ชีวิตใหม่ในวันนี้ของ “ชูษี เชิญยิ้ม” กับเส้นทางชีวิตตลกต้องล้มลุกคลุกคลาน จากรายได้วันละเป็นหมื่น หลงระเริงชื่อเสียง กลายเป็นคนที่ไม่เหลือเงินเก็บแม้แต่บาทเดียว

เกาะติดข่าว กดติดตามข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

ยอมรับแบบตรงๆในรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 สำหรับ ชูษี เชิญยิ้ม นักแสดงตลกชื่อดัง ในอดีตช่วงที่คาเฟ่รุ่งเรืองได้เงินเป็นล้นหลามนั้นตัวเองก็หลงมัวเมาในแสงสีจนแทบไม่มีเงินเก็บเพราะมีเข้ามาก็ใช้ออกไป แต่ยังดีที่กลับตัวทันเพราะ ลูก พร้อมยังเล่าเรื่องราวก่อนที่จะมาเป็นนักแสดงตลกอย่างเต็มตัวตัวเองเคยจับไมค์ร้องเพลงสู้ชีวิตมาก่อน

ย้อนกลับไปก่อนที่จะเป็น ชูษี เชิญยิ้ม เข้ามาในวงการนี้ด้วยการเป็นนักร้องลูกทุ่ง? “ผมเข้ามาตั้งแต่ 2516 ออกจากจังหวัดลพบุรี ตอนนั้นเรียนอยู่ป.5 แล้วเข้ามากรุงเทพฯ เป็นนักร้องแล้วเราได้รางวัลได้เงินก็เลยไม่เรียนแล้ว แล้วเราเป็นผู้ชายด้วยไม่รู้ว่าหาเงินให้พ่อให้แม่ได้ยังก็เลยตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาเป็นนักร้อง ตอนนั้นเราเป็นนักร้องอัดแผ่นเลย แต่ก่อนที่เราจะได้ร้องเพลงอัดเสียง เราก็ทำงานให้เขาก่อนเช็ดถูบ้าน ให้อาหารนก ถูพื้น ตอนนั้นที่เราอยู่แล้วทำงานให้เขาเป็นหัวหน้าวงดนตรีซึ่งดังมากเลยนะ สัญญา พรนารายณ์ ที่มีศิลปินดังในวงคือ สายัณห์ สัญญา และ น้ำอ้อย พรวิเชียร ซึ่งชื่อในวงการเพลงของเราตอนนั้น คือ ศักดิ์ศรี ศรีเมืองลพ”

หลังจากเป็นนักร้องลูกทุ่งแล้วจังหวะพลิกผันในชีวิตเริ่มต้นกลายมาเป็นตลกชื่อดังได้ยังไง? “จริงๆ เราไม่ได้เป็นคนตลกเลยนะ เป็นคนที่ขี้อายมากแล้วเป็นคนที่ชอบตีกลอง ร้องเพลงมากแล้วจังหวะลมเพลมพัด ที่เราออกจาก พรนารายณ์ แล้วไปอยู่ในวงของ สายัณห์ สัญญา ตอนนั้นที่อยู่กับพี่เป้า อายุประมาณ 17-18 ปี ก็ร้องเพลง แล้วได้ตีกลองด้วยเพราะเราชอบเครื่องดนตรีที่เป็นจังหวะก็เลยได้ตี แล้วเวลาที่ไปคอนเสิร์ตลูกทุ่งเขาก็จะมีตลกในวงของเขาเราก็ตีเวลาที่เขาเล่นมุกรับส่งกันเป็นปีๆ จนรู้จังหวะการรับส่งทั้งหมด จำทุกมุกที่เขาเล่นได้ (แต่เราก็ยังไม่ได้ออกมาเล่นตลกนะครับ) แต่วันนั้นในวงมีตลกขาดคนหนึ่งตอนนั้นรู้สึกว่าไปเล่นที่ กระบี่ แล้วมีคนในวงป่วย เขาเลยให้เราไปเล่นเพราะจำได้หมดแล้วว่าเขารับส่งมีมุกอะไรกันบ้าง แต่วันนั้นพอได้ออกไปเล่น คือ ตัวสั่นไปหมด เล่นไม่ได้ ล้มเหลวไปเพราะเราไม่เคยคิดว่าเราจะเล่นตลก แล้วเราก็ยังคงไปต่อกับวงลุกทุ่ง แต่ก็ลมเพลมพัดอีกได้เล่นอีกเราก็เล่นจนกลายเป็นความเคยชิน เราก็ฝึกเล่นตลกไปเรื่อยๆ”

 

เห็นบอกจากที่ฝึกแล้วมีวง เชิญยิ้ม ชวนไปอยู่ด้วย แสดงว่าตอนนั้นเราต้องเด่นมาก? “คือมันจะมีแมวมองอย่าง หม่ำ ป๋าเทพ จะเป็นคนมอง อย่างเชิญยิ้ม จะเป็นพี่โน้ต พี่เป็ด พี่หนุ่ม เขาก็จ้องว่าคนนี้มันร้องเพลงดี ตลกค่อยมาปรับปรุงเอา แล้วจังหวะเรามาร้องกับพี่หนุ่ม แล้วพี่โน้ตเขาเป็นคนที่ชอบเสียงเพลงอยู่แล้ว แล้วเวลาที่เราเล่นคาเฟ่พวกผู้หญิงแม่ม่าย แม่ยก ก็มานั่งดูรางวัลมาลัยมาเพียบหมดเลย พี่เขาก็เลยจับตามองเราแล้วก็ชวนเราไปร่วมวงด้วย”

ก็เลยเป็นที่มาของ ชูษี เชิญยิ้ม? “ใช่ครับ เพราะว่าถ้าใช้ชื่อว่า ศักดิ์ศรี มันดุไปสำหรับตลก เพราะสมัยก่อนคณะพี่เด๋อ ดอกสะเดา พ่อป๋าต๊อก เขาอยู่ด้วยกับคณะนั้น เขาเลยคิดกันว่าคณะพี่เด๋อ มีป๋าต๊อก คณะเชิญยิ้มต้องมี ชูษี ก็ได้ชื่อนี้มาตั้งแต่นั้น (ชูษี คือ นักแสดงตลกหญิงในตำนานของประเทศไทย ซึ่งหลายคนอาจจะไม่รู้ เพราะแม่ชูษี เขาคู่กับ ป๋าต๊อก ในสมัยนั้น) แล้วก็มีอยู่วันหนึ่ง แม่ชูษี ก็มาที่คณะ เชิญยิ้ม แล้วถามว่าคนไหนที่มันใช้ชื่อเขา เราก็ออกมาบอกว่าเราเอง เราไม่รู้พี่โน้ตเขาตั้งให้ผม แต่ชื่อนี้ก็ทำให้เรามีชื่อเสียงมากๆ”

ซึ่งก็ดังจริงๆ และดังขึ้นเรื่อยๆ ใครจะเชื่อว่ามีแฟนคลับที่เดินมาบอกว่าอยากได้รถคันไหนเดี๋ยวจะซื้อให้เลย? “พูดไปก็เหมือนหล่อตายแล้ว ชูษี (หัวเราะ) เราก็ไม่ได้หล่อ แต่เราคงไปถูกชะตาเขาแล้วผู้หญิงคนนี้เขาก็เป็นคนไทยแต่เขามาจากต่างประเทศ แต่ด้วยความที่เขาเสน่หาเรา แต่เราก็ไม่ได้เอาของของเขานะครับ”

ตอนนั้นที่ไม่รับ เพราะเราทำงานต่อวันได้เยอะมาก? “อยากจะบอกว่าตลกทุกคนผมกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่าร้อยหนึ่งมีประมาณเก้าสิบคนที่ทำตัวแบบผม ไม่เก็บเงินไม่เก็บทอง จะบอกว่าลืมตัวหลงระเริงเลยก็ว่าได้ แต่พอเฮียเลี้ยง เขาเสียคาเฟ่ก็ค่อยๆ หายไป”

แล้ว ณ วันนั้นที่คาเฟ่ค่อยๆ หายไปเรียกได้ว่าไม่มีเงินเก็บเลยไหม? “ถามว่าเครียดไหม เราก็ไม่เคยเครียดนะ เพราะว่าเราเกิดมาตั้งแต่ปู่ย่า ตายาย พ่อแม่ ก็ไม่ได้เป็นคนที่มีเนื้อที่มีไร่มีนาอะไร ชีวิตเกิดมาหากินไปไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่วันนี้ต้องมีความสุข ช่างมัน อันนี้เป็นความคิดของเรานะครับ ตอนนั้นนะ แต่ตอนนี้เริ่มคิดแล้วว่าลูกเราจะทำยังไงเพราะเขายังเล็กอยู่ ถ้าเกิดเราตายไปเขาจะอยู่ยังไงเอาเงินที่ไหนใช้ แล้วพี่น้องก็ต่างคนต่างไปมีครอบครัวไปหมดแล้วตอนนี้เริ่มคิดได้ว่าเงินเริ่มหายากแล้วนะ เริ่มแบบว่าเราไม่อยากใช้ฟุ่มเฟือยแล้ว”

เคยคิดไหมถ้าเมื่อก่อนเราให้ภรรยาเป็นคนเก็บเงินน่าจะเหลือกว่านี้? “เราเป็นคนที่ใช้ผู้หญิงเปลืองมาก ไม่ใช่เราหล่อ เราเจ้าชู้นะ แต่ถ้าเราไม่พอใจเลิก เป็นคนที่ไม่กลัวเมียไงไม่เหมือนพี่หม่ำ พี่เท่ง พี่โน้ต เขากลัวเมียเขาเลยเอาเงินให้เมียเขาเก็บ เขาเลยเหลือเยอะ ตอนนี้เราก็เลยมาค้นพบว่าเราให้เมียเราเก็บเราก็น่าจะมีเก็บเยอะแล้ว (หัวเราะ)”

แต่ในที่สุดในวันนี้ ดีที่ยังมีงาน สองคือกลับมาเริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัวด้วยทำอะไรเอ่ย? “ให้แฟนทำแหนมไปขายร้านพี่โหน่งครับ วางที่ร้านบะหมี่โหน่ง ชื่อว่าแหนมชูษี แต่ถ้าใครอยากจะลองชิมลองทานสั่งมาได้ทานเฟซบุ๊ก ชูษี เชิญยิ้ม ได้เลยครับ แล้วตอนนี้ก็ทำช่องยูทูป ชูษี เชิญยิ้ม มีผม พี่เด๋อ แล้วก็อ๊อด ฝากด้วยอีกหนึ่งช่องทางนะครับ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน