ป๊อป อารียา หวิดเป็นโรคซึมเศร้า หลังสูญเสียคุณแม่ โชคดีได้โยคะช่วยชีวิต

เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปจากการได้ตำแหน่งนางสาวไทย ปี 2537 หลังจากนั้นชื่อของ ป๊อป อารียา สิริโสภา ก็ผันตัวมาเป็นนักแสดงและทำงานอีกมากมาย แต่ในระยะหลังๆมานี้ มักจะเห็นภาพของเธอเป็นสาวรักสุขภาพในบทบาทครูสอนโยคะ แต่ใครจะรู้ว่า ป๊อป หวิดตกอยู่ในสภาวะโรคซึมเศร้า ล่าสุดเจ้าตัวได้มาเยือน รายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 พร้อมเปิดใจชีวิตช่วงผ่านอุปสรรคทางจิตใจหลังสูญเสียคุณแม่ไปเมื่อปีที่แล้ว

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

โดย ป๊อป เผยว่า “ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจมาสอนโยคะหรอก มาเล่นโยคะเองเพราะว่าหลังคด เจ็บตัว”

ไปเรียนเพื่อแก้ปัญหาให้ตัวเองก่อน เหมือนกายภาพนิดๆ ?

“ถูกต้องค่ะ เราไม่ได้เป็นคนดีขนาดต้องไปช่วยเหลือคนอื่นก่อน ต้องช่วยเหลือตัวเองก่อนใช่ไหมคะ ต้องรักตัวเองก่อน ป๊อบหลังคด คอคดมาตั้งแต่เด็ก อาจจะเล่นเทนนิสเยอะ เล่นยิมนาสติกเล่นทุกอย่าง มันใช้กล้ามแค่ข้างขวาอย่างเดียว ตีเทนนิสแรงๆ ทำทุกอย่างข้างขวาเยอะมาก มันก็เอียงแล้วก็ไหล่จะไม่ตรงกันซ้ายขวา สะโพกก็ไม่ตรงกัน หลายอย่างก็ไม่ตรงเท่าไหร่ คือนอนเอียงข้างก็จะเจ็บตัว หิ้วกระเป๋าหนักๆก็จะเจ็บมาก แล้วตอนช่วงที่มันเมื่อยหลังมากๆ เราอาจจะต้องหิ้วแบ็คแพ็ค (เป้สะพายหลัง) หรือว่าเป็นกระเป๋าผ้า นักข่าวก็จะบอกว่า โหยนางงามติสต์มากเลยอ่ะ คือไม่ยอมหิ้วยี่ห้อแพงๆ แต่จริงๆคือว่ามันเจ็บหลังค่ะ เจ็บหลังมาก จะเดี้ยงอยู่แล้วล่ะ อีกอย่างตอนเป็นนางสาวไทย ตอนเรารับงาน คือต้องใส่ส้นสูง การใส่ส้นสูงมันจะเจ็บหลังมาก การเป็นผู้หญิงมันเหนื่อยมากนะ มันเหนื่อยกว่าการเป็นทหารอีก มันเหนื่อยกว่าการที่เป็นครูหรือเป็นอย่างอื่นอีก”

เมื่อครั้งได้รับตำแหน่ง นางสาวไทยปี 2537

 

“ทำไปเพราะด้วยความซน ด้วยความที่อยากเรียนรู้ แล้วรู้สึกสนุก การเล่นโยคะเรารู้สึกสนุกมากเพราะว่า เขาเรียกว่าเล่นโยคะ เล่นเพลย์กราวน์ของเราไป บอกตรงๆว่า เราเริ่มด้วยการที่เราเล่นโยคะเพื่อสุขภาพ มันก็ทำให้เรา ภูมิแพ้หาย ตอนเช้าฟืดฟาดหายไปเลย ไข้หวัดหาย ไม่เคยเป็นไข้หวัดตั้งแต่เล่นโยคะมา การหายใจดี ภูมิต้านทานแข็งแรงมาก อยู่กับคนที่เป็นไข้หวัดเต็มบ้านคือดูแลคนอื่นได้แล้วไม่เป็นอะไร แล้วสิ่งที่มันประเสริฐมากคือ เรามีระบบเรื่องการนอน การกิน การถ่าย ของเราเป็นระบบมากขึ้น มันดีขึ้นเพราะว่าตอนเราดูแลแม่มา 6-7 ปี แม่เสียชีวิตไปปีที่แล้ว แต่ใน 6-7 ปีที่เราดูแลแม่ไปเนี่ย คือมันทำให้เราต้องดูแลตัวเองมากขึ้น ก่อนที่เราจะช่วยเหลือคนอื่นได้ ดูแลคนอื่นได้ ก่อนปลายชีวิตเขาเนี่ยเขาจะงอแงมากเลยนะ งอแงหงุดหงิด จะหงุดหงิดมาก เราต้องโคตรใจเย็น เราต้องโคตรที่จะต้องแบบ(สูดลมหายใจ)ลึกๆยาวๆ เอางี้แล้วกัน ผ่านแม่บ้านมา 20 คนภายใน3-4ปี แม่เขาจะมาตราฐานสูงมาก เรื่องความสะอาด เรื่องนี่นั่น เรื่องการกินข้าวกับเนื้อต้องเท่าไหร่ในคำหนึ่ง เขาละเอียดมาก ความละเอียดของแม่เขามาที่ตัวตนของเราเหมือนกัน คือ ต้องดูแลเขาให้เขาสบายตัว”

คุณแม่เป็นแบบนั้นอยู่แล้วหรือว่าเป็นตอนป่วย?

“เป็นอยู่แล้ว แต่เป็นมากขึ้นตอนป่วย”

ตอนนั้นคุณแม่ป่วยเป็นอะไร?

“โรคที่มันคล้ายๆพาร์กินสัน ด้วยอยู่ในโรงงานรถยนต์มา30-40ปี เครื่องกรองน้ำไม่เคยเปลี่ยนเลยสารตะกั่วที่มันสะสมไป เราว่ามันเยอะมาก สมองน้อยของแม่มันฝ่อลง อาการคือใช้มือไม่ได้ ใช้ขาไม่ได้ ยืนไม่ได้ มันสั่นๆ สั่นไปเรื่อยๆ วินิจฉัยที่อเมริกาก็วินิจฉัยผิด บอกว่าน้ำในหูไม่เท่ากันมาหลายปี มาทดสอบที่ประเทศไทยก็บอกว่าไม่ใช่ มาเรียนรู้ด้วยการดูแลผู้อื่นในเป็นการเติบโตที่สูงมากเลย บอกตรงๆว่าถ้าใครรู้จักเราจะรู้ว่าเราเป็นคนรักอิสระสูงมาก ไม่อยากอยู่ใต้อำนาจอะไร ขนาดมีบ้านมีหมายังต้องคิดหนัก โหย ต้องดูแล แต่วิญญาณความเป็นแม่สูงนะ เรารู้ว่าเราใส่ใจเยอะมาก เราก็ร้องไห้ ร้องไห้สุดๆตอนเครียดมากๆ คือเราเห็นแม่กำลังแย่ลง แย่ลง เห็นบางทีเขาตื่นมาตอนกลางคืนแล้วร้องไห้ แล้วมันสู้ไม่ได้อะ ในที่สุดต้องยอมรับสิ่งที่เป็น แต่มันใช้เวลาการเป็นซึมเศร้า การโกรธ การต่อรอง การไปทำบุญไปสวดมนต์ ทำทุกอย่างให้ มันก็ไม่ได้ ในที่สุดตอนที่มันซึมเศร้าสักพักนึง เขาก็ต้องยอมรับ แล้วตอนช่วงยอมรับเป็นสิ่งที่เราก็ต้องถ่ายรูปแม่เยอะๆ ก็บอกแม่ถ้าอยากให้หนูจำแม่ยังไงเนี่ย ถ่ายไว้ เพราะคำพูดแม่บางทีเราเจออะไรมา เห็นดอกมะลิขึ้นมา เห็นกลิ่นหอมก็ร้องไห้ขึ้นมาเลย เพราะว่าเราเป็นผู้ดูแลเขาแต่เราภูมิใจที่ทำได้ และตอนช่วงดูแลเขา ใช้ศาสตร์ของโยคะมาดูแลด้วย เราเล่นโยคะมาให้ตัวเองเสร็จ ให้แม่ด้วย ให้นักเรียนที่มาที่บ้าน คือบอกตรงๆตอนนี้ 7ปีที่ผ่านไป มันเหมือนว่าโยคะ คนที่มาที่บ้านเราเยอะๆ มันเหมือนครอบครัวเราไปแล้ว เพราะเราไม่ได้เติบโตเมืองไทย เราไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่ได้เรียนที่นี่ เพื่อนสมัยอนุบาลหนึ่งสองไม่มี รุ่นเราเป็นรุ่นที่แบบอนุบาลหนึ่งก็เคยเรียนกับหมิว ลลิตากับเจ เจตริน ในตอนนั้นคือ 4 ขวบ ช่วงที่เรานอนกลางวัน เคยทำงานกับเจ ก็บอกเนี่ยเราเคยนอนด้วยกันตอนสี่ขวบ มันเติบโตไปเมืองนอกมา ตอนอยู่อเมริกาเหตุการณ์เหยียดผิวมันเยอะมาก มันมีจริง พูดตรงๆมันมีจริง ก็โดนขูดรถ โดนทำร้าย เราโดนถามประจำเมื่อไหร่จะกลับบ้าน มาอยู่เมืองไทยมาอยู่เฉยๆก็โดนถาม เมื่อไหร่จะกลับอเมริกา ตกลงฉันจะอยู่ที่ไหน แล้วบางทีเราก็เหงา”

เคยรู้สึกเหมือนกับไม่รู้ว่าฉันจะอยู่ตรงไหนหรือว่าตรงไหนคือที่ของฉัน?

“ประจำ มันจะเป็นคนข้างนอกมองไปข้างในตลอดชีวิต ขอบอกจริงๆ มันเป็นมุมมองที่ปัญญามันลึกมากนะ เพราะว่าความที่เราจะมองสังคมจากภายนอกมองไปข้างในเนี่ยมันจะเห็นลึกกว่าคนในสังคม แล้วมันมีอะไรให้เปรียบเทียบ เพราะสังคมอเมริกา สังคมไทยมันไม่เหมือนกัน ฝรั่งก็มีความตรง ความรักษาคำพูด พูดอะไรก็นั่นแหละคือสิ่งที่เราเป็น ความเป็นไทยก็คือแบบว่า เคารพผู้ใหญ่ เซนเซอร์ตัวเองเป็น แม่สั่งว่าห้ามพูดความจริงหมด เก็บบ้าง ไม่ต้องพูดทุกอย่าง มันก็เรียนรู้ไปทั้ง สองวัฒนธรรม อายุตอนนี้ปีนี้เราก็ 48 แล้วนะ น้ำตาจะไหล แล้วไม่กี่วันจะขึ้น 49 แล้ว มัน40กว่า แล้วช่วง 40 กว่าทั้งหมดเนี่ย เป็นช่วงเวลาที่เราดูแลแม่มาตลอด เป็นช่วงของการพีคๆ อายุของคนเนี่ย มัน 40 มันอยากจะบินเต็มที่ อยากจะไปเล่นโยคะทุกที่ จะไปบาหลี จะไปอินเดีย แล้วแม่มามันบังคับให้เรากระชากให้อยู่บ้าน”

เราดูแลแม่24ชั่วโมง ใช้คำนี้ได้ไหม?

“เราอยู่ส่วนใหญ่ ถ้าไม่ใช่มีงานข้างนอกออกไป แต่สิ่งที่เรารู้สึกเศร้ามากใน7ปีที่อยู่ด้วยกัน ปี2018แม่อาการแย่ลงไปเยอะมาก ตาบอดไปแล้ว หายใจยากขึ้นแล้ว ปีนั้นไม่ได้ไปไหนเลย อยู่24ชั่วโมง แล้วช่วง2019 กุมภา ช่วงวาเลนไทน์คือที่ปายเขาชวนให้เราไปสอนโยคะ ทำการกุศล ขอแม่ แม่คะหนูขอไปทำการกุศลนะคะ 2 วันเดี๋ยวกลับมา สัญญากลับมา 2วันเท่านั้น วันที่ 14 ไป วันที่ 15 เดินทางกลับ แม่เสียแล้ว มันรู้สึกผิดที่ว่าเราสัญญาจะเจอหน้ากัน มันรู้สึกผิดที่เราสัญญาจะอยู่ด้วยกัน จะจับมือกัน ความรู้สึกผิดอันนี้มันทำให้เราซึมเศร้านาน ทุกเช้ามันมีคนที่เราต้องกอดหอมทุกวัน มันมีคนที่เราจะหอมแก้มก่อนนอนทุกวัน เรามีคนที่เราจะคุยด้วย เราจะปรึกษาด้วย แล้วทั้งชีวิตเราเนี่ย ขอบอกตรงๆเรารู้ว่าเราไม่ได้เป็นลูกคนโปรดนะ นั่นต้องให้น้องชายเรา แม่จะรักเป็นพิเศษ ไม่เป็นเป็นไรทุกคนต้องมีคนโปรด แล้วเราก็คือตลอดเวลาก็จะแซว บางทีกอดเขา คุยกับเขานานเป็นชั่วโมง น้องชายอยู่ข้างบน น้องชายก็อยู่กับเราที่บ้าน บางทีคุยกันนานๆเสร็จแม่ก็บอกว่า เนี่ยลูก…น้องเป้อยู่ไหน? อยากจะรู้ว่าน้องเป้ไปไหนบ้าง เราก็บอกว่าโอเคค่ะ เดี๋ยวหนูไปหาลูกคนโปรดมาให้นะคะ เราพูดด้วยความประชดเล็กน้อยนะ แม่เขาจะดึงมือ แล้วบอกว่า ลูก..ไม่ใช่แม่ไม่รักลูกนะ จะบอกว่าแม่มั่นใจว่าลูกเนี่ยเอาตัวรอด ลูกเป้เนี่ยแม่ไม่มั่นใจและแม่ต้องเป็นห่วงเขามากกว่าเดิม และด้วยความที่เป็นพี่คนโต รับผิดชอบเยอะ บังคับให้ถูบ้าน ให้ดูแลทุกอย่างมันทำให้เราเติบโตเร็วมาก”

ในวันที่คุณแม่เสีย ผ่านจากอาการซึมเศร้ามาได้ยังไง?

“ตอนช่วงที่ไปสักพักนึง ยังจำได้ว่าเราต้องไปโฆษณา ตอนนั้นน้ำหนักลดไปเยอะมากเลย ลดไป6-7โลเลย แล้วตอนนั้นก็ต้องโฆษณา น้ำตายังร่วง คือพยายามยิ้ม ต้องทำงาน แล้วมันอาทิตย์ที่2เอง แล้วมันแบบทุกคืนทุกวันตื่นมามันช็อคนะ เพราะว่าจะวิ่งไปข้างล่าง จะไปกอดหอมแก้ม ไม่มีให้หอมแก้ม แล้วแม่เป็นหลักของครอบครัว แล้วแม่ไปมันกระจาย ทุกคนก็หายไปหมดเลย พ่อก็มีชีวิตของเขา น้องก็มีชีวิตของเขา เราก็แบบ…ตอนนี้ฉันมีบ้าน 2 หลังทำไงดีเนี่ย มีหมา 1 ตัว มีแม่บ้าน 1 คน แล้วก็เฉาๆ เฉามากเลย แล้วบ้านใหม่ก็ไม่กล้าอยู่เพราะว่าสร้างไว้ให้แม่ แล้วแม่ไปก่อน แต่พลังที่มันมาคือ กลุ่มนักเรียนที่มาหลายคนมาอยู่กับเรา 5-6 ปี มันไม่ใช่เป็นนักเรียนและมันเป็นครอบครัวแล้ว ไปกินข้าวด้วยกัน ไปอยู่ด้วยกัน หรือจัดงานวันเกิด ทำอะไรกัน มีคนมาเช็คตลอดเวลา แล้วมีค่า มันที่สุด คนเรามันต้องการมีค่าเนอะ”

 

ณ ตอนนั้นเราเคยรู้สึกว่าเสี่ยงต่อการเป็นซึมเศร้าไหม จิตตกถึงขั้นหมกหมุ่นกับสิ่งที่เกิดขึ้น จิตมันไม่หลุดออกมา?

“คำถามนี้ดีมาก ถ้าไม่มีโยคะ ถ้าไม่มีสติ สมาธิ เรารู้จิตของเราเองมันมีสิทธิ์มากที่จะไหลไปทางนั้น เพราะเรามันมีโรคคิดมาก คิดมากแล้วก็วน มันคนอ่ะ มันคนไปเรื่อยๆ คิดๆๆแล้วคิดลบ เอาอดีตไปเข้าอนาคต คิดว่าฉันไม่มีใคร ไม่มีใครรักฉัน มันคิดลบไปเรื่อยๆ ถ้าเราแบบ เฮ้ย…การที่แม่ไม่สบายทำให้เราอยู่กับเขามา 7 ปี เรากำไรนะเนี่ย การที่เราเป็นเราเนี่ย เรามีบ้านมีรถ เรามีทุกอย่าง เราลำบากน้อยกว่าคนอื่นที่ไม่มีอะไรเลย เราโคตรโชคดีนะเนี่ย ถ้าเราคิดว่าเมื่อไหร่เราโชคดีนะ บุญมันยิ่งมาค่ะ มันแปลกมาก กลัวๆโลกก็ยิ่งแคบลง แคบลงไป เรารู้สึกโคตรโชคดี ส่วนใหญ่เราจะคิดลบ เมื่อเราคิด เราไม่รู้สึก เราคิดอย่างเดียว คิดๆแล้ววนๆ แล้วแก้ปัญหาไม่ได้ การที่โยคะของเราในตอนที่เราสอนโยคะ จะให้ทุกคนนั่งสมาธิ ท่าสมาธิท่านั่งวิปัสสนาหรือท่านอนเป็นท่าศพเท่านั้นยากที่สุดแล้ว เพราะว่าเมื่อไหร่กายอยู่นิ่ง ใจไปอยู่ที่อื่นแล้ว ออโต้ไพรอตมาแล้ว”

ก็เพราะมีโยคะเป็นเพื่อน เป็นกัลยาณมิตร ก็เลยทำให้ไม่มีกัลยาณมิตรที่เป็นคู่ชีวิตหรือเปล่า ตั้งใจโสดไหม?

“ไม่ตั้งใจเลย ขอพูดไม่ได้ปฏิเสธความรัก อยากมีเหมือนหนังดิสนีย์จะตาย อยากมีเหมือนแบบโรแมนติดคอมเมดี้จะตาย คนที่อยู่แล้วสบายใจ อาจจะสาวๆเด็กจะบอกว่าต้องนั่นต้องนี่ต้องนู่น เดี๋ยวนี้นะอยู่แล้วสบายใจ อยู่แล้วรู้สึกว่า โอ๊ย..ให้กำลังใจ รู้สึกอบอุ่น”

เชื่อหรือเปล่าว่าต้องมีผู้ชายที่ไม่กล้าจีบพี่ป๊อป เพราะเราดูฉลาดเกินไป มีคนเข้ามาจีบไหม?

“ไม่กล้าจีบ มันผิดหรอที่เราดูฉลาด เอาอย่างนี้แล้วกัน มันไม่ใช่อยู่ที่ฝ่ายเขาเลือก มันอยู่ที่ฝ่ายเราเลือกจ้า เราเองต้องฝ่ายที่เลือกนะคะ คนเราจะเต้นแทงโก้ต้อง 2 คนไปพร้อมกัน ใครหลีกใครตาม ถูกต้องไหมมันต้องเป็นอย่างนี้ ไม่มีใครเต้นแทงโก้กับฉัน มันต้องคือ สบายใจ พอใจ เข้าใจ มันไม่ยากเลย”

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน