หลังจากเกิดประเด็นร้อนบนโลกโซเชียลหลังจากแขกรับเชิญในรายการคลับฟรายเดย์ คือ สาวโฟร์ มาออกในรายการแล้วเกิดอาการพาดพิงคนรักเก่า จนหนุ่มพิชญ์ กาไชย ออกมาทวิตข้อความ พร้อมติดแฮชแท้ก #ต่ำตมไม่หยุด และเพจคลับฟรายเดย์ ออกมาโพสต์แซว จนมีการตั้งกระทู้ในพันทิป พาดพิงไปยังคนอื่นอีกทั้ง อยากให้เชิญพี่ฉอด รวมทั้ง สาวหยาดทิพย์ ราชปาล มาออกรายการ จนมีการขุดคุ้ยและตั้งแฮชแท้ก ป้าซุ่มทุ่มไม่อั้น

 

โดยในรายการคลับฟรายเดย์ วันที่ 15 ก.ค. ทางช่อง GMM25 เป็นครั้งแรกที่ดีเจ.รุ่นเก๋า ‘ฉอด’สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ได้ออกมาพูดถึงกรณี #ป้าซุ่มทุ่มไม่อั้น ซึ่งกระหึ่มโลกโซเชี่ยล ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

โดยพี่ฉอด ได้กล่าวถึงเทปที่สัมภาษณ์ โฟร์ ศุกลรัตน์ ว่าทางรายการได้มีการพูดคุยกับแขกรับเชิญก่อนแล้วว่าสามารถที่จะพูดเรื่องอะไรได้บ้าง ไม่สะดวกใจตรงไหนสามารถเอาออกได้ ซึ่งทางตัวแขกรับเชิญเองก็ไม่ได้ติดใจอะไร ซึ่งตัวรายการเป็นการเอาประสบการณ์เรื่องชีวิตต่างๆ รวมถึงเรื่องราวความรักที่มา มาแชร์ประสบการณ์ให้กับผู้ชม ส่วนในเทปของโฟร์ นั้นเป็นการพูดถึงเรื่องของความเชื่อใจ ซึ่งถ้าคนที่ได้ดูเทปสัมภาษณ์ของโฟร์เต็มๆ จะรู้ว่าโฟร์ไม่ได้ตำติอีกฝ่ายอย่างเดียว เขาพูดในหลายแง่มุม ในมุมของความความรักจะมองว่าของตัวเองถูก ไม่มีถูกผิด แต่ล่ะคนมีเหตุผลของตัวเอง อยู่ที่เจตนาที่จะเรียนรู้
จากนั้นดีเจ.อั๋น ได้ให้ เจ๊ฉอด ได้เคลียร์กระแสดราม่าที่เกิดขึ้น

โดย พี่ฉอด เผยว่า “กับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ๆ ก็รู้สึกว่าเป็นคนผิด ทั้งที่ไม่ได้ทำผิด นั่งสัมภาษณ์อยู่ 3 คน แต่กลายเป็นผิดอยู่คนเดียว จากนั้นก็มีการขุดคุ้ยไปกันไกล ซึ่งฟังเหมือนกับถูกต้อง แต่อยากให้คิดอีกที สำหรับคนที่ตั้งคำถามว่าทำไมพี่ฉอดไม่เอาชีวิตของตัวเองมาสัมภาษณ์ หรือว่าเอาคนที่เกี่ยวข้องมาสัมภาษณ์ เราต้องย้อนกลับไปที่ว่าแขกที่มาออกรายการของเรา มาจากเขาสมัครใจที่จะมาพูดในรายการของเรา แต่สมมุติในแง่มุมของพี่ฉอด โดยส่วนตัวไม่ชอบไม่พูดเรื่องของตัวเอง สังเกตในไอจีไม่ลงส่วนตัวจะลงแต่เรื่องงาน การไม่ได้ชอบพูดเรื่องตัวเองไม่ใช่เรื่องผิด อีกอย่างเป็นคนที่ชีวิตเปิดเผย เพราะมีคนแวดล้อมตัวเองเยอะมาก วันนึงมี 24 ชั่วโมง พี่จะอยู่ที่โล่งแจ้ง 20 ชั่วโมง ทุกคนเห็นว่าไปไหนกับใคร การที่ไปตั้งประเด็นดูเหมือนปกปิด สิ่งที่เป็นประเด็นตอนนี้ไม่เป็นปัญหากับชีวิตพี่เลย เพราะมันเป็นการพูดในกลุ่มโซเชี่ยลกลุ่มนึ่ง พี่ยังใช้ชีวิตปกติ ไม่มีคนเข้ามาถาม เพราะเขาเห็นชีวิตของพี่อยู่แล้ว ประเด็นที่ตั้งดูพี่มีเรื่องผู้ชายเยอะ โน้นนี้ ดูสวยมาก เพราะว่าถ้ามี คนก็คงเห็นกันหมด

 

อีกอย่างกับเหตุการณ์ตรงนี้จะให้ขอโทษใคร พี่ก็คุยกับทีมงานตลอดเวลาที่เกิดกรณีแบบนี้ขึ้นมา เราพร้อมขอโทษและรับผิดชอบ แต่ครั้งนี้เราควรขอโทษใครดี น้องโฟร์สมัครใจพูด ส่วนคนที่ถูกเกี่ยวโยงเขาก็ขอโทษกันเองแล้ว กับคนที่ตั้งประเด็นเขาอยากให้พี่ช่วยอะไร และเรื่องอะไรต่างๆที่ผ่านมาในชีวิตพี่ เรารู้ตัวว่าทำอะไร ควรจะแก้ปัญหาอย่างไร เพื่อให้ทุกคนสบายใจ ทุกคนรู้ชีวิตของพี่หมด เปิดอะไร ไม่ได้ปิดอะไร เลยไม่ได้รู้ว่าผิดอะไร ทวิตเตอร์ปลอมก็รู้ว่ามันปลอม แต่ทุกคนก็สมัครใจที่จะเชื่อ

ส่วนเรื่องที่เพจของรายการ โพสต์ว่าเรื่องนี้น่าจะเอาไปต่อยอดทำละคร เรื่องตนขอโทษแทนน้องที่ทำงานตรงนั้นด้วย ในโซเชียลเราเข้าใจว่ามันอาจจะมีการพูดเล่นกัน วันนั้นเราเห็นก็บอกน้องว่ามันไม่ดี ก็เอาลงเลย คือทุกอย่างตอนนี้ต้องมีสติกันเยอะๆหน่อย เราก็เตือนน้อง อันนั้นเป็นความผิดพลาดที่แก้ไขกันทันที

 

กับประเด็นที่ตั้งคำถามกันว่าแล้วทำไมไม่เชิญดาราคนโน้นคนนี้ที่ประเด็นด้วยมามาสัมภาษณ์ ตอบตามความจริงเลยว่า เชิญไม่ได้ค่ะ ถ้าเป็นดาราที่ติดสังกัด เราไม่สามารถที่จะติด แม้ว่าอยากสัมภาษณ์ เราจะสัมภาษณ์ได้เฉพาะดาราที่กลางๆ หรือไม่มีสังกัด อีกเรื่องที่รับไม่ได้คือบอกว่าไปแย้ง ‘กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์’ มาจาก ‘มาช่า’ (หัวเราะ) ส่วนตัวสนิทกับกฤษณ์มาก เรื่องนี้ได้คุยกับกฤษณ์เหมือนกัน แล้วถ้ายังจำกันได้ว่าตอนที่กฤษณืเขาคบกับมาช่าใหม่ๆ พี่เป็นคนเปิดให้กับคู่เขาเอง แล้วพี่จะไปแย้งเขามาทำไม

“ตอนนี้พี่ตอบได้ทุกคำถาม เพราะทุกครั้งที่ทำอะไรจะกลับมาเช็คตัวเองตลอด แต่ขอให้มาถามกับพี่ วันนี้กับการที่เราคิดการตัดสินใจกันไป มันง่ายเกินไปหรือเปล่า คนที่มาติดแฮชแท็ค เขาไม่รู้จริง ไม่รู้จักเรา ถ้าพี่เป็นคนผิด ก็แล้วไป แต่ถ้าไม่ได้ผิดล่ะมันก่อนส่งผลกระทบอะไร นี้พี่ไม่ได้พูดถึงตัวพี่คนเดียว ซึ่งก็อยากถามเหมือนกันว่าความสนุกสะใจคุณให้อะไรกับคนอื่นบ้าง”

 

“อย่างตัวพี่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคุณแม่ตกใจมาก ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรที่ผิด และไม่เคยทำอะไรที่เสียหายมาทั้งชีวิต แต่ส่งที่เกิดขึ้นมันส่งผลกระทบไปถึงคนรอบตัว วันนึ่งตื่นขึ้นมาก็กลายเป็นคนผิด คุณแม่พี่อายุ 80 กว่า พี่มีหน้าที่ไปทำความเข้าใจกับทุกคน มีหลายคนที่เข้ามาให้กำลังใจ ทั้งที่เขาไม่รู้จักพี่ ตรงนี้มันขึ้นอยู่ที่มุมมองของการเห็น ขอบคุณในความเชื่อมั่น อีกอย่างเวลาที่เราทำอะไร พี่มีคนรอบตัวเยอะ ถ้าทำอะไรผิดคนที่รู้ก่อนก็คือคนรอบตัว พี่อยู่ในสังคมนี้ต้องสบตาทุกคนได้ ขอบคุณที่ได้ออกมาชี้แจง”

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน