เชียร์ ฑิฆัมพร เล่าเส้นทางรัก กว่าจะเป็นแฟน บิ๊ก ธนพนธ์
หลังจากแกรนด์โอเพนนิ่งว่าไม่โสดแถมยังใช่คำว่าแฟนแล้ว เชียร์ ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์ ก็มีโมเมนต์หวานกับ หนุ่มบิ๊ก ธนพนธ์ เบญจรงคกุล ออกมาให้เห็นเป็นระยะๆ ความรักหวานขนาดนี้ รายการ “ต้มยำอมรินทร์” คว้าตัวนางเอกคนสวยมาวัดระดับน้ำตาลในหัวใจกันสักหน่อย
เชียร์ ฑิฆัมพร
หลายคนสับสนภาพของเชียร์ตกลงว่าอันไหนจริงๆแล้วเป็นตัวตนที่แท้จริง คือ เป็นแมนๆ หรือ เป็นแบบนี้
“เป็นแบบนี้ เป็นแมนๆของเชียร์อยู่ปกตินะ คือ หลายคนดูว่าเราหวานขึ้น แต่จริงๆไม่เลยค่ะ ยังห้าวเหมือนเดิม ชอบอะไรเหมือนเดิม การแต่งตัวก็แบบนี้ แต่ไหนแต่ไรเราก็แต่งตัวแบบนี้ ทุกวันนี้เราก็ยังเล่นบาสเหมือนเดิมเลย คือ ถามว่าเป็นผู้หญิงอะไรขนาดนั้นไหม
เชียร์ก็ไม่ได้เป็นผู้หญิงอะไรขนาดนั้นนะคะ เพราะ เชียร์ ก็ไม่ชอบทำเล็บเลย ถ้าผู้หญิงทุกคนเขาจะไม่บ่อยเล็บให้เป็นแบบนี้ แต่เพราะเราเล่นกีฬาด้วยเล่นบาสเลยทำเล็บๆไม่ได้”
เป็นเพราะว่าบทที่เราได้รับตอนแรกๆเลย เป็นสาวห้าวแล้วก็เป็นทอมแบบนี้หรือเปล่า
“จริงๆต้องบอกว่า บทบาทตอนแจ้งเกิดเป็นบทแบบนั้น แต่ถามว่าเป็นบทที่เราเล่นแล้วเราเป็นธรรมชาตินะ เพราะเป็นมุมมองของผู้ใหญ่ที่ให้เราเล่นบทแบบนี้ ตอนยุคที่เราเข้ามาเป็นยุคที่นางเอกเจ้าน้ำตา แต่เรามาในสายที่แตกต่างคนเลยจำได้ แล้วเชียร์คิดว่าคนติดภาพเพราะละครที่เล่นแรกๆ 2-3 เรื่อง คือ แบบห้าวๆเลย”
เปิดใจ
เด็กๆมีแฟนเป็นผู้หญิงไหม
“ไม่มีค่ะ แต่ว่ามีผู้หญิงมาชอบเยอะมาก ทุกวันนี้ ก็ยังมี มีเยอะเลย โตมา ก็ไม่มีแฟนเป็นผู้หญิงค่ะ(หัวเราะ) แต่มีคู่จิ้นเป็นผู้หญิงเป็นตัวเป็นตน”
รู้สึกไหมว่าทำไมมีผู้หญิงมาชอบเรา
“ต้องบอกแบบนี้ค่ะว่า ตลอดชีวิตตั้งแต่เล็กจนโต ทุกอย่างมาหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง หรือ ทอมก็มาชอบ มีทุกแบบเลย คือ บางส่วนเราก็มีมุมหวานบาง บางส่วนก็บอยมาก ตั้งแต่เด็กๆนะคะ”
ต้องถามว่าเห็นเพศไหนแล้วท้องไส้เราปั่นป่วน
“ถ้าให้เราพูดตามตรงไม่มีอะไรที่ทำให้เรารู้สึกเป็นพิเศษอันนี้พูดตรงๆนะคะ แต่ตามช่วงวัยเวลาที่เราเรียนสหฯ ตอนเด็กๆเรามีเป็นคู่ดังมากกับเพื่อนคนหนึ่งเป็นคู่จิ้นในโรงเรียน เป็นผู้ชายนะคะ แต่ตอนมามัธยมเราเรียนหญิงล้วนแล้ว เราเล่นบาสแล้วคนกรี๊ดมากก็จะมีผู้หญิงเข้ามาเยอะมาก เราคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเข้ามาก็จะมีเสน่ห์ในแบบของมัน ถามว่าในบางช่วงเห็นแล้วหวั่นไหวไหม
แรงยุมันมีอยู่แล้ว แต่ถามว่าวันนี้ชอบแบบไหนเห็นอะไรแล้วปั่นป่วนพูดตรงๆเราว่าใครก็ได้นะ ที่อยู่กับเราได้ ไอ้คำว่าใครก็ได้เรารู้สึกว่ามันคือหน้า มันคือสิ่งแวดล้อมที่เรารู้สึกว่าเราตื่นเต้นไปกับมัน แต่ถามว่าใครที่จะมาอยู่กับเราจริงๆอันนี้คือมันต้องดูกันนานมากไม่ได้หมายความว่าคนนี้เราชอบเรากรี๊ด เราถูกใจ ไม่ได้หมายถึงผู้หญิง หรือ ผู้ชายนะคะ ว่าเขาจะมาอยู่กับเราตรงนี้ได้”
ผู้ชายข้างกายตอนนี้ถูกใจไหม
“ต้องถูกใจสิคะ”
ไปเจอกันได้ไงคนนี้
“ไปเรียนธุรกิจด้วยกัน เป็นพวกคอร์สธุรกิจค่ะ ถามว่าถูกใจตั้งแต่แรกไหม ไม่เลย ไม่ได้ชอบเขาเลย แล้วคือเป็นเพื่อนกันมาตลอด แต่จนแบบ เราเป็นคนที่แพ้ความสม่ำเสมอมาก เพราะความสม่ำเสมอมันใช้เวลามาก”
ความสม่ำเสมอของเขาทำให้เราใจอ่อน ยอมรับเขาเป็นแฟนด้วยคำพูดอะไรจากเขา
“มันถึงวันหนึ่งที่พอระยะเวลามันผ่านไปค่อยข้างนานพอสมควร เรารู้จักกันกว่าจะมาใช้สถานะคำว่า แฟน ประมาณ 2 ปีค่ะ”
รักนะ
แล้วเขาแพ้เราตั้งแต่แรกเจอเลยเหรอ แล้วเขารู้สึกหวั่นไหวอะไรกับข่าวของเราไหม
“เขาไม่สนใจเราจากข่าว หรือ จากอะไรเลยค่ะ มันมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เรามีโอกาสได้คุยกันมากขึ้น แบบด้วยคราสเรียน ทุกคนเป็นเพื่อนใหม่กันทั้งหมด แล้วมีช่วงหนึ่งที่เราต้องไปต่างประเทศด้วยกัน แล้วจังหวะบินกลับมาเหตุการณ์จับพลัดจับผูล เหมือนละครจับวางเลยค่ะ จับมาให้นั่งคู่กัน
แล้วจริงๆกลับมาสามคน จริงๆเราจะขอนั่งด้วยกันแต่ที่มันไม่ได้แล้วเหลือแค่เชียร์ นั่งกับเขาแบบนี้ แล้วคนนี้ก็นั่งคนเดียว แล้วเราก็ขอให้เขาสลับตั๋วขอให้เพื่อนเรามานั่ง เขาก็ไม่ยอม มันเลยกลายเป็นเรานั่งคู่เขามาตลอดทางเลย เลยทำให้มีโอกาสได้คุยกัน เขาบอกว่าเขาเริ่มประทับใจเราตั้งแต่ตอนนั้น แต่ตอนนั้นเชียร์ยังไม่ได้คิดอะไรนะคะ”
คบกันมานานแค่ไหนแล้ว
“ประมาณปีค่ะ”
ตอนเขาขอเป็นแฟนเขาขอยังไง
“(หัวเราะ) เขาขอต่อหน้าค่ะ เราพอรู้การกระทำค่ะ ว่าเขาอยากขยับขั้นแล้ว เขาพูดมาคำหนึ่งว่า เมื่อไหร่จะใช้คำว่า “แฟน” กันได้ เราก็ตอบเขาไปว่าอยากใช้ก็ใช้สิ (เขิน)”
เวลาอยู่ด้วยกันเราแมนกว่าเขาไหม
“ไม่ค่ะ บิ๊ก เขามีเหตุผลมาก มีความเป็นผู้ใหญ่ เขาเป็นคนไม่หยุมหยิม แต่เชียร์ เป็นคนที่หยุมหยิมมาก เป็นคนที่ขี้น้อยใจ ขี้งอน แต่ตอนนี้มีเหตุผลขึ้นมากเพราะเราโตขึ้น”
แล้วจะแต่งงานเมื่อไหร่
“(หัวเราะ) ยังค่ะ ดูไปเรื่อยๆ เพราะว่าการแต่งงานคือภาพอนาคตที่มันสำคัญมาก”
แต่เราเคยมองภาพตัวเองเป็นเจ้าสาวใส่ขาวชุดเดินถือดอกไม้มา เราเคยเห็นไหม
“เอาจริงๆเลยไหม ไม่เคยเห็นภาพนั้นกับตัวเองเลย ไม่เคยคาดหวังเป็นคนกลัวเจ็บ เพราะเราเป็นคนที่รักใครเรารักจริงมาก”
แล้วเคยนึกภาพตัวเองอุ้มท้องมองออกไหม
“ไม่เคยคิดว่าอยากจะมีลูกเลยด้วยซ้ำค่ะ เรามองภาพตัวเองไม่ออก เพราะเรามองภาพแค่ทำงานๆอยู่ ทีนี่ การที่เราไปสู่การมีบุตร หรือ เลี้ยงลูกมันอาจจะมีไปมีอีกสเต็ป แต่ตอนนั้นคือเราต้องมีเวลา”
แต่ไม่ได้ถึงกับปิดประตูว่าชีวิตนี้ไม่มีลูกแน่นอน
“จริงๆเคยคิดปิดประตูอย่างนั้นด้วย แต่เราคิดของเราฝ่ายเดียวไง แต่ถ้าเราคิดว่าเราจะเป็นคู่กับใครสักคนเราก็ต้องฟังเขาด้วยคุยกับเขาด้วย”
เป็นแฟนกันนะ
ตอนที่เราเล่น รักล้ำเส้น ตอนนั้นคบกับพี่บิ๊กยัง
“คบแล้วค่ะ ตอนนั้น เราก็บอกเขานะคะ ว่าเราต้องเล่นเป็นคู่จิ้นกับ พี่แอน แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรนะคะ เขาก็ดูด้วยค่ะ “
ตอนที่เขาส่งบทนี้มาเราลังเลไหม
“ไม่ลังเลเลย เพราะว่าตอนที่เราได้บทมาเรารู้ถึงว่า ถ้าเราได้เข้าไปอยู่ในบทของเรื่องนี้คงดป็นอะไรที่เจ๋งมากกับการแสดงของเราเลยไม่ลังเลเลย เรื่องนี้คือ พอเราฟังเรื่องย่อ เราตัดสินใจรับเลยอยากเล่น”
เรารู้สึกยังไงบ้างที่ละครจบแล้วเป็นปีๆแต่กระแสคู่จิ้นยังมี
“นี่คือความน่ารักมาก ต้องขอบคุณมากๆ ที่ไม่ใช่เหมือนที่เป็นคู่จิ้นละครแล้วจบไป คือ ละครมีแค่ 4 ตอน แต่มีการแอนิเวอร์ ซารี่ มีตติ้งแอนด์กรี๊ดกับพี่แอน ตลอดเลย คือไม่ใช่แค่แฟนในประเทศด้วย แฟนต่างชาติก็ให้การสนับสนุนกันตลอด”
เห็นว่าตอนนี้ก็ทำยูทูปเป็นของตัวเองด้วย จะมีการดึงพี่แอนนี่ไปแจมไหม
“ยูทูปของเชียร์ เป็นการทำเกี่ยวกับการ กิน ค่ะ ชวนชิม เป็นคนกินเก่งมากค่ะ คือเราจะไปร้านที่เด็ดๆหรือกระทั่งเมนูที่มันแปลกๆก็ทำเหมือนกัน สามารถติดตามชม เชียร์ ได้ทางยูทูป CHARMING OFFICIAL จะมีคลิปสนุกๆแปลกๆมาให้ได้กรี๊ดกันค่ะ”
