สิ้นสุดศึกค่าตัว! พชร์ อานนท์-นิก คุณาธิป กอดกลมโชว์สื่อ คืนดี เคลียร์ใจ ดั่งไม่เคยทะเลาะ

สิ้นสุดศึกค่าตัว! -หลังจากที่เกิดสงครามฉะกันไปมา ของผู้กำกับคนดังอย่าง พชร์ อานนท์ และนักแสดงหนุ่มขวัญใจวัยรุ่นในสังกัด อย่าง นิก คุณาธิป ปิ่นประดับ ออกมาโพสต์แฉโต้ตอบกันอย่างไม่รู้จบ เรื่องปมค่าตัว ที่ทางด้านนิกบอกว่าพี่พชร์อมเงิน 1 แสนบาท ซึ่งทั้งสองฝ่ายนั้น ต่างก็งัดเอาหลักฐานออกมาไฟว้กันอย่างดุเดือดน ถึงขั้นมีการจ้างทนายความเอาผิดทางกฎหมายจนขึ้นโรงขึ้นศาลกันเลยทีเดียว

แต่บทจะดีกัน ก็ดีกันเอาดื้อๆ วันที่ 29 พ.ย.63 พชร์ อานนท์ และ นิก คุณาธิป ได้เคลียร์ใจกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งในภาพยนตร์เรื่อง “บอกโลกให้รู้ ว่ากูรักมึง” (Tell The WORLD I Love You) ภาพยนตร์รักที่ดีที่สุด ของ พชร์ อานนท์ และในงานบวงสรวงภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวที่จัดขึ้น ณ บริเวณลานเซ็นทรัลเวิลด์ ด้านหน้าศาลพระพิฆเนศ พชร์ อานนท์ และ นิก คุณธิป ได้ออกมาเปิดใจถึงการยุติปมบาดหมางทั้งหมด

กลับมาจูบปากกันแล้ว

พชร์ : “ก็คุยกันแล้วนะครับ เพราะว่าเราก็ต้องยกโทษให้เด็ก เพราะว่าเรารู้สึกว่าที่ผ่านมาเราอาจจะไม่ค่อยได้คุยกัน ไม่ได้คุยกันตั้งแต่มีเรื่อง ก็อาจจะมีอะไรคลาดเคลื่อนนิดหน่อย หลังจากนั้นเราก็โทรหาเค้า เพราะเค้ายังมีสัญญาอยู่กับเรา 2 ปี แล้วเราก็เป็นคนดูแล เราก็ติดต่อเค้าว่าอยากเล่นหนังไหม เพราะเราก็ต้องตามสัญญาที่เราเซ็นไว้ แล้วเราก็ชวนเค้ามาเล่น เค้าก็โอเค ว่าของคุยขอเคลียร์กับพี่พชร์ก่อน เราก็บอกไม่ต้องเคลียร์หรอก เรื่องเก่าๆ ให้มันลืมๆ ไป เพราะว่าเราเข้าใจคลาดเคลื่อนกัน เข้าใจผิดกัน”

เรื่องคดีความจะเป็นอย่างไรต่อไป

พชร์ : “อันนั้นก็ต้องรอดูทางศาลก่อน ให้มันเป็นไปตามกระบวนการ แต่จริงๆ เราก็ไม่ได้มีอะไร นิกก็ไม่ได้มีอะไร แค่เราไม่ได้คุยกัน”

อะไรคือสิ่งที่เราไม่เข้าใจกัน

พชร์ : “มันมีหลายเรื่องครับ แต่เราก็พยายามคุยกัน พยายามเคลียร์ให้ดีที่สุด ซึ่งเราก็จะพยายามไม่นึกถึงเรื่องเก่าๆ ไม่ใช่ว่าเรามายอมดีกับนิก ไม่ใช่ เราเต็มใจที่จะให้โอกาสเด็กอีกครั้งหนึ่ง เพราะน้องก็ไม่ได้ผิดอะไรมากมาย แต่เราก็อะ ในเมื่อจะคุยกัน เราก็คุยกัน แล้วก็ให้งานน้องทำ”

