เตรียมลั่นระฆังวิวาห์อีกคู่ สำหรับอดีตนักร้องหนุ่ม ตูน-ธัชพล ชุมดวง หรือ “ตูน เอเอฟ3” กับแฟนสาวนักร้อง ทิชา-พชรวรรณ วาดรักชิต หรือ “ทิชา วงจี ทเวนตี้” ล่าสุดมีโอกาสเจอฝ่ายชายในงาน Grand Opening แบรนด์ขนมชื่อดังจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น “TOKYO MILK CHEESE FACTORY” ที่ ชั้นG สยามพารากอน พร้อมเปิดใจถึงโมเม้นต์เซอร์ไพรส์คุกเข่าขอฝ่ายหญิงแต่งงาน และอัพเดตความคืบหน้างานแต่งที่จะเกิดขึ้นปลายปีหน้า
โดย ตูน เผยว่า “ตอนเซอร์ไพรส์ก็ตื่นเต้นดีเพราะเป็นครั้งแรกและคิดว่าเป็นครั้งเดียว ก็วางแผนกันมานาน ตอนแรกวางไว้หลายแผน คือเปลี่ยนแผนไม่พอ ต้องเปลี่ยนวันด้วย แต่สุดท้ายก็สำเร็จในวันนั้น ที่ต้องเป็นแหวนวงใหญ่เพราะว่าได้ไอเดียมาจากที่เพื่อนส่งของต่างประเทศมาให้ดูเราก็เห็นว่าเข้าท่าดีเลยให้ที่บ้านผมเขาช่วยทำให้ เขาก็ช่วยกันแกะโฟมพ่นสีมาให้ ส่วนแหวนของจริงเดี๋ยวเก็บเงินก่อน เดี๋ยวดูกันอีกที(หัวเราะ) สำหรับทางผู้ใหญ่ของเราสองคนตอนนี้ยังไม่มีโอกาสนัดให้เจอกันจริงจังสักที เพราะตั้งแต่วันที่ขอแต่งงานจนตอนนี้ผมทำงานทุกวันยังไม่ได้หยุดเลย แต่จะพยายามนัดให้เจอกันครับ”
“ก่อนจะขอแต่งผมคุยกับทางบ้านผมฝ่ายเดียว แต่ยังไม่ได้คุยกับบ้านน้องเพราะกลัวน้องจะรู้ก่อน หลายคนก็เพิ่งรู้ตอนที่เราขอตอนนั้นเลย สำหรับแผนงานแต่งก็คิดไว้ว่าจะจัดช่วงปลายปีหน้า ตอนนี้ก็ดูว่าจะจัดให้ออกมาแบบไหน แต่ยังไม่ได้คุยกันมากเพราะต้องรอที่บ้านตกลงคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวก่อน ส่วนสาเหตุที่ตัดสินใจขอเลยทั้งๆ ที่เมื่อก่อนบอกว่ายังไม่อยากแต่ง เพราะว่าช่วงนี้เวลาไปไหนมาไหนหลายๆ คนก็ถามว่าเมื่อไหร่จะแต่งๆ น้องเขาก็บอกว่าต้องรอเรามาขอสิ พอเจอคำนี้บ่อยๆ เราเลยตัดสินใจขอไว้ก่อนเลย แล้วค่อยแต่ง แต่ไม่ใช่ว่าถูกกดดันนะครับ เหมือนว่าได้จังหวะด้วยพอดี”
“และจริงๆ แล้วเดือนหน้าเรามีแพลนจะไปเที่ยวกันที่นิวยอร์ก มีการคุยกันว่าจะจ้างช่างภาพไปถ่ายรูปกันแบบจริงจัง เราเลยคิดว่าก่อนจะไปควรทำให้ชัดเจนก่อนดีกว่า ส่วนที่คนจะมองว่าเร็วไปเพราะเราคบกันปีครึ่ง ผมว่าไม่หรอก พ่อแม่เราคบกันครึ่งปีเอง(หัวเราะ) ผมรู้สึกว่าถ้าเรารู้สึกว่าใช่มันก็ได้เลยครับ ผมคบกับน้องเหมือนผมคบกับตัวเอง นิสัยเราคล้ายกันมาก ความชอบ ไลฟ์สไตล์เหมือนกัน และเขาเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการ แทบไม่ต้องอธิบาย เขารู้ว่าเราเป็นคนแบบนี้ เรื่องที่ต้องปรับกันมันน้อยมาก แทบไม่ต้องปรับเลย”
“น้องบอกว่าผมยอมเขาตลอด จริงๆ คือเมื่อก่อนผมเป็นคนใจร้อนและดื้อมาก แต่พอเราโตขึ้นเราก็รู้สึกว่าบางอย่างเราปล่อยวางได้ และก็ยอมด้วย เราคุยด้วยเหตุผลมากกว่า แต่ไม่ได้กลัวนะครับ แค่คุยกันดีๆ หลีกเลี่ยงปัญหา ช่วงที่ผ่านมาแทบไม่มีปัญหาเลย ไม่เคยทะเลาะกันใหญ่โต และไม่ใช่ช่วงโปรโมชั่นหรอก เมื่อก่อนเป็นยังไงตอนนี้ก็เป็นแบบนั้นครับ สำหรับเรื่องลูก ก็เริ่มคิดเหมือนกันเพราะอายุประมาณนึงแล้วเพื่อนๆ ก็มีลูกหมดแล้ว โตแล้วก็อยากมีครอบครัว รู้สึกว่าถึงเวลาแล้ว น้องเขาก็โอเคคิดว่าถึงเวลาแล้วเหมือนกันครับ”
