นุก สุทธิดา ด่ายับ อธิปขับรถหรู เบิกเงินที 3 ล้าน แต่ไม่คืนตังค์ แถมยังขอเช่าบ้านต่อรอบ 2 หลังถูกเปลี่ยนเป็นโรงงานถุงมือเถื่อน พังยับเยิน

นุก สุทธิดา ด่ายับ – จากกรณีปล่อยเช่าบ้านหรู หวิดเอี่ยวคดี จนสภาพบ้านพังพินาศ สำหรับบ้านหลังโตของนักร้อง-นักแสดงสาว นุก สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา ถูก นายอธิป ชุมพล อายุ 25 ปี เช่าบ้านเลขที่ 193/2 ซอยลาดพร้าว 126 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ เพื่อทำโรงงานถุงมือเถื่อน จนบ้านได้รับความเสียหายตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 2 ก.พ.64 นุก สุทธิดา ได้นัดพบคู่กรณี และผู้รับเหมา มายังบ้านที่เสียหาย และได้มีการเจรจากันเป็นระยะยาวนานกว่า 6 ชั่วโมง เพื่อตรวจดูจุดที่เสียหายกว่า 166 จุด ก่อนจะเริ่มซ่อมบ้าน เพื่อตีราคาค่าเสียหายตามเกณฑ์มาตรฐานของช่าง และตกลงเรื่องการจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าซ่อมบ้าน

ความคืบหน้าล่าสุด นุก สุทธิดา ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวออนไลน์ ข่าวสด เผยว่า “เป็นการคุยกันตั้งแต่ 10 โมงจนถึงประมาณ 4 โมงเย็น

แสดงว่ารายละเอียดความเสียหายของบ้านเยอะ ถึงมีการพูดคุยกันยาวนานขนาดนี้? ทั้งหมดที่ลิสต์มาประมาณ 166 จุด

จุดที่เสียหายอย่างเห็นได้ชัด?

“ตอนนี้ที่รู้สึกแย่ไม่น่าจะซ่อมได้ หรือถ้าจะซ่อมน่าจะเป็นเรื่องใหญ่ พื้นไม้ที่มันดีดขึ้นมาเพราะความชื้น เท่าที่เราทราบเขาปาร์ตี้หนักมาก มีคนไปใช้บริการในสถานที่เยอะมาก มีเรื่องของน้ำหก ความชื้นที่มันมากเกินไปคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ และอีกอย่างคือเป็นการทุบโครงสร้างกำแพงห้องออก เรากลัวมันจะไปกระเทือนโครงสร้างอะไร

จริงๆ แล้วเรื่องที่ไม่สบายใจน่าจะเป็นเรื่องที่เราจะดีลกับเขายังไงมากกว่า ดูจากรูปการณ์แล้ว เราไม่เห็นทางออกค่ะ ไม่รู้ว่าเขาจะชดใช้เรายังไง เขาก็เป็นคนที่พูดจาดีนะคะ พร้อมจะชดใช้พร้อมจะช่วยเหลือพูดมาตั้งแต่ครั้งแรก คือคำพูดกับการกระทำมันต้องแยกกัน ถ้าพูดถึงเรื่องการซ่อมบ้านมันหลักล้านอยู่แล้วแต่เรายังไม่ไปถึงขั้นนั้น เอาแค่ค่าไฟ สองหมื่นกว่าบาท ค้างไว้ยังไม่จ่าย

ซึ่งเราก็ให้จ่ายกับไฟฟ้าโดยตรงไม่เคยมาผ่านเรา แต่ว่าเราคุยที่หลักหมื่นแจ้งไปตั้งแต่วันที่ 15 มกรา และบอกเดดไลน์ คือเขาก็พูดเองตอนที่เราบอกว่าอย่าให้เกินวันที่ 28 นะคะ เขาก็บอกได้ค่ะไม่เกิน 28 แน่นอน แต่ตอนนี้มันวันที่ 3 กุมภาแล้ว นุกก็เลยไม่รู้ว่าเราจะเลยไปคุยถึงหลักล้านได้ยังไง ยังมองไม่เห็นทาง”

เขาไม่มีเงินมาชดใช้เรา?

เขาก็พูดตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าเขาไม่มีให้ เขาก็บอกว่าจะเอาช่างมาซ่อมให้เรา แต่จะให้เขาไปจ่ายเงินให้เขาไม่มีหรอก แต่เราก็งงว่าแล้วช่างที่เขาเอามาจ่ายเงินเป็นใบไม้หรอ ช่างเขาก็ต้องได้รับเงินตอบแทนเขาถึงจะทำงาน บ้านเรามันมีมูลค่า แล้วเอาช่างมาทำ คุณแน่ใจแล้วหรอว่าคุณจะทำกลับมาเหมือนเดิมโดยที่คุณภาพเท่าเดิม มันก็ต้องคุยตกลงกัน

คือเจตนาของเราไม่ได้อยากเอาเปรียบใคร ไม่ได้อยากจะทำกำไรตรงนี้ เจตนาหลักของเราก็คือเราอยากให้บ้านเรากลับสู่สภาพเดิมให้เร็วที่สุดเท่านั้นเอง ไม่ว่าเขาจะเอาเงินมาให้เราหรือเอาช่างมาให้ เราไม่มีปัญหา แต่ทั้งหมดทั้งมวลต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่เราตกลงกันอย่างชัดเจนเรียบร้อยแล้ว”

ปกติคุยกับทางฝั่งคุณแม่เท่านั้น ไม่เคยคุยกับคุณอธิปใช่ไหม?

“นุกคุยได้กับทุกคนเลยค่ะ ถ้าใครจะโทรมาคุยกับนุก แล้วเขาก็ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันโทรมา ตำรวจก็ถามว่าพร้อมเจอมั้ย นุกพร้อมเจออยู่แล้วค่ะ นุกไม่ได้ไปทำอะไรเดือดร้อนจนสู้หน้าคนไม่ได้ นุกต้องถามกลับมากกว่าว่าเขาพร้อมสู้หน้านุกมั้ย แต่ว่าเวลาคุยกับคุณอธิป นุกคุยไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะนุกไม่รู้ว่าแกอยู่ดาวดวงไหน

ตั้งแต่วันที่แกโดนจับแล้วแกพาเดินดูบ้าน แกบอกบ้านสวยมากพี่ เดี๋ยวผมดูแลอย่างดี พานุกเดินดูสภาพบ้านก็อย่างที่เห็นตามข่าว มันเป็นคำพูดที่เราไม่รู้จะเถียงยังไง ขนาดผู้จัดการส่วนตัวยังเห็นหน้าเราเหวอ บ้านสวยมาก นี่ไง ผมดูแลอย่างดีเลย ผมรักบ้านนี้มากเลยอย่างงั้นอย่างงี้ ทั้งๆ ที่เราอยู่บ้านหลังเดียวกัน นุกเลยไม่รู้ว่าจะคุยกับแกยังไง เป็นคนที่ยอมรับเลยว่านุกไปด้วยไม่เป็น ไม่รู้จะตอบยังไง หรอ บ้านดีแล้วหรอ”

เอือมระอาจนไม่เชื่อคำพูดของคนนี้อีกแล้ว?

“เขาเมาถุงมือยางหรือเปล่า บ้านก็เห็นตามสภาพในข่าวเลย ของจริงเลวร้ายกว่านั้นเยอะ”

เขาพยายามเบี้ยวจ่ายไหม?

เขาก็บอกว่าถ้าเราเรียกมาแพง เขาก็ไม่มีเงินจะจ่าย เพราะเขาเป็นคนธรรมดา ทีนี้เราต้องแยกก่อน คนธรรมดากับคนไม่ธรรมดา เราทิ้งไว้ให้คิดดีกว่านะคะ เราจะไม่พูดว่าเขาเป็นคนธรรมดาหรือไม่ธรรมดา ทุกคนต้องตัดสินได้อยู่แล้วนะคะ ถ้าเป็นคนธรรมดาจะมีคดีเยอะขนาดนี้มั้ย คนธรรมดาจะทำให้บ้านกลายเป็นโรงงานเถื่อนได้ยังไง คนธรรมดาจะรียูสให้ถุงมือกลายเป็นกระดาษได้ยังไง นี่มันไม่ธรรมดา แต่โอเคถ้าเขาบอกว่าตัวเขาเองเป็นคนธรรมดา ไม่เป็นไร เขาเป็นคนจน ไม่ใช่คนรวย แต่ชีวิตที่ใช้กับการโพสต์ชีวิตที่ใช้ในแต่ละวัน รถสปอร์ตรถหรูอะไรก็แล้วแต่ มันก็ดูไม่ใช่คนจน

แต่พอกลับมาอีกเรื่องนึงว่า ถ้าเราเรียกเยอะเกินไป เขาไม่มีให้ อันนี้สิน่าคิดว่าทำไมพูดอย่างนี้ แสดงว่าเขาไม่เข้าใจอะไรในโลกนี้เลย การที่คุณมีแก้วอยู่ใบนึง แก้วนี้มีมูลค่า 200 บาท คุณไม่ว่าจะเป็นคนจนหรือจนรวย คุณทำแก้วชิ้นนี้พัง คนรวยก็ต้องจ่าย 200 บาท คนจนก็ต้องจ่าย 200 บาท คนธรรมดาก็ต้องจ่าย 200 บาท คนเหาะได้ก็ต้องจ่าย 200 บาท เพราะของมันมีมูลค่าของมัน

เราไม่ได้พูดถึงเรื่องในอากาศที่แบบเราจะเรียกเท่าไหร่ก็ได้ เพราะฉะนั้นต่อให้ช่างเขาไปตีราคามา เขาก็จะได้ราคาที่ไม่ต่างจากเรา เพราะทุกอย่างมันมีมาตรฐาน นอกจากว่าสเปกของมันไม่ใช่สเปกเดียวกับของเรา หรือสเปกเดิมของเราอันนี้ก็ค่อยเป็นอีกเรื่องนึง เพราะฉะนั้นต้องบอกว่ากลับมาที่เจตนา

ซึ่งนุกก็บอกเลยนะว่าต้องการแค่บ้านคืน นี่ยังไม่รวมค่าเสียหายอื่นๆที่นุกยังไม่ไดพูดถึง ค่าเสียโอกาส รายได้รายเดือนของนุกก็ยังไม่ได้ ค่าเฟอร์นิเจอร์ ค่าตู้เย็น 8 หมื่นกว่าบาท เครื่องใหญ่มาก เปิดออกมาหนอนเต็ม คือคุณจะล้างยังไง มันล้างไม่ได้อะ คือเรายังไม่ได้นับองค์ประกอบอื่นๆ เฟอร์นิเจอร์ เตียง ฟูบ ท็อบ ผ้าปูที่นอน เราไม่ได้นับรวมเลย(ทำหน้าเอือม)

เงินที่ได้รับจากการทำถุงมือ เขาก็ไม่มีมาชดใช้ค่าเสียหายให้สักนิด คือยังไม่ได้จ่ายสักนิดว่าอย่างงั้นเลยใช่ไหม?

ใช่ คือไม่ได้จ่ายเลยสักนิดแล้วก็บอกว่าไม่มีเงิน ซึ่งเราก็รู้การเคลื่อนไหวในบัญชีของเขา ก็ล่าสุดได้เบิกเงินไปจากธนาคารไปสามล้านหนึ่งแสนบาท ในวันที่ 30 ม.ค. 64 วันที่ 31 ม.ค.-1ก.พ. เขาถูกจับในบ้านในลักษณะเดียวกับเราคือการไปเช่าและมีถุงมือยาง เต็มบ้านเลย ถามว่าเงินที่หายไปเอาไปซื้ออะไรหมด ทำไมถึงได้ไปอยู่ในบ้านลักษณะเดียวกับเรา

แต่ก็ไม่เป็นไรทั้งหมดทั้งมวลนุกก็มีทั้งภาพและเสียง อย่างที่บอกไปว่าไม่เป็นไร คือเอาที่พูดกับเราแล้วก็ทำให้ได้แล้วกัน ซึ่งเราก็ได้ให้โอกาสตอนนั้น แต่ถ้าไม่ได้เป็นตามนั้นก็ดำเนินคดี ซึ่งนุกว่าเขาไม่กลัวหรอกค่ะ เพราะเขาคดีเยอะ แต่เราก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุดเหมือนกัน”

ตอนนี้มีการจ่ายเงินเองในส่วนไหนไปบ้างแล้ว สำหรับบ้าน และการดำเนินคดี ?

“ตอนนี้ก็ยังล็อกอยู่ค่ะรอเจรจา แต่ส่วนในเรื่องของทนายความ เราก็มีการดำเนินการของเราอยู่แล้ว”

แล้วของที่โยกย้ายไปล่ะ?

“หายไปเลยค่ะ (หัวเราะ) อันนี้เราก็ตามเจอไม่ได้ พวกของที่ถูกขโมยว่าโยกย้ายไปตอนไหนเราก็ไม่รู้จริงๆ แล้วก็ยังมีเหตุการณ์บ้านยังโดนเปิดอยู่”

ถ้าเกิดว่าเรายังไม่ได้รับเงินค่าเสียหาย เราก็จะดำเนินคดีต่อไปเรื่อยๆ?

เอาให้ถึงที่สุดค่ะ ก็เป็นคนไทยนะคะ ไทยนี้รักสงบค่ะ(ยิ้ม) แต่ถึงรบก็ไม่ขลาด

หลังจากที่เราตรวจพบค่ามะเร็งสูงขึ้น มันกระทบต่อสภาพจิตใจ และความเครียดไหม?

เอาจริงๆนะคะมันก็อาจจะมีบ้างแต่น้อยมาก เพราะบางทีคำพูดเขาบางอย่างมันไม่เมกเซ้นส์เลย มีครั้งนึงที่เขาโทรมาให้ที่ปรึกษาทางกฎหมายโทรมาบอกว่าจะเป็นไปได้ไหมว่าเกิดว่าน้องจะไปอยู่ต่อก็คือเช่าต่อแล้วเดี๋ยวจะค่อยๆทะยอยซ่อมให้(ทำหน้าอึ้ง) คืออันนี้ขึ้นมาก นุกถึงขั้นขอโทษ 3 ครั้ง ขอโทษนะคะ ขอโทษจริงๆค่ะ ไอ้…. อย่างนี้ค่ะ ขอโทษแล้ว 3 ครั้งมีสิทธิ์อุทานได้ ก็ได้อุทานใส่เขาไปนิดนึงนะ เหมือนตัวเงินตัวทองมันวิ่งผ่านเลยค่ะ

ถามว่าเครียดไหมไม่เครียดแต่ว่าอัตราหัวใจเต้นขึ้นเลยค่ะ ทำไมอะ ยังกล้าพูดอย่างนี้อีกหรอ เลยมาถึงจุดที่แบบว่าไม่คุยกันเรื่องนี้แล้ว เขาก็บอกไม่งั้นไม่รู้จะชดใช้ยังไง ก็เลยวางไป รู้สึกว่าถ้าคุยกับใครไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องคุยก็ตามนั้น ถ้าถามวิธีคิดมันก็แยกกันเวลาที่เราป่วย เวลาเราทำงานเข้าในบ้าน เหนื่อยมาก 7 ช.ม. อยู่ในนั้น แอร์ก็ไม่มี แมสก์ก็ต้องใส่ กลัวกันไปกลัวกันมาอยู่อย่างนี้ บ้านไม่ได้มีอากาศถ่ายเท

เรารู้สึกเหนื่อยมาก เราก็รู้ว่าเราใช้สมองทำงาน ใช้แรงกาย แต่ใจเรามันก็ไปอยู่ที่อื่นแล้ว พยายามจะไม่เอาใจเข้าไปทำงาน ก็คือเอาแต่แรงกับสมองไป มันจะมีบ้างที่บางภาพมันกระเทือนใจสุดๆ สภาพบ้านที่เราเคยอยู่มันแย่ขนาดนี้ ลงไปนั่งไม่ไหวแล้ว คุณจิวเขาก็เดินเข้ามาด้วยความเป็นห่วง ไหวมั้ยคะ เราก็ไม่รู้จะขอบคุณหรือตอบเขาไปยังไงดี ก็ต้องเซฟสุขภาพและจิตใจตัวเอง”

มีคนแนะนำไหมว่าสุดท้ายแล้ว จะทำยังไงกับปัญหานี้?

“นุกมองว่าปัญหามันมีหลายรูปแบบ บางปัญหาใช้วิธีการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า พอเราแก้ปุ๊บมันหายเลย บางปัญหามันต้องดีลกันระยะยาว ต้องแยกประเภทปัญหาก่อน พอเรามองออกแล้วปัญหานี้คือ 10 ปีแน่นอน เราประเมินว่าอย่างต่ำ 10 ปีแน่นอน อายุคดีความต่อถ่ายเททรัพย์ ก็ 10 ปี ตามกันไป จองล้างจองผลาญกันไปอีก 10 ปี แบบสบายๆ ใครตายก่อนก็ถือว่าแพ้ฟาวล์ไป

เราก็มองว่าแค่เราอยู่กับปัญหาให้ได้ อยู่แบบสบายๆ แต่นุกมองเป็นแง่ดีนะคะ ตอนเด็กๆ เราเคยอ่านหนังสือ กินกบตัวนั้นซะ ตอนนั้นเข้าใจทฤษฎีมันก็คือ เราต้องเลือกทำงานที่เราเกลียดที่สุดก่อน กบตัวใหญ่เราต้องรีบกินก่อน แล้วกบตัวเล็กมันจะสบาย นุกมาใช้วิธีอ่านแล้วพยายามจะฝึกตัวเองให้กินกบตัวนั้น แต่ไม่เคยกินได้เลยงานใหญ่ๆ ที่เราไม่อยากทำ เราจะใช้สุขใจใช้หัวใจตลอด

เราจะเป็นคนที่วิ่งหนีปัญหามาโดยตลอดตั้งแต่เด็ก อะไรที่มันเหนื่อยมันหนักเราไม่ทำเพราะพ่อแม่เลี้ยงเราสบาย ต่อให้เราไม่ใช่คุณหนูแต่เลี้ยงแบบรักมาก พ่อแม่คนไทยที่รักลูกมากๆ ก็ทรีตดีเกิน ชีวิตก็เป็นดาราตั้งแต่อายุ 14 มันโรยด้วยกลีบกุหลาบค่ะ เราก็เลยพร้อมที่จะวิ่งหนีปัญหาตลอดเวลา

จนพอเราโตขึ้นมาต้องรับผิดชอบมีครอบครัวตัวเอง เราเพิ่งมารู้ว่าวิธีการกินกบตัวนั้น ฝึกตัวเองมันก็แค่ต้องเจอปัญหาบ่อยๆ ด้วยความโชคดีเจอปัญหาบ่อยๆ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยวิ่งหนีค่ะ ไม่เคยเลยด้วย กลายเป็นปัญหามาหรอ สู้ เมื่อก่อนต้องเจอไม่อยากคุยให้คนอื่นคุย เดี๋ยวนี้คุยได้เมื่อไหร่ก็ได้ หลับอยู่ก็ตื่นมาคุยด้วยพร้อมคุยเสมอ ชนเลยค่ะ”

เขาโทรมาหาเราหลายรอบ ขอเช่าบ้านอยู่ต่อรอบสองรอบสาม เขายังทำธุรกิจถึงมือนี้ต่อ?

“วันที่ 1 ที่เขาโดนจับ เขาก็โดนจับที่บ้านเช่าหลังใหม่ เขาไปทำกับบ้านอื่นอีกเรียบร้อยแล้ว ขายอยู่ที่สำเพ็ง 2 เจ้าของบ้านก็น่าจะรู้ตัววันที่ 1 ที่เขาโดนจับ แต่ของเขายังไม่ทันเละ ของเราเต็มที่เลยค่ะ ตอนนี้เจ้าที่น่าจะหนีไปแล้วค่ะ เขาเช่า 3 เดือน พินาศมากเลยค่ะ อย่าใช้คำว่าเละ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน