รัก10ปีของก้อย-ตูน

คือพลังงานความสุข

คอลัมน์ อาทิตย์ใส

รัก10ปีของก้อย – ห่างงานแสดงละครไปเกือบ 2 ปี พอ กลับมาอีกที นักแสดงสาว ‘ก้อย’ รัชวิน วงศ์วิริยะ ก็ฉีกตัวเอง มารับบท ‘ญาดา’ คุณหนูเอาแต่ใจ มีความร้ายนิดๆ ในละคร “อกเกือบหัก แอบรักคุณสามี” ทางช่อง3 ของผู้จัด ‘แอน ทองประสม’ เรียกว่าทำเอาแฟนๆ อิน แอบหมั่นไส้เล็กๆ แต่ก็ยังไม่วายเทใจสงสาร

ตอนที่ได้รับการติดต่อจากแอนว่าจะได้มาเล่นเรื่องนี้ รู้ไหมว่าบทญาดาจะหนักหนาแบบนี้?

ก้อย – “ไม่รู้อะไรเลย คุณแอน ทองประสมโทร.มาแล้วบอกว่า…ก้อยพี่ว่าบทนี้เหมาะกับก้อย เป็นบทคุณหนูสวยแซ่บไฮโซ แต่งตัวสวยฉลาดมีความคิด แล้วก็เป็นกิ๊กกับพระเอก (หมาก ปริญ) แล้วแซ่บ เท่าที่รู้คือเท่านี้ได้ยินแล้วก็รู้สึกว่าน่าสนใจดี แต่ยังไม่รู้รายละเอียดลึกๆ ตัวละครคือยังไง เพราะอ่านบทไปเอ้า! ที่เป็นกิ๊กเนี่ยเพราะตัวเองมีสามีแล้วนี่นา (หัวเราะ) แถมสามีก็โหดมาก

ถ้าใครที่ดูเธียรกับเมยแล้วรู้สึกน่ารักกุ๊กกิ๊กจัง พอตัดภาพมาที่ญาดากับพลเดช (ณัฏฐ์ เทพหัสดินฯ) คือแบบทำไมรุนแรงกันขนาดนี้ ตอนแรกตกใจเหมือนกัน เล่นๆ ไปก็แบบ…พี่แอนคะ ไม่เห็นบอกหนูเลยว่าจะมีแบบนี้ด้วย แซวนางไป แต่ก็รู้สึกว่ามันเป็นบทที่ท้าทายบทหนึ่งค่ะ”

ปรับจูนอยู่นานไหมกว่าจะเข้าถึงตัวละคร?

ก้อย – “สิ่งที่ยากสำหรับก้อยคือเพราะญาดาเป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว แล้วต้องมาเจอความสัมพันธ์ที่ไม่แฮปปี้ จนนอกใจสามีตัวเองไปรักคนอื่น มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนอื่น ตรงนี้เป็นอะไรที่เราต้องทำความเข้าใจตัวละคร ความที่ค่อนข้างไกลกับตัวเรามาก ไหนจะมาเจอพ่อตัวเองที่บังคับให้ลูกแต่งงานเพื่อผลประโยชน์อีก

ทำให้รู้สึกว่าญาดาไม่ได้รับความรักจากใครที่แท้จริงเลย เขาค่อนข้างน่าสงสารมากและโหยหาความรักทั้งกับพ่อและผู้ชายที่เขารัก ตอนที่เล่นก้อยไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองร้าย แต่สงสารตัวเองและรู้สึกว่าฉันจะต้องทำในสิ่งที่ฉันเชื่อว่าถูกต้องแล้วสำหรับฉัน เรียกว่าจูนค่อนข้างเยอะ และพี่แอนก็ช่วยเยอะค่ะ”

ตั้งแต่เล่นละครมาเรื่องนี้ถือว่าหนักสุดเลยไหม?

ก้อย – “ใช่ค่ะ อันนี้เรียกว่าร้ายที่สุดแล้ว น่าจะเป็นบทบาทที่ค่อนข้างเข้มข้น ส่วนใหญ่บทที่เคยเล่นจะเป็นบทที่ทุกคนเคยเห็น แล้วก้อยเคยบอกกับตัวเองว่าในชีวิตนี้อยากจะลองเล่นอะไรแตกต่างจากที่ผ่านมา ไม่จำเป็นว่าต้องเล่นเป็นนางเอกหรือบทนำอย่างเดียว จะเป็นตัวอะไรก็ได้ถ้าตัวละครตัวนั้นเป็นบทที่น่าสนใจและท้าทายการแสดงของเรา เพื่อให้เราได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเอง ซึ่งบทญาดานี้เป็นบทหนึ่งที่ท้าทายก้อยค่ะ”

พอได้รับฟีดแบ็กและเรตติ้งที่ค่อนข้างดี ทำให้หายเหนื่อยเลยไหม?

ก้อย – “เรียกว่าเป็นสิ่งที่เป็นกำลังใจที่สุดแล้วสำหรับนักแสดง ไม่ว่าจะเป็นคำติคำชม การที่มี ฟีดแบ็กจากคนดูกลับมาเราก็น้อมรับและกับตัวก้อยเองที่พลิกบทบาทมาเป็นแบบนี้ แล้วคนดูอินจนหมั่นไส้ แสดงว่าเขาเชื่อในการแสดงของเรา อันนี้ก็ถือว่าเป็นของขวัญแล้วค่ะ”

หลังละครเรื่องนี้แล้ว จะทิ้งช่วงไปอีกพักใหญ่เลยไหม?

ก้อย – “คิดว่าน่าจะอย่างนั้นค่ะ น่าจะมีเบรกเพราะว่า…นั่นแหละ ต้องเตรียมตัวเรื่องงานแต่ง (หัวเราะ)”

ช่วงนี้ที่ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยด้วยต้องเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 ปรับตัวเองยังไงบ้าง?

ก้อย – “ในช่วงวิกฤตแบบนี้ก้อยก็ยังทำงานปกติ ก้อยเริ่มทำผลิตภัณฑ์ของตัวเองก็เหมือนเราเริ่มทำงานในช่องทางออนไลน์เยอะ พอช่วงนี้ที่เกิดเหตุการณ์นี้แทบทุกธุรกิจต้องอยู่ใน โซเชี่ยล โชคดีที่เรามาทางนี้สักระยะหนึ่งแล้วเลยพอเข้าใจและพยายามปรับตัวได้ก่อนหน้าที่ยังไม่มีโควิด-19 ก้อยก็ทำงานออนไลน์อยู่ดี

แล้วด้วยผลิตภัณฑ์ของก้อย ATiRA (อาธีร่า) เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสุขภาพ เลยเป็นจังหวะที่ได้สื่อสารกับผู้บริโภคว่าเรามีผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่องการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้คนสุขภาพแข็งแรง พอเราปรับตัวในเรื่องการสื่อสารก็ทำให้คนสนใจมากขึ้น เรียกว่าเราต้องทำงานให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ถ้าเชิงในงานวงการบันเทิง คือชะงัก เลื่อน หรือหยุดไปหมด”

“ก้อยว่าทุกอาชีพทุกวงการได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หมด แต่เหตุการณ์นี้เป็นเหมือนเตือนสติให้เราใช้ชีวิตระมัดระวังมากขึ้น ในเรื่องสุขภาพก็หันมาดูแลใส่ใจตัวเอง เริ่มดูแลตัวเองและคนใกล้ชิด การใช้ชีวิตต้องไม่ประมาท เพราะไม่รู้ว่าในอนาคตเหตุการณ์แบบนี้จะกลับมาอีกเมื่อไหร่

แต่สิ่งหนึ่งพอมีวิกฤตเกิดขึ้นในบ้านเราทุกๆ ครั้ง ก็จะเห็นน้ำใจคนไทยที่ออกมาช่วยเหลือกัน แล้วครั้งนี้เห็นชัดมากว่าคุณหมอ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ เป็นส่วนสำคัญมากๆ แล้วก็เป็นบุคคลที่เสียสละมากๆ ที่ต้องเสี่ยงเพื่อพวกเราทุกคน ก้อยเชื่อว่าพอเราผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ คนไทยจะมองเห็นความสำคัญในเรื่องการดูแลสุขภาพมากขึ้นค่ะ”

แล้วกับงานแต่งล่ะ ได้รับผลกระทบบ้างไหม?

ก้อย – “แพลนมันถูกเลื่อนไปค่ะ อย่างที่เคยบอกว่าเราไม่ได้บอกทุกคนว่าจริงๆ แล้วฤกษ์เมื่อไหร่อย่างไร เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าตอนนี้สถานการณ์ยังไม่แน่นอน อะไรที่เคยวางกันไว้ในตอนแรกก็อาจต้องมีการขยับออกไป ถ้าสถานการณ์คลี่คลายไปทางที่ดีขึ้นก็คาดว่าน่าจะปลายปีนี้ เพราะเราก็อยากให้ทุกคนที่มางานแฮปปี้สบายใจ ไม่ต้องกังวลอะไร ทุกคนรู้สึกปลอดภัยที่จะออกมาข้างนอก มาแสดงความยินดีกันค่ะ คือมันควรจะเป็นเวลาที่มีความสุข ไม่อยากให้มางานแล้วต้องระแวดระวังอะไรอยู่”

เรื่องของสถานที่เตรียมไว้หรือยัง?

ก้อย – “มีเตรียมไว้แล้วค่ะ เราก็เตรียมในส่วนที่เตรียมไปได้ก่อน แล้วรอดูสถานการณ์ไปด้วย จากตอนแรกที่วางไว้ค่อนข้างกระชั้นชิด แต่ตอนนี้พอเขยิบไปแล้วก็มีเวลาเยอะขึ้น เหลือเฟือเลยแหละ ที่จะมีเวลาให้เราสองคนได้เตรียมตัว”

แพลนเขยิบออกไปแบบนี้ไม่ใช่ปัญหาใช่ไหม?

ก้อย – “สำหรับก้อยไม่ใช่ปัญหาเลยค่ะ ไม่เป็นไรเลย ตอนนี้เราข้ามสเต็ปไปในเรื่องการวางแผนครอบครัวหรือการใช้ชีวิตในอนาคตแล้ว พิธีแต่งงานก็เป็นเหมือนประเพณีหนึ่งที่ทำขึ้นเพื่อเป็นการให้เกียรติทั้งสองครอบครัว แต่เราสองคนก็คืออยากจะเริ่มต้นที่เป็นสเต็ปต่อไปของชีวิต จากนี้มันจะไม่ใช่แค่เราสองคนแล้ว เหมือนเรากลายมาเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ ซึ่งก็จะแตกต่างจากตอนที่เป็นแฟนกัน”

แต่ก็แอบเห็นว่ามีการเตรียมตัวเป็นแม่บ้านแม่เรือนแล้วด้วยการทำอาหารให้พี่ตูนทาน?

ก้อย – “เขาก็รออ่ะเนอะ (หัวเราะ) จริงๆ ก้อยเป็นคนชอบทำอาหาร ทำได้ แต่อาจจะไม่ได้เก่ง คือพอทำได้ ใช้ช่วงเวลานี้แหละที่ไม่ได้ต้องไปทำอะไร เขาอยากทานอะไรก็ลองถามเขาดู หรือเมนูไหนอยากทำให้ทาน ก็ทำเลยไม่ได้บอกก่อน”

จากสเต็ปที่เคยเป็นแฟนกัน กำลังจะก้าวเข้าสู่สเต็ปการเป็นชีวิตครอบครัว ส่วนตัวมีแอบตื่นเต้นไหม?

ก้อย – “เอิ่ม…ไม่ได้ตื่นเต้นแบบที่ว่าเดี๋ยวเราจะต้องมาใช้ชีวิตกับคนคนหนึ่งตลอด 24 ชั่วโมงเลยนะ แต่เป็นฟีลที่รู้สึกว่าเป็นอีกหนึ่งแช็ปเตอร์ของชีวิตมากกว่า เหมือนชีวิตคู่มันเพิ่งเริ่มต้น แล้วเราก็รู้สึกแบบพอเวลาเราคุยเรื่องอนาคตกัน จะวางแผนชีวิตยังไง จะมีลูกกี่คน บั้นปลายพี่ตูน อยากอยู่ที่ไหนอยากทำอะไร

คือมันเป็นเรื่องของการที่ได้คุยกันในสิ่งที่แบบได้วางแผนร่วมกันแล้วมันรู้สึกได้เติมเต็มในส่วนที่เราอาจจะไม่เคยได้พูดต่อกัน อย่างก่อนหน้านั้นเราอาจจะไม่ได้มีการได้พูดถึงพาร์ตเรื่องอนาคตเท่าไหร่ใช่มั้ยคะ แต่พอตอนนี้เราตัดสินใจแล้วว่าเราจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันนะ หลังจากนี้ไปคือเวลาจะทำอะไรเราก็จะมานั่งคุยวางแผนกัน ซึ่งตรงนั้นทำให้หัวใจพองโต (หัวเราะ) มันมีความสุขที่เราได้คิดได้ฝันร่วมกันแล้วมันดีอ่ะค่ะ”

คิดไว้ไหมว่าอยากมีลูกกี่คน?

ก้อย – “เอ่อ…ต้องถามพี่ตูนเลยค่ะ ส่วนใหญ่คนที่เป็นคนคิดวางแผน คนที่ฝัน คนที่เหมือนว่าถ้าอยากมีอย่างนั้นอย่างนี้คือจะเป็นพี่ตูนนะคะ ไม่ใช่ก้อย (หัวเราะ) ด้วยความที่ก้อยเป็นคนที่ไม่ได้คิดภาพตั้งแต่ต้น พอวันหนึ่งโอเคถึงเวลาแล้ว กลายเป็นว่าพอได้นั่งคุยกันพี่ตูนเขามีความคิดที่ก้อยเองก็ไม่เคยรู้มาก่อน ซึ่งมันก็เซอร์ไพรส์ดีค่ะ”

ความรักของก้อยกับพี่ตูนแทบจะกลายเป็นวาระแห่งชาติไปแล้ว ทุกคนลุ้นตื่นเต้น และมีความสุขไปด้วยรู้สึกยังไง?

ก้อย – “ก้อยรู้สึกขอบคุณทุกคน ทุกคนคงเห็นก้อยกับพี่ตูนเป็นคนในครอบครัว เป็นคนที่เขารู้สึกผูกพัน เพราะเขาอาจจะเห็นเรื่องราวของเราทั้งคู่มาตลอด 10 ปี เห็นช่วงเวลาที่เราได้ผจญภัยหรือเดินเคียงข้างกันมา เดินบ้างวิ่งบ้างอะไรก็ตาม แล้วพอถึงวันนึง 10 ปีเป็นระยะเวลาที่ยาวนานเพียงพอจะทำให้คนรู้สึกว่าการได้เห็นคนสองคนที่เขาเห็นมาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ มันก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี ซึ่งอันนี้ก้อยรู้สึกขอบคุณจากใจเลย เพราะไม่คิดว่าเรื่องความรักเล็กๆ ของเราจะทำให้คนรู้สึกมีความสุขและยิ้มตามไปด้วยค่ะ”

อะไรที่ทำให้มั่นใจในตัวผู้ชายคนนี้ว่าเขาจะดูแลเราไปตลอดชีวิต?

ก้อย – “ขอตอบสั้นๆ เลยค่ะ เขาเป็นคนดี คำว่าคนดีมันครอบคลุมทุกอย่างเลยค่ะ ความดีของเขาไม่ได้ดีแค่กับเรา เขาดีกับทุกคนรอบข้างเขา ครอบครัวเขา เพื่อนร่วมงานเขา และกับคนที่เขารู้จัก แล้วสิ่งที่เขาปฏิบัติกับก้อยมาตลอด 10 ปีไม่เคยลดน้อยลงเลย

วันแรกเป็นยังไงเขาก็ยังเป็นแบบนั้น ความสม่ำเสมอที่เขามีมันยิ่งมากขึ้นๆ ในทุกๆ วัน นั่นแหละเป็นสิ่งที่ทำให้เราเชื่อมั่นว่าถึงตอนเราอายุ 60 70 เราก็จะยังเดินจับมือกันอยู่แบบนี้ เราก็จะยังบอกรักกันได้แบบนี้ คือเขาทำให้ก้อยรู้สึกแบบนั้น จะไม่มีวันแบบลดน้อยลง สำหรับก้อย 10 ปีที่ผ่านมามันดูยาวนาน แต่ว่าเราทั้งคู่รู้สึกว่ามันเร็วมากอ่ะ”

สำหรับก้อยแล้ว พี่ตูนเป็นอะไรในชีวิต?

ก้อย – “พี่ตูนคือพลังงาน คือความสุขของก้อยค่ะ คือสิ่งที่ทำให้เราตื่นมาแล้วมีรอยยิ้มได้ทุกวัน ในวันที่เราเหนื่อยก็มีเขาจับมืออยู่ข้างๆ วันที่เรามีความสุขวันที่เรายิ้มเขาก็ยิ้มไปกับเรา มันคือคนที่พร้อมจะร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน จับมือกันไปค่ะ”

นิยามความรักสำหรับก้อยคืออะไร?

ก้อย – “ความรักคือพลังงานที่ทำให้โลกนี้มันหมุนไปได้ ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นได้ด้วยความรัก ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะมีความรักเป็นองค์ประกอบในชีวิตเสมอ ก้อยรู้สึกว่ามันเป็นมวลพลังงานที่ทำให้มนุษย์ยังมีลมหายใจและใช้ชีวิตได้ในทุกๆ วัน สำหรับก้อยความรักเหมือนแบตเตอรี่รถยนต์ที่เวลาเราแบตฯ หมดแล้วคอยชาร์จพลังให้เรา คือความรักอาจจะไม่ได้หมายถึงแค่ความสัมพันธ์ของชายหญิง แต่อาจจะเป็นแบบความรักในสิ่งที่เราทำ ความรักในโลกใบนี้ รักทุกสิ่งทุกอย่าง มันเป็นองค์ประกอบที่ทำให้โลกใบนี้สวยงาม”

จิรณัฏฐ์ จงประสพมงคล

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน