เปิดชีวิต แอน จักรพงษ์ สตรีข้ามเพศพันล้าน ที่รวยเป็นอันดับ 3 ของโลก ควงหนุ่มโคตรหล่อ “เคิร์ก บอนแดด” อวดความสวีต

เกาะติดข่าว กดติดตามข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

ปังสุดหยุดไม่อยู่แล้วจริงๆ สำหรับ แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ สตรีข้ามเพศพันล้านที่ฮอตสุดๆ กับการสร้างปรากฎการณ์เปิดชีวิตที่ต้องต่อสู้จากศูนย์จนรวยล้นฟ้า ติดอันดับเศรษฐีหุ้นอันดับที่ 149 ของประเทศไทย และถือเป็นสตรีข้ามเพศที่รวยอันดับ 1 ในประเทศไทย และอันดับ 1 ในเอเชีย และเป็นอันดับ 3 ของโลก

ล่าสุดได้มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 พร้อมเปิดชีวิต สตรีข้ามเพศที่รวยเป็นอันดับ 3 ของโลก แถมควงหนุ่มโคตรหล่อ “เคิร์ก บอนแดด” อวดความสวีตกลางรายการ แต่คนนี้ยังไม่ใช่พ่อของลูก

ล่าสุด แอน จักรพงษ์ ถูกจัดให้เป็นสตรีข้ามเพศที่รวยติดอันดับที่ 3 ของโลก จากนิตยสารชื่อดังและพูดได้ว่าเป็นคนไทยคนเดียวที่เข้าไปอยู่ตรงนั้นเพราะที่เหลือเป็น อเมริกา หมดเลย?

แอน จักรพงษ์ : เป็นคนไทยคนแรกและคนเอเชียด้วยก็ต้องขอบคุณนิตยสารฟอร์บส์ด้วยค่ะ แต่ว่าสิ่งที่เราทำคือเราต้องถ่อมตัวนะ แล้วเราก็ต้องเรียนรู้ในเรื่องของการทำงานและวิสัยทัศน์ที่เราต้องก้าวต่อไป มันหยุดตรงแค่จุดนี้ไม่ได้ ตอนที่เขาประกาศชื่อออกมาเราก็ตกใจเหมือนกันนะคะ

เรารู้ล่วงหน้าไหม เขามีการติดต่อเรามาหรือเปล่าที่เราจะได้รางวัลนี้?

แอน จักรพงษ์ : ไม่มีเลยค่ะ มี interview แต่ต้องบอกก่อนว่า JKN คือ บริษัทติด 200 บริษัทที่ติด The Best two hundred of Asia อยู่แล้วในปีนี้ พอประกาศออกมาปุ๊บ คือ ผลกำไรรายรับ รายได้ของบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งพอเขาเห็นแล้วอันนั้นคือ ชัดเจอ แต่พอมาถึงตัวแอน เอง เขาก็มา interview แล้วท้ายที่สุดพอเขาไปประมวลเรื่องทรัพย์สิน เงินสด ทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วก็ตัวหุ้นที่ถืออยู่ในตลาดหลักทรัพย์ทั้งในและนอกประเทศเลยจัดให้เราติดเป็นอันดับที่สาม ส่วนอันดับที่หนึ่งเป็นเจ้าของโรงแรม อายุประมาณจะ 70 แล้ว ส่วนคนที่สองเป็นนักวิทยาศาสตร์ อายุประมาณ 60 กว่าก็เป็นคนอเมริกาเหมือนกัน ส่วนคนที่สี่คือ คนที่สร้าง The Matrix

ทุกครั้งที่ แอน จักรพงษ์ ไปที่ไหนต้องมาเป็นขบวนมีคนติดตาม แล้วคนที่มากับเขาคือมาทำงาน ทุกคนมีหน้าที่ ปกติแล้วเคลื่อนขบวนกี่คน?

แอน จักรพงษ์ : ปกติแล้วมาประมาณ 7-10 คน คือ ช่างแต่งหน้าทำผม คือ คนละหนึ่งแล้วใช่ไหมค่ะ แล้วเสื้อผ้า เลขาที่มาช่างกล้องส่วนตัว แล้วก็ทีมโซเชียล แต่ถ้ามีงานอีเว้นท์ที่เพิ่งจัดที่สยามพารากอน ก็ต้องมีบอดี้การ์ดอีกประมาณ 8 คนตรงจุดนี้ แล้วการจัดงานของเราคือเราไม่เคยจ้างออแกไนซ์นะเราทำเองหมดเลยเพราะเป็นบริษัทในเครืออีกบริษัทที่เราทำ เพราะฉะนั้นเราเลยกลายเป็นคนที่ต้องคิดงานเยอะมากใช้พลังเยอะมากแล้วไหนต้องเลี้ยงลูกเฉพาะเสาร์ อาทิตย์นะ ถึงได้เจอเพราะภาระกิจมันเยอะไง แต่ในความเป็นแม่ แม่ค้า แม่ทัพ แล้วก็เป็นแม่แอนของแฟนคลับทุกคน เพราะฉะนั้นแล้วเราต้องการคนรอบข้างที่มาซัพพอร์ตบทบาทของเรา ไม่งั้นพูดตรงๆใครจะไปทำยังไงไหวหมดแรงแล้ว แค่คิดวิสัยทัศน์ทุกคนต้องการเราหมดเพราะฉะนั้นเราก็ต้องการคนที่มาคิดงานให้เป็นทีมเดียวกับเราก็ไม่ได้เว่อร์วังแต่เป็นเรื่องจริงสำหรับคนที่ทำงานบริหารงานปีหนึ่งเป็นพันเป็นหมื่นล้าน ถ้าไม่มีคนรอบกายข้างนี้มันจะเป็นไปได้ยังไง บางเรื่อง

เรื่องบางเรื่องเราก็ให้คนบางคนทำ ส่วนเราก็ทำในส่วนที่สำคัญจริงๆเก็บพลังไว้แบบนั้น แต่ใครจะเชื่อว่าเป็นเจ้าแม่ความงามทุกอย่าง รูปเรื่องความงามทุกเรื่อง แต่ใครจะเชื่อว่าแต่งหน้าเองไม่เป็น?

แอน จักรพงษ์ : (หัวเราะ) แต่งไม่เป็นเลย เพราะเราเพิ่งจะมาเป็นผู้หญิงเต็มตัวสองปีกว่าเองนะ รองพื้นได้เท่านั้น เขียนคิ้วอะไรไม่เป็นเลย แค่รองพื้น ทาลิปสติก แล้วก็ทำงานเลย นอกนั้นทำอะไรไม่เป็นเลย เคยลองแต่งเองนะออกมาเป็นผีเลย เพราะเราไม่มีเวลาคิดเรื่องการแต่งหน้าโน้น นั่นนี่ เผื่อที่จะแต่งหน้าไม่มีเวลาเลยจริงๆ คือทำไมรู้ไหมคะ เวลาที่เราตื่นมามีคนเตรียมชุดให้ ขึ้นรถปุ๊บนอน แล้วคือ ช่างแต่งหน้าแต่งให้เราบนรถเลย เพราะเราจะแต่งหน้าแต่งตัวบนรถตลอดเวลา (เวลาในการแต่งหน้าก็ครึ่งชั่วโมง หรือ 45 นาที) แล้วแต่ว่าไปช่องไหน ไปเจอลูกค้าที่ไหนคนไหน พอเราลงจากรถคือ เราต้องสวยเป๊ะแล้ว แอน จักรพงษ์เพราะรถที่เรานั่งคือ ก็มีครบทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว มันก็เลยต้องมีคนดูแลบริการเราหมด บางครั้งต้องบอกว่า เรามีภารกิจเยอะ เรื่องเล็กๆน้อยๆ เราก็เลยคิดว่าใจเย็นไปก่อนแล้วค่อยไปเรียนแต่งหน้าทีหลังก็เรียนจากช่างแต่งหน้าเราเอง ก็เรียนแบบเบสิกๆไป ปรากฏว่าผู้ชายที่เขาอยู่กับเราคือบอกให้เราพักหน้าไปเลยไม่ต้องแต่ง เขาบอกว่าผิวเราก็สวยอยู่แล้วเราไม่ต้องแต่งเลย เวลาที่เราไม่ออกสื่อ ไม่ไปไหน อยู่บริษัทคือ ไม่แต่งหน้าเลย นั่งทำงานอย่างเดียว เพราะที่บริษัทเขาต้องการแม่ทัพเขาไม่ได้ต้องการนางงาม มานั่งเป็น CEO บริษัท เพราะฉะนั้น เราต้องใช้สมอง ใช้พลัง ในการที่จะให้บริษัทมีการก้าวหน้าเจริญเติบโตไปเยอะๆเพราะฉะนั้นที่เราจะแต่งหน้าทำผมคือ ไปงาน หรือ มีแขกเท่านั้นพอ

แต่ใครๆบอกว่า สวยๆปรากฎว่าที่ผ่านมาคือ ไม่มีความมั่นใจ จมูก?

แอน จักรพงษ์ : ใช่ค่ะ ก็ไม่มีอะไรมากก็ไม่ได้ไม่ถึงกับไม่มีความมั่นใจนะ แต่คนจะชอบวิพากษ์วิจารณ์ว่าตรงนั้นเพิ่มหน่อยสิ ตรงนี้เพิ่มนิดนึงสิ ก็แล้วแต่คน แต่ถ้าถามถึงความพึงพอใจในความสวยของตัวเองเท่าที่จะเป็นแล้ว เพราะฉะนั้นมันจะมีอะไรบ้างที่คนไม่ชอบ หรือว่าเราคิดว่ามันไม่ถูกใจร้อยเปอร์เซ็นต์นะคะ อย่าไปเสพติดศัลยกรรมแค่เสพติดความสวยก็พอ คือสวยในแบบฉบับของเรา ใครจะพูดอะไรก็แล้วแต่มันก็แบบอะไรที่เขาจะพูดก็ปล่อยเขาไปเถอะ มันไม่มีใครเพอร์เฟ็กหรอก ใครจะพูดอะไรก็ปล่อยไปเถอะ ถ้าเราพึงพอใจในความงามของเราแล้ว เสพติดความสวยของตัวเราเองเท่านี้พอแล้ว แล้วเราก็ดูแลรูปร่างหน้าตาผิวพรรณคือ เราจบล่ะ นิสัย มารยาทคือ องค์ประกอบด้วยเช่นเดียวกัน แต่ว่าดิฉันไม่เสียความมั่นใจค่ะ

เพราะฉะนั้นที่มีข่าวว่า คุณแอน กำลังจะบินไปยกเครื่อง ยกหน้าใหม่อีกรอบไม่จริงใช่ไหม?

แอน จักรพงษ์ : โควิดคงไปไม่ได้แล้ว ยังไม่ได้มีแผนอะไรคนก็เขียนกันไปเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าจะไปทำจริงๆบอกได้เลยว่าโรงพยาบาลให้เราฟรีอยู่แล้ว แต่อยากจะพูดตรงนี้ประกาศไปเลยว่าเราซื้อโรงพยาบาลศัลยกรรมแล้วในเมืองไทย เดี๋ยวจะประกาศไตรมาสที่หนี่ง ซื้อทั้งโรงพยาบาลเป็นศัลยกรรมทั้งหมด ตั้งชื่อเป็นบริษัท JKN ออร่า จำกัด เพราะตอนที่เราเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับโรงพยาบาลที่เกาหลี คือรายได้ที่เขาได้รับคือ 9 หลักเลย แล้วคือเราไม่ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่เราเป็นนักธุรกิจ เราจึงมาเปิดเป็นของเราเองและนำศิลปินดารามาร่วมเป็น พรีเซ็นเตอร์ ด้วยค่ะ

เมื่อสักครู่ช่วงแรกพูดถึงลูกๆทั้งสอง แอนดรูว์ – แองเจลิก้า เป็นยังไงบ้าง?

เคิร์ก บอนแดด : ผมรักและชอบเป็นลุงของพวกเขา แต่ว่าใครจะรู้ว่าในอนาคตผมอาจจะเปลี่ยนสถานะไปเป็นพ่อของพวกเขาก็ได้

แอน จักรพงษ์ : ตอนนี้บอกเลยนะ ไม่ให้คำสัญญาอะไรกับใครทั้งสิ้นสำหรับดิฉันทุกคนคือ สถานะเท่ากันหมด แต่ทุกคนรักดิฉันก็พอ และให้ลูกเรียกว่าลุงเพราะจะไม่ให้ใครเรียกเลยนะว่าเป็นพ่อ เพราะว่าแม่ยังไม่แน่ใจเลย แต่ถ้าแม่ประกาศปุ๊บ !! คือจะเหลือแค่คนเดียวแต่ตอนนี้ 4 คนแรกคือ อังกฤษคนที่สองเยอรมัน คนที่สามตุรกี คนที่สี่ก็คือเขาเป็นคนเยอรมัน

คนรอบตัวมีแต่สไตล์ที่หล่อๆแบบนี้ แล้วมีไหมที่เราจะหลงเขา แล้วมีใครไหมที่เป็นพิเศษ?

แอน จักรพงษ์ : เพราะเราชอบผู้ชายโครตหล่อ ก็หลงทั้งสี่คน แต่ถ้าถามว่ามีหลงใครเป็นพิเศษไหม พูดตรงๆมันมีอยู่แล้ว (แต่บอกไม่ได้ว่าใคร)

แต่ถามนิดนึงว่าในที่สุดแล้วเราจะเลือกไหม?

แอน จักรพงษ์ : เลือกค่ะ เหลือแค่คนเดียวพอ ไม่เกิน 4-5 ปี เพราะลูกจะรู้เรื่องแล้ว แล้วเราอยากให้ลูกเราเป็นคนตัดสินด้วยว่าใครคือคนที่เขาชอบ และเราก็ต้องดูว่าเขาเข้ากับลูกเรามั้ย แต่ เคิร์ก เขาเล่นกับลูกเราดีมากเลยนะเข้าที่เข้าทางคือดีมาก แอนดรูว์ – แองเจลิก้า คือ ชอบเขามาก แล้วคือที่บ้านเราจะพูดกันสามภาษา ภาษาไทย อังกฤษ เยอรมัน เพราะลูกของเราทั้งคู่เป็นเยอรมัน แล้วคุณพ่อคุณแม่ของเราก็ช่วยดู แต่ที่สำคัญเลยนะ ผู้บริหาร พนักงานที่บริษัท ช่วยกันออกความคิด ถึงกับโหวตกันเลยนะคะ เคิร์ก เขาน่ารัก มีระเบียบวินัย พอคุยถึงพี่หมี คือ ปวดหัวอะไรอย่างนี้ คนนั้นเขาจะแบดบอย เถื่อนๆเขาเป็นคนรูปหล่อจนนิสัยเสียไง แต่เราก็บอกกับทุกคนนะคะ เพราะเราต้องอยู่กับพวกเขาในระยะยาวว่า ถ้าทุกคนปฏิบัติตัวไม่ดี ฉันมีวันที่เทพวกเธอนะ เราประกาศกับทุกคน ที่สำคัญทุกคนไม่คุยกับนี่พี่น้องเขาต่อยกันไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้คือต้องแยกกันทำงาน เวลาไปไหนต้องไปรถคนละคัน

เคิร์ก บอนแดด : บางครั้งก็รักกัน บางครั้งก็เกลียดกัน คือผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่การแข่งขัน เพราะผมชนะแล้ว เพราะผมเป็นเจ้าของ พี่ชายของผมจะอิจฉาก็ได้ แต่ผมไม่ใส่ใจ

แอน จักรพงษ์ : เรารู้สึกว่าผู้หญิงทุกคนมีสิทธิ์เลือก ต้องมีสิทธิ์ออดิชั่น คือถ้าเราแต่งงานไปแล้ว แล้วเรารู้สึกว่าไม่ชอบสามีคนนี้เลยเราจะแต่งไปทำไม แล้วอีกอย่างคือ ถ้าอยู่กันไป 3 ปี 7 ปี เวลาเลิกกันผู้ชายอาจจะไม่รู้สึกอะไร แต่ผู้หญิงเวลาถูกทิ้งแล้วรู้สึกยังไง

แอน จักรพงษ์ : เพราะฉะนั้นเราต้องเป็นผู้หญิงที่ยืนหยัดให้ได้ด้วยตัวเอง เลี้ยงดูได้ด้วยตัวเอง แล้วเป็นผู้นำท้ายที่สุดแล้วผู้ชายจะเดินมาให้เราเลือกไม่ใช่ให้เขาเลือกเรา แต่เราต้องเลือกผู้ชายได้

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน