อลิส ทอย โต้ คนตำหนิใช้ภาษาอังกฤษไม่ดีพอ หลังผุดรายการ #englishwithalice
อลิส ทอย โต้ คนตำหนิใช้ภาษาอังกฤษไม่ดีพอ / เมื่อช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด และต้องอยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ นักร้อง-นักแสดงสาว อลีสญาฌ์ ทอย หรือ อลิส ทอย เลยคิดหาคอนเทนต์ให้เกิดประโยชน์ ทำรายการ English With Alice ด้วยการชวนเพื่อนในวงการบันเทิงมา Live พร้อมกันกับเธอในอินสตาแกรมด้วยการพูดคุยภาษาอังกฤษ
ร่วมงาน
แต่จู่ๆกลับโดนมาคอมเมนต์ตำหนิเป็นภาษาอังกฤษว่า ในฐานะที่เป็นเจ้าของภาษา ภาษาอังกฤษของเธอนั้นยังไม่ดีพอ อย่าทำเหมือนว่าเชี่ยวชาญด้านภาษา ทำให้ศิลปินสาวออกมาโพสต์ชี้แจงไปเบื้องต้นว่า “วัตถุประสงค์ในการทำรายการ #englishwithalice คือการชวนเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ มาพูดภาษาอังกฤษ เพื่อทำให้น้องๆและผู้ฟังทั้งหลาย มีกำลังใจอยากลุกขึ้นมาหัดพูดภาษาอังกฤษ ไม่ได้มีเจตนาจะออกมาสอนว่าอะไรถูกอะไรผิด ถ้ามีการใช้ภาษาอังกฤษที่ผิดพลาดประการใด ขออภัยทุกคนด้วยนะคะ” พร้อมกับตอบกลับคอมเมนต์ดังกล่าวด้วยภาษาอังกฤษว่า “เธอไม่เคยพูดว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ และภาษาอังกฤษนั้นก็ไม่ใช่ภาษาแม่ของเธอ แต่จุดประสงค์ในการสร้างรายการ #englishwithalice คือการสนับสนุนให้ผู้คนพูดภาษาอังกฤษได้ อย่างไรก็ตามเธอก็ได้ขอโทษหากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น”
เอิร์ธ
ล่าสุด สาวอลิส มาเป็นพิธีกรในงานประกาศรางวัล IATC Thailand Dance and Theatre Awards ครั้งที่ 8 ประจำปี 2019 และให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าว พร้อมย้ำจุดประสงค์ที่แท้จริงในการทำคอนเทนต์นี้อีกครั้ง
กัปตัน
เล่าถึงเหตุการณ์ที่ออกมาโพสต์ขอโทษที่ใช้ภาษาอังกฤษผิด?
“ก็คือจริงๆ ช่วงโควิดที่ผ่านมา ตอนที่กักตัวอยู่ที่บ้าน รู้สึกว่าเราอยากทำอะไรที่มันมีประโยชน์ทั้งกับเรา แล้วก็ให้ความสุขกับคนอื่น ก็เลยสร้างไอจีไลฟ์ขึ้นมา ชื่อว่า #englishwithalice อยากจะให้เด็กๆไทยที่เวลาเค้าส่งแมสเสจมาถามเราว่าทำยังไงให้เก่งภาษาอังกฤษ เราก็เลยรู้สึกว่า คำแนะนำเดียวที่ทำได้คืออยากให้พูด ต้องพูด ทีนี้มันก็จะมีคำถามต่อมาว่าไม่กล้า ภาษาอังกฤษไม่ได้แข็งแรง แกรมม่าไม่เป๊ะ สำเนียงไม่เป๊ะ จะทำยังไงดี รู้สึกว่ายังไงก็ต้องพูดเนาะ แล้วก็ฝึกไปพร้อมๆกัน ก็เลยทำ #englishwithalice ขึ้นมา แล้วก็ไลฟ์กับเพื่อนๆ ศิลปินดารา ที่เขาไว้ใจ ที่จะคุยกับเราเป็นภาษาอังกฤษ ไลฟ์ประมาณ 40 นาทีในไอจี”
ข้อความ
“ทีนี้มันมีอยู่วันหนึ่งที่เราได้รับข้อความ ว่าภาษาเราไม่เป๊ะ เลยมาทำอย่างนี้ได้ยังไง เราก็รู้สึกว่า เฮ้ย..แต่นั่นไม่ใช่จุดประสงค์ของเราไง สิ่งนี้มันกำลังจะตัดทอนความมั่นใจของหลายๆคนมากๆเลยนะ เราก็เลยอยากจะเป็นตัวอย่างที่ทำให้เห็นว่า จริงๆแล้วเนี่ย ถึงแม้ว่าเราจะเจอคอมเมนต์แบบนี้ เป็นของพลังลบมา แต่ถ้าใจเรายังฟูพอ ยังมากพอที่จะส่งต่อพลังบวก แบบนี้ออกไป มันก็จะเผชิญต่อไปได้ เพราะว่าเรารู้ว่าจุดประสงค์ที่เราจะทำ อิงลิชวิทอลิส ขึ้นมาเนี่ยคือไม่ได้ตั้งใจจะสอนภาษาอังกฤษ แต่เราแค่มาส่งต่อพลังว่า กล้าสิ พูดสิ เราแค่เรารู้ว่า เราต้องการจะสื่อสารอะไรไม่สำคัญ ไม่จำเป็นจะต้องสำเนียงเป๊ะร้อยเปอร์เซ็นต์ ดีเลิศ ไม่จำเป็น จะต้องแกรมม่าถูกต้อง เพราะว่ามันคือบทสนทนาค่ะ คุยกันเรื่องสนุก เพื่อให้บทสนทนามันไปต่อได้ นั่นก็คือเรารู้สึกว่ามันก็พอแล้ว เราก็เลยอยากจะแบ่งพลังนี้ต่อไป ว่าถึงแม้เราจะโดนแบบนี้ เราก็ยังอยากทำต่อนะ และก็ยังทำต่อจนถึงปัจจุบันนี้ค่ะ”
คอมเมนต์มันมีแค่คอมเมนต์นั้น คอมเมนต์เดียว หรือว่ามันมีมาอีก และมันแรงแค่ไหน?
“คือจริงๆ สำหรับคนแบบอลิสอ่ะ คอมเมนต์เดียว มันก็แรงพอสำหรับเราแล้วนะ คือจริงๆทุกครั้งที่เราไลฟ์ อ่ะเราไม่ได้มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว เราก็แค่เรารู้สึกว่าเรายังอยากทำ แล้วเรารู้ว่าเราทำเพื่ออะไร และพอมันมีอันเดียวเข้ามาแบบนี้ มันเหมือนแรงมาก เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่แบบนี้ เราไม่ได้คิดแบบนี้ เราก็เลยคิดว่ามันถึงจุดที่เราจะต้องชี้แจงจุดประสงค์ของเราอีกครั้งหนึ่งว่าเราไม่ได้สอนพูดภาษาอังกฤษ นะเราแค่อยากมาแบ่งปันความกล้าตรงนี้เฉยๆ อยากพัฒนาตรงนี้ไปด้วยกันมากกว่าค่ะ”
เราก็ยังทำต่ออยู่?
“ใช่ค่ะ เรายังทำต่ออยู่ จากเดิมที่ทุกคนกักตัวเนาะ เพื่อนๆ ศิลปินเขาก็พร้อมที่จะคุยกับเราทุกวัน ส่วนวัน ก็ค่อยๆลดเหลือสองวัน และตอนนี้เหลือหนึ่งวันค่ะ”
ย้อนกลับไปถามถึงความรู้สึกที่เราได้รับข้อความครั้งแรกรู้สึกยังไง?
“รู้สึกจุก คือเราเริ่มต้นจากบวกมากๆ ถึงแม้ข้างในเราจะมีความกลัว ไม่มั่นใจอยู่แล้ว คือเราก็ไม่อยากให้คนตัวเทคประโยคที่เราออกเสียงไม่ชัด พูดไม่ดีเราก็พยายามทำให้มันดีที่สุด”
อัพเดตงานหน่อยตอนนี้ทำอะไรอยู่บ้าง?
“ก็คือจริงๆ ตั้งแต่โควิดมา งานพิธีกรมันก็แคนเซิลมาเรื่อยๆ ก็ยังไม่มีอีเวนต์ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง ส่วนการแสดงก็ต้องรอโอกาสไปเรื่อยๆค่ะ แล้วตอนนี้ก็มีเป็นอาจารย์พิเศษอยู่ที่คณะนวัตกรรม มศว. ก็คือเราจะใช้ภาษาอังกฤษในการสอนวิชาที่เกี่ยวกับการสื่อสารมวลชน”
ก็ถือว่ายังมีเวลาได้ดูแลตัวเองงานไม่หนักไม่แน่นเกินไป?
“ใช่ค่ะ”
แล้วมีใครดูแลเราอีกทีไหม?
“จริงๆช่วงนี้ก็ต้องดูแลกันหมดอ่ะ(หัวเราะ)”
อ่านข่าว :