ใครเป็นฝ่ายโทรหาใครก่อน

พชร์ : “เราโทรหาเค้าก่อน นิกเค้าก็พยายามจะโทรหาเราแหละ แต่เราไม่รับ คุณแม่โทรมาก็ตัดทิ้ง คือเราไม่รับเค้าเลยช่วงนั้น แต่เราก็เข้าใจเด็กไง ถ้าเรารู้สึกว่าสิ่งที่เค้าทำมันดี เราก็ไม่ว่ากัน แต่ต่อไปนี้ก็ต้องคุยกัน ว่าอะไรเป็นยังไง มันเป็นการเข้าใจผิดกันมากกว่า ต่างคนต่างหัวร้อนทั้งคู่ เราก็เป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว สไตล์เราก็เชิ่ดๆ เริ่ดๆ อยู่แล้ว แต่พอเรามาคิดดูวันหนึ่ง มันเหมือนมีอะไรติดขัดในใจเรา เราก็คุยกันดีกว่า เพราะเราก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ต้องยกโทษให้เด็ก อะไรที่อภัยได้ ก็อภัยกัน เหมือนคนไทยตอนนี้ อะไรที่อภัยได้ ก็อภัยกัน เพราะว่ามันจะทำให้โลกเราน่าอยู่มากขึ้นนะครับ”

ตอนพี่เค้าโทรไปหาเรารู้สึกอย่างไรบ้าง

นิก : “ตอนแรกก็ตกใจครับ เพราะว่าเราไม่ได้คุยกันนานมากๆ จริงๆ เรื่องมันไม่ได้มีอะไรเลย แค่เราไม่ได้พูดคุยกันมากกว่า พอมาเจอกันอะไรๆ ก็ดีขึ้นครับ ก็มีการขอโทษกันครับ ณ ตอนนั้นเลย พอพี่เค้าให้อภัยแล้ว เราก็แฮปปี้ครับผม อย่างที่บอกจริงๆ ผมไม่ได้โกรธอะไรพี่พชร์ พี่เค้าก็ไม่ได้โกรธอะไรผม แค่เราไม่ได้คุยกัน”

คิดไหมว่าเราจะสามารถกลับมาเล่นหนังพี่พชร์ได้อีกครั้ง

นิก : “ตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะกลับมาเล่นหนังแล้วครับ ผมคิดว่าชีวิตนี้ผมจะไม่เล่นหนังอีกแล้ว ผมก็ไปทำช่องยูทูปของผม ไปทางอื่น จนวันที่พี่เค้าโทรหา”

ใจจริงๆ ช่วงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราก็อยากเคลียร์กับพี่เค้าใช่ไหม

นิก : จริงๆ อยากเคลียร์อยู่ตลอดอยู่แล้ว”

พชร์ : “แต่เราไม่คุยกับเค้าเอง”

นิก : “อย่างที่เขาบอกกับสื่อว่าทำไมไม่ติดต่อเค้าไป ผมก็ให้แม่โทรไป พี่เค้าก็บล็อกเบอร์แม่ผม ก็เลยไม่รู้จะติดต่อยังไง”

รอบนี้กลับมากลัวว่าประวัติศาสตร์ะซ้ำรอยไหม

นิก: “จริงๆไม่ กลัวเพราะว่าที่ผ่านมาจริงๆผมว่าพี่พชร์เค้าไม่ได้จะทำร้ายอะไรผมอยู่แล้ว มันเป็นด้วยอารมณ์ ต่างคนต่างมีอารมณ์แค่นั้นเอง”

เรียกว่าหายงอนได้ไหมพี่

พชร์:”มันไม่ได้หายงอนหรอก เราเห็นเด็กที่เราทำงานด้วยกัน เคยอยู่สังกัดเดียวกัน พอเรารู้สึกว่าเค้ามีปัญหาเราก็อยากจะช่วยให้เค้าดีขึ้น เราก็ไม่เคยลืมเค้า ใครจะว่ายังไงเราก็ยอมรับอยู่แล้ว ว่าที่ผ่านมาทำไมถึงขึ้นศาล ทำไมถึงโวยวาย เราก็ยอมรับ เราก็ยอมรับผิด แต่ในเมื่อเราเป็นผู้ใหญ่เราก็ต้องให้โอกาสเด็กคนนึง ตอนแรกว่าจะเอาให้ถึงที่สุดแต่ก็เออ..ไม่เอาดีกว่า”

แล้วอะไรที่ทำให้หยุดคำว่า เอาให้ถึงที่สุด

พชร์:”สติ สติทำให้หยุดคำว่าเอาให้ถึงที่สุดเพราะตอนนั้นโมโหหัวร้อน พอคนเรามีสติก็กลับไปทบทวนว่าเรื่องมันเป็นอะไรยังไง ทำยังไงถึงจะให้มันดีขึ้น ไม่งั้นมันก็จะค้างคาใจว่าเราทะเลาะอยู่กับเด็กคนหนึ่ง เราก็ยกโทษให้ดีกว่า แล้วเราก็การที่เราให้อนาคตเด็กอีกครั้งนึง เราก็จะให้เค้าพิสูจน์ว่าเค้าจะเป็นคนเดิมไหม ไม่เกี่ยวกับมือที่3 มือที่4 ที่5 ที่6 ไม่เกี่ยว”

หลายคนก็มองว่านิกเปลี่ยนแฟนใหม่ พี่พชร์ก็เลยให้โอกาส

พชร์:”อ๋อ ไม่เกี่ยว ไม่เกี่ยวเรื่องแฟน เพราะที่ทะเลาะกันก็ไม่ใช่เรื่องแฟน เรื่องต่างคนต่างทรนงมากกว่า เค้าก็จะสไตล์เค้า พี่ก็จะสไตล์พี่ แต่พอมาคิดดูแล้วว่าถ้าคนเราดีกัน ดีกว่าโกรธกัน”

ไม่เกี่ยวจริงไหมนิก เห็นยิ้ม

นิก:”ผมก็ยิ้มๆเฉยไครับพี่ ก็ฟังแล้วก็ยิ้ม”

พชร์:”ไม่เกี่ยวเรื่องแฟน เพราะว่าเราทำงานกันดีกว่า อดีตที่มันผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป เพราะเราก็อยากจะบอกทุกคนว่า อะไรที่มันยกโทษได้ก็อภัยให้กันดีกว่า สังคมจะได้มีความสุข”

แต่โอเคใช่ไหมที่นิกคบกับคนนี้

พชร์:”เค้าคบกับใครก็เรื่องของเค้า เพราะว่าคนเก่าคนนั้นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันไม่ได้เกี่ยวกับพี่ แต่เราก็ต้องบอกให้เค้ารู้จักดูแลตัวเอง ให้เค้าเลือกคบคน”

หลายคนก็มองว่านิกไปไหนไม่รอดสุดท้ายก็กลับมา

นิก:”จริงๆอย่าเรียกว่าไปไหนไม่รอดเลยดีกว่าจริงๆเรียกว่าอยากกลับมาเราคิดถึงกันมากกว่าครับ ผมอยากกลับมาร่วมงานกันมากกว่า พอพี่พชร์เค้าได้ติดต่อมา ผมก็แฮปปี้ที่จะอยากกลับมาทำงาน เพราะอย่างที่บอก ผมพูดตรงๆว่าตอนแรกผมก็เอียนกับการที่จะเล่นหนังไปแล้ว ผมอยากจะไปเป็นยูทูปเบอร์ ไปทางนั้นแล้ว”

กลับมาครั้งนี้ต้องปรับตัวไหม

นิก : “จริงๆไม่มีอะไรต้องปรับครับ ตอนที่เรากลับมาคุยไลน์กันกับพี่พชร์แรกๆก็เหมือนมีอะไรมากั้น แต่พอเรานัดเจอกันก็เหมือนทะลายกำแพง ”

พชร์ : “เหมือนมีคลื่นมากั้นเพราะเราคุยโทรศัพท์กันไง คือเรามาคิดแล้วก็ให้อภัยกันดีกว่า ทะเลาะไปก็เท่านั้น”

มองหน้ากันติดได้เลยหรอมีเรื่องกันมาขนาดนี้

พชร์ :”เราเป็นคนสไตล์นี้อยู่แล้ว คือเป็นคนให้อภัยคน ไม่ใช่กรณีนิกคนเดียว คนอื่นเราก็ให้ ถ้าใครที่เรารู้สึกว่าเค้าดีขึ้น แล้วทำให้เรารู้สึกว่าเป็นคนใจดี ให้อภัยแล้วรู้สึกสบายใจ อะไรที่ตะขิดตะขวงใจก็ปล่อยวาง ทำให้มันดีขึ้น”

โกรธง่ายแต่หายง่ายกว่า

พชร์ :”พอๆกัน โกรธง่าย หายโกรธยาก แต่ก็พยายามทำให้ดีที่สุด เพราะยังไงเค้าก็เคยเป็นเด็กเรา ใครจะด่าพี่ก็ได้นะ พี่ไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะพี่คิดดีแล้ว เราถึงคุยกับเขา”

เรื่องสัญญาหละ

พชร์ :”ก็รอให้มันหมด อีก 2 ปีหมด ระหว่างนี้เค้าก็ทำงานกับเราไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นเขาจะไปทำอะไรก็ตามสบาย เรื่องของเค้า ไม่ได้บังคับให้เซ็นต่อ เราไม่บังคับแล้ว อยู่ที่จิตใจเขา เพราะคนเรามันดูแลได้แค่ตัว แต่จิตใจเราดูแลกันไม่ได้อยู่แล้ว”

งานต่างๆก็ติดต่อผ่านพี่พชร์

พชร์ : “ก็คงจะยังงั้นครับ คนอื่นไม่ติดต่อเค้าอยู่แล้ว เพราะเค้ากลัวน้องยังมีสัญญากับพี่”

เราโล่งอกขึ้นไหม

นิก : “โล่งอกครับ แล้วก็อยากจะบอกคนที่เคยติดต่อมา ตอนนี้รับงานได้แล้วนะครับ”

พชร์ : “รับไม่รับอะไรบอกเราด้วย เพราะคิวต้องเทให้เรา”

ช่วงนั้นสูญเสียเยอะไหม

นิก :”เยอะมากครับผม แค่ค่ารีวิวก็เยอะแล้ว”

พชร์ : “เค้าทำตัวเค้าเองไง”

ตอนขอโทษมีพวงมาลัยขอขมาไหม

พชร์ :”ไม่ต้องๆ พวกนี้มันไม่สำคัญสำหรับพี่ มันสำคัญที่ความจริงใจมากกว่า อย่างเทพพิทักษ์ มาขอโทษพี่ตอนนี้พี่อาจให้อภัยก็ได้ แต่อย่าไปยุ่งกับเค้าเลย เค้าถอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้”

เรื่องคดีใครจะถอนใครก่อน

พชร์ : “ต้องรอ มันเป็นรูปของคดี แต่จริงๆแล้วศาลก็อยากให้ประนีประนอมไกล่เกลี่ยกันมากกว่า มันก็ขึ้นอยู่กับเรา 2 คน เดี๋ยวรอศาลท่านเรียกเราอีกครั้งหนึ่ง ก็ค่อยไกล่เกลี่ยกันในชั้นศาล ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ รู้คร่าวๆว่าน่าจะเป็นปีหน้า”

ไกล่เกลี่ยแล้วก็คือจบเลย

พชร์ :”ใช่ เราทำงานด้วยกันแล้ว ถ้าไม่จบก็แปลกหรือเปล่า เราไม่ได้ว่าท่านนะ เราไปขอให้ท่านช่วย ให้ตัดสินกันไป เราก็อยากให้จบกันดี เพราะเราก็ไม่รู้จะทะเลาะกันไปทำไม อันนี้ไม่ได้เป็นตัวอย่างอะไรนะ เดี๋ยวคนอื่นจะเลียนแบบ ทะเลาะกัน เดี๋ยวก็ดีกัน มันเป็นแต่ละกรณีไป”

จูบปากแล้วเนอะ

พชร์ : “ว่าจะจูบให้ดูแต่เค้าไม่กล้า”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน