The Dark Tower ดัดแปลงจากนิยายชุด The Dark Tower ของ สตีเฟ่น คิง ที่ตีพิมพ์เผยแพร่ตั้งแต่ต้นยุค 1980

งานเรื่องแรกในชุดนี้ คือ The Dark Tower : The Gunslinger ตีพิมพ์ปี 1982 เป็นเวลา 1 ปีหลัง Cujo และ 1 ปีก่อน Christine

หลังจาก The Dark Tower : The Gunslinger ก็มีภาคต่ออีก ไม่น้อยกว่า 6 ภาค โดยเริ่มจาก The Dark Tower II : The Drawing of the Three จนถึง The Dark Tower VII : The Dark Tower แล้วปิดท้ายด้วย The Dark Tower : The Wind Through the Keyhole

แม้เผยแพร่ในยุคเดียวกันกับ Cujo และ Christine แต่ถ้าใครได้ดูหนังก็จะพบว่าเรื่องราวใน The Dark Tower มีความต่างจาก 2 เรื่องดังกล่าว ราวกับมาจากนิยายของนักเขียนอื่น

ผมสังเกตได้ว่าเรื่องราวในหนัง The Dark Tower เป็นแบบอย่างของการผสมเรื่องหลากแนวหลายตระกูลเข้าด้วยกัน

ตัวละครเอกคนหนึ่งในเรื่องมีพลังจิต และความสามารถในการมองเห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกที่อยู่อีกมิติหนึ่ง ซึ่งเป็นลักษณะหนึ่งของตัวละครในหนังสยองขวัญ

ตัวละครเอกอีกคนเป็นมือปืนในหนังคาวบอย โดยมีการกล่าวถึงด้วยว่าปืนที่เขาใช้มีความเชื่อมโยงกับดาบยุคอัศวิน

ตัวละครขัดแย้งที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับ 2 คนแรก เป็นผู้มีพลังอำนาจแบบพ่อมด และสามารถเดินทางข้ามมิติเวลาและสถานที่ โดยมีความมุ่งร้ายแบบปีศาจ

นอกจากนั้น เขายังเป็นผู้ควบคุมอุปกรณ์ที่ดูไฮเทคแบบที่เห็นในหนังนิยายวิทยาศาสตร์ หรือไซไฟ

ตัวละครรายนี้จึงเป็นทั้งพ่อมด ปีศาจ และผู้ควบคุมการใช้เทคโนโลยี ราวกับผู้กดปุ่มขีปนาวุธนิวเคลียร์

ในด้านของเวลา ยุคสมัย และสถานที่ หนังมี 3 ส่วนผสมกัน คือ ยุคปัจจุบัน ยุคมิดเวิลด์ และยุคคาวบอย (ยุคใช้ปืนลูกโม่ และสถานที่แบบ “ตะวันตก”)

สรุปได้ว่าเป็นการผสมกันของหนังสยองขวัญ หนังไซไฟ หนังคาวบอย และหนังแฟนตาซี

โดยการผสมกันดังกล่าวคือจุดเด่นที่เห็นได้ชัดของหนังเรื่องนี้

ผลสืบเนื่องจากบรรทัดข้างบนก็คือ งานด้านสร้างภาพพิเศษที่เข้ามารองรับเรื่องราวการปรากฏตัวข้ามมิติ และการยิงต่อสู้ระหว่างมือปืนกับปีศาจ ซึ่งน่าจะถูกใจผู้ที่คาดหวังจะได้ดูหนังอันอุดมด้วยซีจีไอ

ในส่วนของการนำเสนอเรื่องแนวไล่ล่าและพาหนี ก็นับว่ามีความเพลิดเพลินพอสมควร ตามลักษณะของหนัง แต่ไม่มีตรงไหนที่น่ากล่าวถึงเป็นพิเศษ

กฤษดา ให้ สองดาวครึ่ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน