ริท เดอะสตาร์ รับเหนื่อย เปิดคลินิกเสริมความงาม เจอโควิด
กลายเป็นคุณหมออีกคนหนึ่งของวงการบันเทิงไปแล้ว สำหรับ ริท เดอะสตาร์ เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช นักร้องและนักแสดงหนุ่มชื่อดัง ที่ล่าสุดยังคว้ารางวัลนักเรียนดีเด่นจากสาขาที่เพิ่งเรียนจบมาอีกต่างหาก
ล่าสุดวันที่ 29 ก.ย. “ข่าวสดบันเทิงออนไลน์” มีโอกาสได้เจอ หนุ่มริท ในงานแถลงข่าวเปิดอัลบั้ม Boyfriends ที่ ห้องออดิทอเรี่ยม ชั้น 21 GMM Grammy ไม่พลาดที่จะถามถึงความภาคภูมิใจดังกล่าว รวมถึงผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งตรงกับช่วงที่ตัวเองเปิด THE RITZ คลินิก พอดี
ริท เดอะสตาร์
ล่าสุดเหมือนเพิ่งได้รับรางวัลนักเรียนดีเด่นมา?
“ตัวริทเพิ่งเรียนจบปริญญาโทด้านผิวหนัง จากวิทยาลัยนานาชาติจุฬาภรณ์ ของธรรมศาสตร์ แล้วพอจบปุ๊บตามธรรมเนียมเขาก็จะมีการให้รางวัลกับนักเรียนดีเด่น ซึ่งริทก็ได้รับเลือกเป็นนักเรียนดีเด่น คุณครูเขาบอกว่าก็แค่เรียนได้อันดับหนึ่งอะไรอย่างเงี้ย”
แสดงว่าขยันมาก?
“เรียนไปด้วยทำงานในวงการบันเทิงไปด้วย แล้วได้อันดับหนึ่งก็แค่นั้น รุ่นเรามีประมาณ 10 กว่าคน เราได้อันดับหนึ่ง(หัวเราะ) ภูมิใจๆ ครับ ตั้งแต่เรียนคือตั้งใจมากจริงๆ มันไม่เหมือนตอนที่เราเรียนหมอแล้ว เรียนหมอมันเหมือนเรียนทุกอย่างเพื่อให้รู้แบบครอบคลุม แต่อันนี้เรียนเพื่อใช้ในวิชาชีพ เพื่อที่จะมารักษาจริงๆ แล้ว เลยตั้งใจค่อนข้างมาก”
เอาไปติดที่ร้านเลยไหมว่าได้อันดับหนึ่ง?
“เอามาแล้วครับ แต่ในใบมันไม่ได้บอกว่าได้อันดับหนึ่ง ฝากพี่ๆ บอกไว้ตรงนี้เลยแล้วกันว่าได้อันดับหนึ่งนะครับ”
นักเรียนดีเด่น
Advertisement
หลังจากนี้จะมีเรียนอะไรเพิ่มเติมอีกไหม?
“จริงๆ อาจารย์ชวนเรียนเพิ่มอยู่นะครับ เรียนด็อกเตอร์ แต่ส่วนตัวคิดว่าตอนนี้น่าจะไม่ไหวแล้ว น่าจะพอแล้ว มันเรียนมาทั้งชีวิตแล้ว พอวันหนึ่งที่เรารู้สึกว่าเราเรียนจบมาปุ๊บและได้ประกอบอาชีพจริงๆ ก็รู้สึกว่าจริงๆ มันก็ถึงฝั่งฝันแล้ว ความรู้ที่เราเรียนมามันก็ค่อนข้างเพียงพอแล้ว ที่เรียนเพิ่มเติมไปน่าจะเป็นเรื่องของตำแหน่ง เหมือนศึกษาที่มันลึกลงไปเฉพาะด้านใดด้านหนึ่งมากกว่า ริทเลยคิดว่าอาจจะยังไม่จำเป็นในตอนนี้ แต่ถ้าเกิดแก่ตัวไปกว่านี้ก็อาจจะคิดก็ค่อยว่ากัน”
แต่ถ้าได้นักเรียนดีเด่นอันดับหนึ่งของด็อกเตอร์อีกก็จะยิ่งใหญ่เลยนะ?
“ถ้าเราเป็นที่หนึ่งของด็อกเตอร์ แล้วเราจะได้รับไปอีกรอบหนึ่ง โอ้! ลองดู(หัวเราะ) พอแล้วมั้ง”
หลังจากนี้จะเป็นชีวิตที่ได้ทำงานได้เข้าคลินิกเต็มที่ใช่ไหม?
“ตอนนี้เหมือนเป็นหมอประจำแล้วครับ เข้าคลินิกแทบจะทุกวัน บางวันที่คลินิกปิดก็จะเอาเวลามาทำงานในวงการบันเทิง ซึ่งส่วนใหญ่ทำงานวงการบันเทิงอาทิตย์หนึ่งก็แค่ 1-2 วัน ซึ่งตอนนี้บอกเลยว่าไม่ต้องซื้อบัตรมีตแอนด์กรี๊ดริท ซื้อคอร์สเลเซอร์ดีกว่า ใกล้กว่าอีก(หัวเราะ)”
สู้ๆครับ
ตอนนี้กลายเป็นคุณหมอของวงการไปแล้วเหมือนกัน มีเพื่อนนักแสดงแวะเวียนมาขอคำปรึกษาบ้างไหม?
“ใช่ครับ มาเยอะเลย ส่วนใหญ่เขารู้แหละว่าเขาจะทำอะไรก็มาขอฟรีมากกว่า(หัวเราะ) ระบุมาเลยว่าขอตัวนั้นตัวนี้ อันไหนยิ่งแพงยิ่งขอเยอะ”
ระบุชื่อคนที่มาขอเราฟรีไหม?
“โอ้! อย่าให้ไล่เลยมีหลายคน แต่เราก็ยินดีทำให้ก็อยากดูแลเหมือนกัน”
แล้วแฟนคลับไปใช้บริการไหม?
“ส่วนใหญ่ลูกค้าที่มาวันแรกๆ ก็คือแฟนคลับแทบจะทั้งหมด จากนั้นเริ่มบอกต่อกระจายไปสู่วงนอก ตอนนี้เริ่มเป็นลูกค้าทั่วไป 50% แฟนคลับ 50%”
แสดงว่าแฟนคลับเราต้องหน้าใสมาก?
“ตอนนี้คือทาครีมกันแดดทุกคน ดื่มน้ำเยอะๆบำรุง ห้ามมีกระ มีฝ้า ห้ามมีรอยดำ”
ปฏิกิริยาแฟนๆเป็นอย่างไรพอเจอหมอริทสัมผัสหน้า กรี๊ดกร๊าดไหม?
“พออยู่ในบทบาทที่เป็นแพทย์ ริทจะไม่เป็นอย่างนี้ ไม่ดุครับ แต่ไม่ได้เล่นส่วนใหญ่จะพูดเรื่องวิชาการ เพราะถ้าอยู่ในหน้าที่แล้วริทพูดแบบนี้ ไม่มีใครเชื่อ แฟนๆ มีเขินแบบอย่าเพิ่งนะคะ คือพอเราเข้าโหมดทำงานจิตวิญญาณนักศึกษาแพทย์ก็จะถูกปลูกฝังมาแบบนี้ เพื่อนริทเป็นแบบนี้หมด พอออกมาจากหน้าที่ก็จะมีตัวตน”
คลินิกเปิดแล้ว
ช่วงโควิดรายได้หดหายไปเยอะไหม?
“ริทเปิดตอนโควิด-19 ตอนแรกริทเตรียมแถลงข่าวเชิญพี่ๆ สื่อมวลชนมา แต่ทางท่านก็ให้หยุดกิจการไปก่อนเราก็ชะลอการเปิด พอท่านให้เปิด บอกว่าพี่ทำแค่ตัวเราก็เริ่มทำตัว หัวเข่า ข้อศอกใสกันทุกคน พอเริ่มทำหน้าได้ก็มาทำ มาตามลำดับ แต่พอมันเป็นช่วงหลังโควิดแล้วริทเพิ่งเปิดใหม่ด้วยมันก็ค่อนข้างลำบาก ถึงแม้ริทจะมีต้นทุนสูงกว่าหมอคนอื่น เป็นดาราไปด้วย มันก็ยังเหนื่อยอยู่ไม่ได้มาเปรี้ยงปร้างทีเดียว”
ตอนนี้คุ้มทุนหรือยัง?
“โอ้! ยังครบ ไม่ใกล้ครึ่งเลยครับ ตอนแรกวางวายว่าภายใน 3 ปีจะคืนทุน แต่ว่าตอนนี้คนใช้เงินระมัดระวังมากขึ้นก็ค่อยๆ ทำไปแล้วกัน ไม่รีบอะไร แต่เรื่องนั้นไม่ได้ซีเรียสเรามองว่าเป็นอาชีพเป็นความสุขของเราที่ได้ทำให้คนสวย คนแฮปปี้มีความสุขหน้าตาดี”
อยากเปิดในต่างจังหวัดไหมเพราะแฟนๆ เรียกร้อง?
“จริงๆ อยากขยายสาขา แต่เราอาจจะต้องวางระบบให้นิ่งก่อน ฝาก THE RITZ คลินิก ไว้ด้วย ถามว่าอยากขยายสาขาช่วงไหนอยากทำอันนี้ให้นิ่งก่อนสักหนึ่งปีแล้วค่อยเริ่มขยายปีต่อไป ได้เร็วหรือช้ากว่านั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์เพราะตอนนี้อะไรก็ไม่แน่นอน บ้านเมืองยังไม่นิ่ง โรคภัยยังไม่นิ่ง”
ท้อไหม?
“ตอนนี้ยังไม่ท้อเพราะเหมือนเปิดปุ๊บก็เจอปัญหาตั้งแต่แรกเลย กฎระเบียบเยอะ ทำอะไรลำบาก พอเปิดมาบวกกับเศรษฐกิจที่ซบเซาก็ทำให้ค่อนข้างเหนื่อย แต่เลือกไม่ได้เราเกิดประเทศนี้แล้วก็ต้องต่อสู้ในประเทศนี้ต่อไป”
ขอบคุณรูปจากไอจี : ritz_rueangritz
