พี่ไม่หันมาโมโหเมียตัวเองบ้างหรอ?
เปิ้ล : อันนี้โกรธไม่ลง เราเริ่มเข้าใจรสนิยมของภรรยา คือเข้าใจเปล่า ทำไมต้องกับแจ็คด้วย ไอพวกแกร็ป หรือฟู้ดแพนด้าหน้าตาดีๆ ก็เยอะ
จูน : ก็เล่นแหละค่ะ จริงๆ กับแจ็คก็เพิ่งถ่ายงานก็ยังคุยกันตลอด ก็สนุกๆ ขำๆ

อยู่ด้วยกันบ่อยๆ ทะเลาะกันเรื่องอะไรมากที่สุด?
เปิ้ล : ณ ตอนนี้จะเป็นเรื่องที่จูนบ่นกับลูก ปกติเราไปทำงานจะไม่ค่อยเห็นจูนบ่น พออยู่บ้านด้วยกันทุกวัน เอาแล้ว ทำไมทำน้ำหก ทำไมทะเลาะกัน เสียงดังอีกแล้ว บ่นอย่างนี้ทุกวันๆ
คยบ่นลูกแล้วเลยมาถึงเราไหม?
เปิ้ล : โคตรทุกวัน เราก็บอกจูนมันเป็นชีวิตของลูก บางทีเราต้องปล่อยให้เขาซน
จูน : คือ 24 ชม.มันไม่ได้ไง คือเขาจะเป็นคนใจเย็นแล้วนิ่ง คือลูกจะตีกันคือนั่งมองให้ลูกตีกัน ลูกตีกันก็เอามือถือมาอัดคลิป พี่นึกออกไหมจะเอายอดไลก์ตลอดไม่ได้ไง เราปวดประสาทไง ไหนจะอยู่บ้าน ไหนจะงานข้างนอก เราก็ต้องแผดเสียงออกไปบ้าง
เปิ้ล : มันเป็นเพราะชีวิตพี่เปิ้ลอิสระมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่อายุ 14 ปี ไม่เคยมีพ่อแม่มาด่าห้าม จนกระทั่งเราโต พี่เปิ้ลจะเป็นคนที่ไม่มีใครมาห้ามอะไรเลยในชีวิต คือจูนเขาก็อย่านั่น อย่านี่ อย่านู้น คือแบบเยอะมาก พี่เปิ้ลก็เลยรู้สึกว่าตอนเด็กๆ จูนถูกห้ามอย่างนี้มาทั้งชีวิตหรือเปล่า จูนใครเลี้ยงจูนตอนเด็ก

วันนี้เป็นวันที่ดีที่ร้านคุณเปิดที่บางนา?
เปิ้ล : ใน 2 อาทิตย์นี้เราเปิดไปแล้ว 2 สาขา
ในสถานการณ์แบบนี้คนได้รับผลกระทบ ส่วนใหญ่ธุรกิจปิดตัว แต่ของพี่เปิ้ลถึงกับต้องรับพนักงานเพิ่ม?
เปิ้ล : ใช่ เรามีธุรกิจอีกธุรกิจหนึ่งคือธุรกิจแรกเป็นหลักของเราคือมาดามกัสก้า บริษัทของจูนที่ทำเกี่ยวกับบิ้วตี้ อีกธุรกิจหนึ่งคือร้านอาหาร ซึ่งธุรกิจนี้พี่คิดจะทำเล่นๆ เอาไว้เทคแคร์ดูแลเพื่อน ก็ไปเรื่อยๆ ไม่ได้คิดอะไร แต่พอเกิดวิกฤตนี้ขึ้นมาปั๊บยอดขายแบบทุกคนเป็นหมด จนเราคิดว่าจะปิดร้านอาหาร แต่พอเราประกาศว่าจะปิดปุ๊บพนักงานร้องไห้ เรากลับไปนอนคิดว่าทำไมเราปิดหนี ในขณะที่คนอื่นไม่ถนัดเรื่องธุรกิจเลย พอตกงานต้องมาทำอาหารที่เขาไม่ถนัด แต่เรานี่โคตรถนัดเลย กลับไปคิดอีกที ไม่ปิดแล้ว ทำเมนูอาหารใหม่ เปิดขายเดลิเวอร์ลี่ ปรากฎว่าหน้ามือเป็นหลังมือเลย ยอดขายถล่มทลาย ยอดขายดีกว่าเดิม พอเรามาคำนวณเหตุการณ์ในอีก 1-2 ปี ข้างหน้า พฤติกรรมของคนมันเปลี่ยนแปลงแน่นอน พอมันเกิดเดลิเวอร์ลี่ปัญหาของลูกค้าเราคือค่ารถ ซื้ออาหาร 500 แต่ค่ารถ 600 เราก็เลยจะแก้ไขปัญหานี้ได้ยังไง ง่ายนิดเดียว คุยกับจูน พี่จะเปิดเพิ่ม 10 สาขาเลย ไปอยู่ใกล้ๆ คุณแล้วกัน วันพฤหัสบดีนี้จะเปิดสาขาที่3

ซึ่งตอนนี้สวนกระแสมาก คนอื่นปลดพนักงาน แต่ของพี่รับพนักงานเพิ่ม?
เปิ้ล : ใช่ถ้าโปรเจ็กต์นี้สำเร็จคนจะมีงานทำอีกเกือบร้อยคน พนักงานของเราเองมีอยู่แล้วสามารถให้เงินเดือนเขาเต็ม จากการพลิกวิกฤตตรงนี้ คือตัวพี่เปิ้ลเองจะมาทำให้เห็นถึงเวลาแล้วต้องมาโกยเพื่อให้รวยมันไม่ใช่ มันอยากให้ทุกคนเห็นว่าทุกคนมีมือ มีเท้า ลองเปลี่ยนวิธีคิดดู แล้วหาทางเอาตัวรอดกัน

ทีมงานบอกว่าพี่แอบทำหนังอยู่ ซึ่ง 7 พฤษภาคม ที่ผ่านมาต้องเป็นวันโชว์หนังแล้ว แต่เกิดอะไรขึ้นพี่?
เปิ้ล : คือธุรกิจหนังก็เป็นอีกธุรกิจหนึ่งของบริษัทอีกบริษัทหนึ่ง อุตส่าห์ปิดเงียบ กะว่าเมษายน-พฤษภาคม เซอร์ไพรส์เลย ถ่ายไว้เรียบร้อยแล้วกะว่าเตรียมแผนการตลาด ปรากฏว่าโควิดมา แล้วลงไปหลายสิบล้าน จะฉายอาทิตย์ที่แล้ว แล้วกะว่าไม่บอกใคร คือมันถ่ายไว้ 70 เปอร์เซ็นต์แล้ว ทีนี้ปัญหาคือโรงหนังจะเข้าได้เมื่อไหร่

หลายสิบนี่เครียดไหม?
จูน :เครียดสิ เงินหนู
เปิ้ล : เงินของบริษัท
จูน :อยากทำหนัง เรื่องนี้เชื่อพี่ แต่ละคนที่พี่เอามาเชื่อพี่

เราจะได้ดูไหม?
เปิ้ล :บอกไม่ได้ บอกไปก็อายเขา ถามว่าจะได้ดูเมื่อไหร่ ไม่รู้เมื่อไหร่ที่จะหาวัคซีนมาได้
จูน : ก็โรงหนังเปิด จังหวะได้ก็ได้

ขอบคุณภาพจาก IG : ple_nakorn

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน