วันที่ 25 ก.ย. ที่ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ พลอย-พลอยพรรณ ทวีรัตน์ ควงน้องลูกชายทั้งสองคน น้องแพนเตอร์ และน้องพูม่า มาร่วมเดินแฟชั่นโชว์ในงานแถลงข่าว Junior Run way Autumn 2017 จากนั้นให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องที่อดีตสามี ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล ตัดพ้อว่าสาวพลอยดิสเครดิตตนเรื่องค่าเลี้ยงดูลูกผ่านสื่อ

พลอย เผยว่า “เรื่องเงินค่าเลี้ยงดูที่พี่เตอร์ต้องส่งให้พลอยขอไม่พูดเรื่องนี้แล้วเพราะเคยพูดไปแล้วทีนึงก็ยืนยันคำเดิมนั่นแหละ ก็ถือว่าเรื่องนี้ผ่านไป ซึ่งพลอยก็พูดในส่วนของพลอย เราไม่ได้พูดถึงในส่วนของเขาและก็ไม่ได้พูดอะไรที่มันเป็นส่วนสัญญาด้วย ก็พูดอะไรที่มันเป็นชีวิตของเราตอนนี้ทั้งลูกและเราเป็นอย่างไรบ้างก็พูดตามที่เราเป็นแค่นี้ และก็อย่าเรียกว่าเป็นการดิสเครดิตเลย เราก็ทำและพูดอะไรตามที่เราทำทุกวันนี้”

“จริงๆพลอยก็ไม่ทราบว่าพี่เขาให้สัมภาษณ์เรื่องอะไรมา อย่างพลอยไม่ใช่คนในวงการเวลามีงานมาเราโดนสัมภาษณ์เราก็ตอบตามที่ถาม ซึ่งพลอยไม่ได้ดิสเครดิต ถ้าพี่เขามีงานมีชีวิตที่ดี มันเป็นเรื่องที่ดีที่ลูกเขามองเห็นพ่อว่าเป็นตัวอย่างในชีวิตให้ได้ เราก็ไม่กีดกันอยู่แล้ว สมมุติวันนึงลูกไปเจอพ่อนอนอยู่ใต้สะพานลอย พลอยไม่อยากให้มันมีภาพอย่างนั้นเกิดขึ้นคือพลอยเปรียบเทียบให้ฟังว่าเราไปเห็นพ่อหรือแม่เราสิ้นไร้ไม้ตอกอย่าเอาไปเขียนเป็นหัวข้อข่าวนะคะ เดี๋ยวสังคมยิ่งจู่โจมพลอยหาว่าดิสเครดิตอีก อย่างที่เขาบอกว่าทำงานเพื่อลูก ตอนเขาไปทำงานพลอยก็เห็นตามภาพที่ออกมาเลยเพราะไม่เคยได้ติดต่อกับเขา ถามว่าพลอยเชื่อภาพไหมพลอยไม่ได้ไม่เชื่อ เราก็มองว่าเขาคงขยันจริงๆ เราก็ใช้ชีวิตในส่วนของเราดีกว่า เชื่อไม่เชื่อมันไม่ได้กระทบอะไรกับชีวิตพลอยเลย

“จริงๆพลอยไม่ค่อยสนใจเรื่องชื่อเสียงเท่าไหร่เพราะเราไม่ใช่คนในวงการจริงๆ ใครถามอะไรมาเราตอบแบบนั้น ถ้าเผื่อว่าพี่เขามองว่าเราดิสเครดิตก็ขอโทษด้วยแล้วกันคือพี่เขาอยู่วงการมา 10-20 ปี เราอยู่มาไม่กี่ปีโดยที่ไม่มีใครแนะนำ พลอยรับงานเองทุกอย่าง ไม่มีผู้จัดการส่วนตัว เวลาพลอยทำอะไรก็ทำตามสามัญสำนึกของคนเป็นแม่ปกติที่คนเขาทำกัน

“ส่วนเรื่องที่เขาบอกว่าพลอยไม่ส่งตารางบินให้เขา ทำให้ไม่รู้เรื่องที่จะมาช่วยดูลูก พลอยบอกเลยว่าเรื่องพวกนี้เราไม่เคยปิดกั้น การส่งตารางบินมันเลยไม่จำเป็นเพราะตรงนี้มันเป็นตารางชีวิตพลอย บางทีมันก็ยากเพราะบางไฟท์บินเราก็ถูกเรียกสแตนบาย เราก็ไม่รู้อนาคตตัวเอง พลอยเลยรู้สึกว่าไม่อยากมานั่งอัพเดทชีวิตของตัวเองให้พี่เขาฟัง ถ้าพี่เขาสะดวกแบบไหนก็ทำแบบที่เขาสบายใจเลยเพราะตารางชีวิตลูกคือ อยู่บ้าน ลูกมีพี่เลี้ยง เขามีเบอร์โทรกัน พลอยเปิดอยู่แล้วกับการที่เขาจะเข้ามาเมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งช่วงนี้เขาดีมาก เขาเริ่มกลับมาหาและคิดถึงลูกจริงจัง นัดวันที่แน่นอนพลอยก็ไปส่งลูกให้เขาและไปรับกลับ ก็รู้สึกว่ามันดีกับเด็กที่ได้เจอหน้าพ่อประจำ อย่างแพนเตอร์เขาเริ่มซึมซับกับสิ่งที่ทำเวลาอยู่กับพ่อ เขาก็มาเล่าให้เราฟังพ่อเป็นฮีโร่ของแพนเตอร์คือพ่อไม่ได้ตายจากไปก็ยังมาเจอได้ ดีกว่าบางคนที่พ่อจากไปเลยแล้วไม่กลับมา แต่ตอนนี้ยังสามารถแก้และปรับตัวได้ก็โอเคอยู่ค่ะ”

“แต่เรื่องปัญหาที่มันค้างคาใจของพลอยและพี่เตอร์มันยังไม่ได้หายไปไหน แต่มันป่วยการณ์ที่จะเอามาพูดถึงมากกว่า อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป คือมันเป็นปัญหาของพลอยและเขา มันไม่ใช่ปัญหาของลูก ฉะนั้นตอนนี้พลอยไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับเขาแล้ว เรื่องนี้มันเลยพักเอาไว้และอยู่เบื้องหลังไกลมากๆแต่ตอนนี้ลูกเราอยู่ระหว่างพ่อกับแม่เราก็พยายามเชื่อมยังไงก็ได้ให้มันดีเหมาะสมกับลูกมากที่สุด ซึ่งตอนนี้เราก็เลยจะคุยกันแบบส่งสติ้กเกอร์ พูดมากไม่ค่อยดี ปากไม่ค่อยดีกันทั้งคู่(ยิ้ม) อย่างตอนไปส่งลูกก็ไม่ได้มองหน้า เขาบอกให้ส่งก็ส่ง คุยเท่าที่จำเป็นดีกว่า อารมณ์เราคงต้องอายุสัก 60-70 ปีค่อยมานั่งคุยกันได้เพราะตอนนั้นคงโตแล้ว”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน