“เก้า” ท้า “เจนนี่” พูดเรื่องจริง ลั่น ไม่อยากได้ส่วนแบ่ง อยากได้คำขอโทษ
“เก้า” ท้า “เจนนี่” พูดเรื่องจริง / ‘เก้า’ ตอบทุกปมสงสัย ท้า ‘เจนนี่’ หากเรื่องไหนพูดไม่จริงก็ออกมาโต้ ลั่นเอาความจริงมาพูดกัน ตอนนี้ไม่อยากได้แล้วส่วนแบ่ง อยากได้คำขอโทษ-จากกรณี เจนนี่เจ้าของค่ายเพลง ได้หมดถ้าสดชื่น ออกมาชี้แจง
กรณีถูกเพจเฟซบุ๊กเพจหนึ่งโพสต์แฉว่า ไม่แบ่งผลประโยชน์ให้นักร้องชายตามที่ตกลงกันไว้ โดย เจนนี่ ระบุว่า มีการจ่ายเงินไปให้แล้วจำนวน 10,000 บาท ก่อนถ่ายทำเอ็มวี
ต่อมาพ่อของนักร้องชายได้โทรมาทวงถามส่วนแบ่งจากยอดวิวในยูทูบ 70/30 ทั้งที่ไม่ได้ตกลงกันไว้ แต่ตอนเพลงดังใหม่ๆ ได้โอนไปให้อีกจำนวน 20,000 บาท ปรากฏว่าทางนักร้องชายได้โอนเงินคืน เนื่องจากไม่สบายใจ
และ เมื่อวันที่ 29 ก.ค. เก้า เกริกพล เพชรรัตน์ นักร้องหนุ่มวัย 17 ปี ที่ร่วมฟีเจอริ่งเพลง “เลิกคุยทั้งอำเภอเพื่อเธอคนเดียว” ได้ออกมาไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวตอบโต้ ตามที่ได้รายงานข่าวไปแล้วนั้น
ต่อมาวันที่ 30 ก.ค เก้า เกริกพล ได้เปิดใจกับข่าวสดออนไลน์ อีกครั้ง กับทุกประเด็นที่หลายคนสงสัยและให้ความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นประเด็นที่ฝ่ายตนให้ข้อมูลกับเพจตลาดล่างหวังโจมตีอีกฝ่าย ทั้งประเด็นที่พ่อของตนไปขอส่วนแบ่ง 30/70 และประเด็นดังแล้วหยิ่ง ค่าตัวแพง
ถามถึงดราม่าที่เกิดขึ้นเนื่องจากมีเพจ เพจหนึ่งที่ออกมาโพสต์โจมตีอีกฝ่าย แล้วบอกว่าได้ข้อมูลมาจากทางเรา ตรงนี้เรามีอะไรอยากจะชี้แจงกันก่อนไหม?
“ผมอยากจะชี้แจงส่วนทางเพจว่าทั้งตัวผมและครอบครัวผมไม่ได้รู้จักกับทางเพจเป็นการส่วนตัว กระแสตรงนี้ไม่ได้มีขึ้นมาขากที่ครอบครัวหรือว่าผมเค้าว่า เรื่องนี้มันจบไปแล้วแต่ว่ามีทางแฟนคลับทั้งสองฝ่าย มีการว่ากันไปว่ากันมาพูดความจริงบ้างไม่เป็นความจริงบ้างทำให้ เพจนี้โทรไปหาคุณแม่ไปสอบถามว่าเรื่องจริงเป็นยังไง โดยที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยติดต่อกันมาก่อนเลย แล้วโทรมาสอบถามว่ามันจริงหรือเปล่า แม่เลยได้บอกความจริงไปทุกอย่างกับเรื่อง ที่เค้าถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น
คือเราไม่ได้เป็นคนติดต่อไปแต่แรก?
“ใช่ใช่ครับ เพราะว่าเกิดประเด็นมาก่อนแล้วครับแล้วเขาก็เลยมาถาม ซึ่งมีคนถามเยอะมากว่าไปรู้มาจากไหนแล้วก็ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทางเพจเอาแม่ไปลง”
ขอย้อนถามเรื่องของเรากับอีกฝ่ายว่ามันเกิดมาตั้งแต่ตอนไหน?
“ถ้าสังเกต จะเห็นว่าตั้งแต่แรกเลยครับ คือผมหายไปเลย หลังจากนั้นก็ไม่มีชื่อผมเลย มันเกิดจากที่คำพูด คำสัญญาสัญญา”
แล้วตอนนั้นเราพูดสัญญาใจกันยังไงทำไมมันถึงเกิดเป็นเรื่องราวขึ้นมาได้?
“ที่ผมต้องออกมาไลฟ์สดเมื่อวานนั้น เพราะพี่เขาเอาข้อมูลเท็จ เอาข้อมูลที่ไม่จริงไปโพสต์ โดยครอบครัวผมได้รับความเสียหาย ผมไม่พอใจมากที่เอาพ่อผมไปโพสต์ แล้วแฟนคลับของเขามาด่า และด่ายันโคตร ทำให้ผมไม่พอใจมาก จนผมต้องออกมาชี้แจงส่วนตรงนี้ว่ามันไม่จริงตามที่พี่เขาออกมาโพสต์ บางคนด่าเจ็บมาก แล้วไอ้ส่วน 30% ที่้ขาบอกว่าพ่อผมโทรไปขอก็คือพ่อผมไม่ได้ขอ เดี๋ยวผมจะบอกทีละประเด็นกันเลย”
ประเด็นแรกสัญญาใจ ของเราอย่างไรบ้าง?
“สัญญาใจต่างๆ นะครับ เกิดจากพี่เค้าชวนผม ไปฟีเจอริ่งประมาณสองรอบ แต่ว่าผมก็ไม่ได้ไปเพราะว่ายังไม่ได้รู้จักกันขนาดนั้น แต่พอมารอบที่สอง ได้ไปเจอกันที่รายการหนึ่งเลยได้รู้จักกันมากขึ้น ทีนี้พี่เขาเลยชวนผมมาฟีเจอริ่งกับน้องสาวเขา ผมก็มีโอกาสไปร่วมฟิตเจอริ่ง ซึ่งตอนนั้นผมมีกระแสอยู่กับเดอะวอยซ์คิดส์ และรายการซุปเปอร์เท็น ตอนนั้นผมกำลังเก็บประสบการณ์หลายอย่าง แล้วผมก็ได้ฟีเจอริ่งกับน้องสาวเขา แล้วเรากับเขาก็ได้สัญญากันก่อนที่จะทำเพลง”
“เดี๋ยวผมจะขอชี้แจงเงิน 10,000 ก่อนว่าเป็นเงินตอนที่ผมไปอัดเสียงร้อง คือพี่เค้าโทรมาบอกว่าอันนี้คือค่าขนมและค่าน้ำมันรถ และผมก็เข้าใจแบบนั้น ไม่ใช่แค่ตัว ผมก็คิดว่าพี่เค้าเป็นคนจริงนะ ให้มาตั้ง 10,000 โดยที่เรายังทำงานให้พี่เค้ายังไม่เสร็จ”
“แล้วหลังจากนั้นก็ไปเจอกันที่หนึ่งที่จังหวัดพัทลุงโดยที่ผมอยู่ที่นั่นแล้วพี่เค้าออกมาคุยกับแม่ผมว่า พี่จะดูแลน้องทุกอย่างแบ่งค่า YouTube ให้น้อง 30 /70 % โดยที่พี่จะไม่เอาเปรียบน้อง เพราะพี่เคยโดนเอาเปรียบมาก่อนแม่ก็เลยบอกว่า 10,000 น่ะ มันก็เยอะไป พี่เค้าก็บอกว่าไม่เป็นไรแม่ เอาไว้จ่ายค่าบ้านค่ารถเถอะแล้วเดี๋ยวส่วนค่าเอ็มวีต่างๆเดี๋ยวพี่เค้าจะดูแลทั้งหมด อันนี้คือสัญญาใจกัน ”
“แต่พอไปวันที่ถ่ายเอ็มวี เราได้เอาเงิน 10,000 นี้ไปซื้อเสื้อผ้าตามที่พี่เค้าสั่งว่าเอาชุดนี้นะเอามาแบบนี้นะตาม concept เค้าที่ต้องการในการถ่ายเอ็มวี ผมซื้อไปวันนั้น 6000 บาท และค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่พี่เค้าบอกว่าพี่เค้าจะดูแล”
“วันนั้นผมดูแลตัวเองหมดเลย ขาดทุนไป 2000 บาท ตรงนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร เราก็ทำงานเต็มที่ เพราะว่าก่อนหน้านั้นที่สัญญากันว่าเราจะได้ผลประโยชน์ตรงนี้ร่วมกัน เป็นสัญญาใจก็เลยทำเต็มที่ หลังจากนั้นเสร็จพี่เค้าก็ไม่ได้โอนอะไรมานะครับ ”
“หลังจากที่เพลงลงได้หนึ่งวันแรกผลตอบรับดีมากๆ วันที่สองดีขึ้นไปอีกดีขึ้นไปอีกจนถึง 10 ล้านวิว ผมเลยโทรไปหาพี่เขาโหพี่เพลงไปสุดสุดเลยครับเพลงนี้ต้องไป 100ล้านวิวแน่นอน ซึ่งวันนั้นที่ผมได้ยินจากพี่เขา พี่เขาบอกว่า เพลงนี้ไม่ใช่เพลงน้อง เป็นเพลงของน้องสาวเขา ถ้าเกิดน้องอยากได้ส่วนตรงนี้น้องมาเซ็นสัญญากับพี่ และรับไป 70/ 30 ในเพลงหน้าโดยไม่ใช่เพลงนี้”
“ผมก็ตกใจมากตอนนั้น เพราะสิ่งที่พี่พูดมาครั้งก่อนกับตอนนี้มันคนละอย่างกัน แล้วตอนที่เราตกลงกันตอนนั้น พี่ยังไม่คิดจะทำค่ายเพลงหรืออะไรเลย และก่อนหน้านั้นผมก็บอกแล้วว่าผมมาอยู่กับพ่อติ๊กด้วยสัญญาใจเหมือนกัน แล้วก็อยู่กันแบบพ่อลูก”
“จากนั้น ก็คิดว่าไม่เป็นไร ผมเลยขออยากจะทำเพลงนี้เป็นเวอร์ชั่นผู้ชาย ผมก็โทรไปหาพี่เขาว่าผมขอทำเป็นเวอร์ชั่นผู้ชายนะ แต่พี่เค้าบอกว่าไม่ได้ ผมก็ไม่รู้ว่าจะไปแย่งอะไรหรือเปล่า ผมก็เลยคิดว่าไม่เป็นไรในสิ่งที่ผมจะมาทำเป็นเวอร์ชั่นเวอร์ชั่นผู้ชาย เพราะว่ามันเป็นสิทธิ์ของพี่เขาอยู่แล้ว เพราะว่าเป็นเพลงพี่เขา ผมก็เสียใจกับคำพูดตรงนั้น แล้วความสัมพันธ์ก็ลดลง เพราะเสียความรู้สึก”
“แล้วหลังจากนั้นเราก็ไม่ได้ติดต่อกันประจำ พี่เขาก็ไม่ได้พูดถึงส่วนเรื่องตรงนี้เลย เรื่องของสัญญา แล้วก็หายกันไปเลย จนกระทั่งถึง 100 ล้าน วิว พี่เขาก็ยังไม่ได้ติดต่อมานะครับไม่ได้ติดต่อมาเลย พ่อเป็นคนโทรไป โทรไปจริงตามที่พี่เขาบอก แต่โทรไปตรงนี้ไม่ได้ไปขอ 30% โทรไปขอน้ำใจคนเรานะครับ แค่คำขอบคุณสักคำยังไม่มี”
“แล้วสิ่งที่พี่เขาพูดมากับพ่อตอนนั้น เขาบอกว่าที่พ่อพูดมานี้พ่อต้องการเงินใช่ไหม ซึ่งตรงนี้ผมก็อึ้งไปอีก ซึ่งผมไม่รู้นะครับว่าพี่คิดยังไงว่าพ่อไปขอ 30% ตรงนี้ไม่ใช่เรื่องจริงนะครับ แล้วที่บอกว่าพ่อผมคุยไม่ดี ผมอยากทราบว่าพ่อคุยไม่ดีตรงไหน แค่บอดว่าแค่คำขอบคุณสักคำยังไม่มี”
“และหลังจากที่คุยกันเสร็จ พี่เขาก็ขอบคุณมาเลย ขอบคุณ 100ล้านวิวที่น้องได้ร่วมหิตเจอริ่งกับพี่ พี่จะโอนเพิ่มนะ 20,000 บาท ผมอยากทราบว่าถ้าผมไม่ได้โทรไปพี่เค้าจะขอบคุณ จะนึกถึงเราไหม”
“และ 20,000 ตรงนี้เราก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรเลย ถ้าเราต้องการเงินจริงๆวันนั้นเราเอาแล้ว ผมก็ตัดสินใจโอนกลับไป 20,000 บาท โดยที่ไม่เอาซักบาท และขอย้ำย้อนไปตรงที่ 10,000 บาทนั้นไม่ใช่ค่าตัวนะครับต้องขอชี้แจงตรงนี้หน่อย”