พีเค อาลัยเพื่อนรัก ยก แชมป์ เป็นอัจฉริยะทางดนตรี

ด้าน พีเค ปิยะวัฒน์ เดินทางมาที่ วัดพระมหาไถ่ ซอยร่วมฤดี แขวงเพลินจิต เขตปทุมวันกรุงเทพมหานคร เพื่อร่วมพิธีสวดภาวนาอุทิศแด่ดวงวิญญาณ ให้กับ เพื่อนสนิท แชมป์ ศุภวัฒน์ ที่เสียชีวิต โดยพิธีกรได้เปิดใจถึงการสูญเสียครั้งนี้ว่า

พีเค

พีเค ปิยะวัฒน์

“แชมป์เป็นโรคหัวใจมาหลายปีแล้ว หลายปีก่อนก็ได้ไปทำบอลลูนมาเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นผมก็ซื้อจักรยานให้เขา อยากให้เขากินน้อยลงและออกกำลังกายมากขึ้น เขาทำได้อยู่พักหนึ่ง แล้วพอเขาเจอรักใหม่ ได้งานใหม่ ชีวิตก็วนกลับมาที่เดิมคือทำงาน กิน นอน นอนน้อยด้วยตามเพลงเขาเลย จนตอนหลังน้ำหนักตัวก็เพิ่มขึ้น พอเจอกันทีก็จะบอกว่าออกกำลังกายหน่อยเหอะ เป็นห่วง แชมป์ก็จะบอกว่า…ไม่เป็นไรไม่ต้องห่วงเลยเพื่อน อยู่ดีๆ วันนึงก็ตู้ม! ล้มไปเลย”

ถามว่าที่ผ่านมากังวลในเรื่องสุขภาพของเขามากที่สุดเลยใช่ไหม
ใช่ครับ ต้องบอกว่าผมมีเพื่อนที่ผมรักมากๆ น้อยมาก แชมป์เป็นหนึ่งคนที่ผมห่วงมาก พูดจนเขารำคาญ ผมไม่เจอแชมป์ประมาณเดือนกว่าๆ แต่ส่งข้อความคุยกันบ่อยๆ เพราะว่าเขาหมั้นแล้ว ผมก็ปล่อยเวลาให้เขาไปอยู่กับคนรัก หลังๆ ไม่ค่อยได้เจอกัน รู้สึกเสียดาย น่าจะมีโอกาสได้เจอกันเร็วกว่านี้นิดหนึ่ง ผมมีโอกาสได้คุยกับเขาครั้งสุดท้ายเมื่อสองวันก่อนเขาเสีย เขาเพิ่งเอารถไปเปลี่ยนฟิล์มที่ผมเป็นกรรมการผู้จัดการอยู่ แล้วเขาก็เพิ่งลงโฆษณาให้เอง ตอนแรกคิดว่าอาทิตย์นี้หรือไม่ก็อาทิตย์หน้าจะนัดกินไวน์กินข้าวกัน”

ทราบว่าจะได้เป็นพิธีกรงานแต่งของเขาด้วย
“ขออนุญาตบอกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แชมป์แต่งงาน ครั้งที่แล้วผมก็ไปเป็นพิธีกรให้ เลยบอกว่ายังไงครั้งนี้ผมก็ต้องเป็นพิธีกรอีก แต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้น ผมเป็นเพื่อนรักกับแชมป์มา 16 ปี เจอกันครั้งแรกที่ร้านหนึ่งแถวเอกมัย ตอนนั้นแชมป์ร้องเพลงอยู่ที่นั่น แล้ว คุณท็อป ณัฐเศรษฐ์ หนึ่งในน้องรักของผมพาไปเจอเพราะผมอยากเจอคนที่ร้องเพลง “ที่ฉันรู้” ว่าทำไมร้องเพลงอาร์แอนด์บีได้ดีขนาดนี้ พอพาไปเจอคลิกแรกรู้เลยว่าคนนี้จะกลายเป็นเพื่อนรักเรา
ถามว่าทำไมถึงคลิก หนึ่งคือนิสัยเหมือนกัน สองคือความคิดคล้ายกัน สามคือเป็นคนที่รักใครรักจริงเหมือนกัน ชอบเสียงเพลงเหมือนกัน ชอบกิน ชอบดื่ม เรียกว่าไลฟ์สไตล์จะคล้ายกันมาก เลยเป็นหนึ่งในน้อยคนที่หลุดเข้ามาในชีวิตผมได้ และอยู่ได้นานที่สุด
พอถึงวันนี้ไม่รู้จะพูดยังไงเสียดายมาก แต่ ณ ตอนนี้จะบอกว่าเสียดายก็ไม่ได้ ทุกคนต้องจากไปเหมือนกัน เพียงแต่ว่าใครจะไปเร็วไปช้าเท่านั้นเอง แต่ผมอยากไปก่อนไง เพราะไอ้อ้วนที่นอนอยู่ตอนนี้ไม่ร้องไห้สักแอะ ไม่รู้ว่าคนที่รักเขาเยอะขนาดไหน”

ที่ผ่านมามีสัญญาณอะไรบ้างไหม
“แชมป์จะไม่ค่อยแข็งแรงมาก เข้าโรงพยาบาลบ่อย จะสังเกตเห็นได้ว่าใต้ตาเขาปูดอยู่ แล้วยิ่งหลังๆ มานี้ทำงานเยอะขึ้น ใต้ตายิ่งปวดมากขึ้น เวลาพูดก็หายใจหนัก ผมเห็นอย่างนี้มาตลอด แล้วก็พูดตลอด แต่เขาไม่เชื่อ
ถามว่าเขาบ่นให้ฟังบ้างไหมเรื่องปัญหาสุขภาพ แชมป์เวลาเข้าโรงพยาบาลออกมาแล้วถึงจะรู้ แล้วเขาก็จะหายไปเลย จะมารู้ข่าวว่าเขาเข้าโรงพยาบาล แชมป์บอกเอง หรือไม่ก็จะได้ยินจากคนอื่นมาบอก หรือว่าแฟนเก่าผมโทร.มาบอก เราก็อ้าว! ทำไมไม่บอกกูวะ เป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง”

ถามถึงวินาทีที่ทราบข่าวของแชมป์
“6 โมงเช้าวันอาทิตย์ ข้อความส่งเข้ามาเยอะ ปกติเราจะรู้เลยว่าอะไรที่โทร.เข้ามาตอนเช้ามันไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ ช่วงตี3 ถึง6 โมงเช้าไม่น่าจะใช่เรื่องดี ทุกเช้าเวลาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วมันไม่มีอะไรเราจะดีใจมากเลยว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับคนที่เรารัก 3 ข้อความแรกมาเลย “เสียใจด้วยนะกับเรื่องคุณแชมป” อันต่อไปเป็นรูปแชมป์ขึ้นมา ในใจคิดข่าวผิด สองคือเล่นอะไรกันวะ พอมาดูข้อความที่ 7-8 เชื่อแล้วว่าสงสัยแชมป์ไปจริงๆ แล้วแหละ ตอนนั้นก็อึ้งๆ ไปครึ่งวัน ที่ผ่านมาเขาไม่เคยแสดงอาการอะไร ผมจะมีโอกาสได้เจอเขาในช่วงที่เขาดูดีแล้ว ตอนที่เขาไม่สบายต้องไปถามลูกหมี เพื่อนๆ จะไม่มีใครรู้กันเลยว่าเขาไม่สบาย”

เมื่อกี้ที่เข้าไปได้พูดอะไรกับแชมป์บ้างไหม
“ไม่รู้จะพูดอะไร…”

เวลาคิดถึงแชมป์นึกถึงอะไรบ้าง
“นึกถึงผู้ชายที่นอกจากแต่งเพลงได้ ร้องเพลงได้ เอาเพลงคนอื่นมาร้องให้เป็นสไตล์ตัวเองได้ เขาคือหนึ่งในอัจฉริยะทางดนตรีที่มีเวลาบนโลกนี้น้อยไปเท่านั้นเองครับ แชมป์แต่งเพลงดีๆ ไว้เยอะ เรารักกันมาก สนิทกันมาก แต่ถ้าพูดถึงเรื่องแชมป์กับโบสถ์ กับสิ่งที่เขาทำให้พระเจ้า เพลงต่างๆ ที่เขาแต่งให้พระเจ้าผมจะไม่รู้เลย วันนี้เป็นวันที่ผมจะได้ฟังครั้งแรก”

วันนี้เราต้องกล่าวระลึกถึงเขาในงานด้วย
“ใช่ จริงๆ เรามีมุขเลวๆ เยอะมากเลยนะ แต่กลัวพ่อแม่เขารับไม่ได้ แชมป์มันเป็นคนเลวคนนึงไม่งั้นคงคบกันไม่ได้(หัวเราะ) แชมป์มันเป็นพวกตลกๆ ดาร์กๆ วิปริตๆ หน่อย ซึ่งนั่นมันคือสิ่งที่ผมรักในตัวเขามาก ผมเขียนมาด้วยนะตั้งแต่ตอนเที่ยงจนถึงตอนนี้ก็ลังเลว่าจะเล่นดีมั้ย เพราะไม่อยากให้ทุกคนเศร้า


แชมป์เหมือนผมตรงนี้ครับว่า งานศพขอให้เหมือนงานแต่ง เหมือนงานฉลอง ไม่ต้องร้องไห้มาก ไม่ต้องใส่สีดำ สำหรับผมขอมีดีเจ ปาร์ตี้ มีวงดนตรี ขอแบบนั้นเลย ไม่เอาพระสวด ไม่เอา ผมบอกทุกคนไว้ แชมป์ก็พูดเหมือนกัน เขาพูดว่างานศพต้องเป็นแบบนี้ มีวงดนตรีได้ มี แสงสีเสียงมีได้ มี แล้วผมเข้าไปดูงานแล้ว นี่แหละสิ่งที่เขาต้องการ
แต่ตอนนั้นเป็นการพูดคุยกันเล่นๆ เราจะคุยเรื่องการตายกันบ่อย เพราะมันเป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติของชีวิต เพียงแต่ถ้าตายมึงจะเอายังไงกับศพกู หรือกูจะเอายังไงกับศพมึง แค่นั้นเอง แล้วผมก็ว่าแบบนี้แหละที่เขาขอไว้แล้วว่าทำตามศาสนาเขา วันเสาร์ก็เผา แต่ไม่มีใครคิดหรอกว่าที่พูดเล่นกันมันจะเร็วขนาดนี้ แต่มันคือชีวิต ทำไงได้”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน