ลานนา คัมมินส์ อดีตนักร้องดัง เปิดใจครั้งแรก หลังออกจากวงการนับ 10 ปี สุดช้ำโดนบูลลี่อ้วน เผยป่วยโรคซึมเศร้า พยายามฆ่าตัวตายหลายครั้ง

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

หากย้อนเวลากลับไปคงไม่มีใครไม่รู้จักเพลง ไว้ใจได้กา ของนักร้องสาว ลานนา คัมมินส์ ที่เจ้าตัวมาเปิดใจครั้งแรก หลังตัดสินใจออกจากวงการบันเทิงนานกว่า 10 ปี พร้อมฟาดกลับคนบูลลี่ปล่อยตัวให้อ้วน อีกทั้งเจ้าตัวยังเผยการรักษาอาการป่วยซึมเศร้านานนับ 10 ปี เคยคิดฆ่าตัวตายมานับครั้งไม่ถ้วน ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มี ได๋ ไดอาน่า และ ท็อป ดารณีนุช เป็นพิธีกร

ตอนนั้นปี 2547-2550 ลานนาดังมากเลย แล้วจู่ๆ ก็หายไป? “เป็นเด็กต่างจังหวัด พอมาอยู่กรุงเทพฯ หลายๆ อย่างมันแตกต่างจากที่เราโตมา ก็อยากกลับบ้าน”

ลานนาเกิดที่เชียงใหม่? “เกิดที่กรุงเทพฯ แต่ว่าโตที่เชียงใหม่”

ตอนนั้นไม่มีใครไม่รู้จักเพลงนี้ ทำไมถึงออกจากวงการ? “ถามว่าตั้งใจจะออกจากวงการมั้ย มันก็ไม่ใช่ แต่มันถึงจุดที่ว่าพองานมันน้อยลง เราก็คิดตัดสินใจกลับไปอยู่บ้านดีกว่า เพราะในใจเราคิดว่าต้องการกลับไปเติมอะไรบางอย่าง”

แต่คนเขาไปลือกันว่าลานนาออกจากวงการเพราะว่าอ้วน ตอนที่ทำอัลบั้มน้ำหนักเท่าไหร่? “ตอนนั้นประมาณ 75 น้ำหนักนาน้อยที่สุดตอนอายุ 16 ตอนนั้นประมาณ 62 แต่ว่าออกจากวงการเพราะว่าอ้วนมั้ย คือจริงๆ ไม่ใช่อยู่ดีๆ ตื่นมาแล้วจะอ้วน มันก็ไม่ใช่ ด้วยระยะเวลามันก็เพิ่มไปเรื่อยๆ ถามว่าออกจากวงการเพราะอ้วนมั้ย มันก็ไม่ใช่”

เรารู้สึกเปรียบเทียบไหมว่าทำไมเรารูปร่างไม่เหมือนเพื่อนคนอื่นในวงการ? “มีอยู่แล้ว เพราะว่าเป็นลูกครึ่ง ก็คิดว่าตัวเองเป็นคนเจ้าเนื้อ ตอนนั้นที่ออกอัลบั้มก็ยังมีไปดูดไขมันเลย เพราะรู้สึกว่าใหญ่ ก็คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาของผู้หญิง”

มันเป็นแผลในใจเราไหม เราเทียบกับคนอื่น เรารูปร่างไม่เล็กเหมือนคนอื่นเขา? “มันเป็นปมมาตั้งแต่ตอนเด็กแล้ว เรียนหนังสือมาจะถูกล้อมาตลอดว่าอ้วน มันก็เลยคิดอยู่เสมอว่าอ้วน”

มันรู้สึกขนาดไหน เราร้องไห้เลยไห้เลยไหม? “ช่วงแรกๆ ไม่เข้าใจ ด้วยวัฒนธรรมที่มันแตกต่างกันด้วยก็จะร้องไห้คุยกับแม่ ก็จะคิดว่าทำไมคนใจร้ายจังเลย แม่ก็จะคอยบอกตลอดมันเป็นเรื่องธรรมดาลูก คนไทยเขาไม่ถือกัน”

คำไหนที่เราฟังแล้วรู้สึกว่าเป็นการบูลลี่ แล้วบีบใจเรามากที่สุด? “มันหลายอย่าง แล้วก็หลายครั้งที่มันก็เจ็บ แต่ว่าจำไม่ได้ เพราะเลือกที่จะไม่จำมากกว่า”

เราคิดว่าเป็นนักร้องทำไมต้องผอม เป็นนักร้องไม่ได้เป็นนางแบบ? “ค่ะ”

อะไรที่ทำให้เราคิดว่าเราต้องออกมาพูดแบบนี้? “นาไม่ได้คิดว่าจะเข้าวงการบันเทิง จู่ๆ มาเข้าวงการตอนนั้นเพราะร้องเพลง นาไม่ได้เป็นนางแบบ นาคิดว่านามีความสุขที่จะร้องเพลง”

แล้วเหตุผลจริงๆ ที่เราออกจากวงการคืออะไร? “เพราะตอนนั้นนามาอยู่กรุงเทพฯ คนเดียว แล้วต้องมาทำงานอย่างเดียว แล้วมันค่อยๆ เก็บสะสมความเครียด สะสมหลายๆ อย่าง พอมันเครียดก็เลยกลับบ้านดีกว่า”

สิ่งอะไรที่ทำให้เราเครียดมากที่สุดกับการอยู่คนเดียวในกรุงเทพฯ? “เหงาค่ะ ตอนนั้นอยู่เป็นคอนโด คือมันไม่ได้คุยกับใคร”

พอเราย้อนไปคิดถึงวันนั้นความรู้สึกมันกลับมาเลยใช่ไหม? “ใช่ค่ะ”

เราอยู่ด้วยตัวเองนานกี่ปี? “ก็ 3-5 ปี”

พอเราอยู่คนเดียวมาหลายปี อะไรที่ทำให้เราเหงาไม่ไหวแล้ว? “มันไม่รู้ทำไม กลับไปอยู่กับแม่ดีกว่า มีปฏิเสธงานบ้าง เพราะมันต้องไปหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ เดิมทีที่มีมันหมดไปแล้ว”

รู้สึกเหงา รู้สึกเศร้า จนเป็นโรคซึมเศร้าเลย? “ค่ะ ในตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่ามันคือโรคซึมเศร้า ยังไม่ได้หาหมอ แล้วเราคิดว่าคงไม่ใช่หรอก ปฏิเสธไม่ยอมรับความจริงไปสักพักนึง พอมันเกิดเหตุการณ์แรก เหตุการณ์สอง ลองไปอยู่วัดมาแล้ว มันก็ไม่ดีขึ้น”

ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่ไหน? “อยู่บ้าน อยู่ในห้อง พอกลับจากกรุงเทพฯ อยู่แบบระแวงคน คือคนเข้ามาเราก็ไม่รู้ว่าเขาจะเอาเรื่องเราไปพูดไหม เขาจริงใจไหม อะไรต่างๆ มันเกิดความระแวงก็เลยเก็บตัวอยู่คนเดียว”

ความซึมเศร้าที่เกิดขึ้นมันหนักถึงขั้นทำร้ายตัวเองเลย? “ค่ะ เคยคิดฆ่าตัวตาย คืออยากตายจริงๆ คือจะปล่อยทุกอย่างหมดแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกอาจจะเกิดจากความน้อยใจ อารมณ์ชั่ววูบ แต่ครั้งที่สองเกิดจากคำพูดของคนที่ใกล้ชิดกับเรามากระทบเรา”

มีทั้งหมดกี่ครั้ง? “3 ค่ะ แต่ครั้งที่3 ไม่ได้อยากตายนะ แค่อยากให้เสียงต่างๆ ที่อยู่ในหัวให้มันเงียบเฉยๆ”

 

มาถึงตรงนี้เราสามารถพูดมันได้ด้วยรอยยิ้ม? “เพราะมันเป็นสิ่งที่เราไม่ได้เลือกที่จะเป็น คืออาการป่วยนี้ไม่ใช่กินยาเม็ดเดียวแล้วจะหายได้ สิ่งที่เคมีมันไม่สมดุล มันคืออาการป่วยที่ต้องการการรักษาอย่างจริงจัง ต้องทานยา ต้องพบแพทย์ และที่สำคัญเลยคนรอบข้างสำคัญมาก ถ้าเกิดนาไม่มีครอบครัว ไม่มีพี่ชาย ไม่มีเพื่อนที่น่ารักที่คอยอยู่เคียงข้าง นาก็คงผ่านมาไม่ได้”

ความรู้สึกครั้งแรกที่อยากฆ่าตัวตาย มันเป็นเรื่องอะไร? “ส่วนใหญ่ที่ผ่านมา นาคิดฆ่าตัวตายคือเรื่องครอบครัว คุยกับแม่ไม่ค่อยรู้เรื่อง บวกคำพูด สื่อเล่นประเด็นต่างๆ มันสะเทือนใจ”

แล้วอะไรมันคือฟางเส้นสุดท้ายที่บอกว่าฉันอยู่ไปไม่ไหวแล้ว? “นาคิดว่าอารมณ์แบบอยู่คนเดียว อารมณ์ที่เรารู้สึกว่าเราเดียวดาย ครั้งแรกเป็นความรู้สึกที่มันเดียวดายมาก ก็กินยาทั้งพารา ทั้งยานอนหลับกินหมด”

เราวางแผนไว้ด้วย? “ก็ประมาณนึง ตอนนั้นอายุ 20 ต้นๆ ได้มั้ง ครั้งที่สองน่าจะเป็นเรื่องของอารมณ์ เหมือนเราจัดการอารมณ์ไม่ได้ แล้วบวกกับคนใกล้ตัวพูดจากระแทกความรู้สึกเรา ก็เลยคิดว่าไม่รู้จะอยู่ทำไมแล้ว”

ห่างกันนานไหม ครั้งแรกกับครั้งที่สอง? “ไม่ถึง 2 ปี”

บางคนสงสัยว่ามันเป็นเรื่องอกหักไหม หรือเป็นเรื่องครอบครัว? “มันเป็นเรื่องในครอบครัว พี่ชายกำลังจะกลับมาจากต่างประเทศ แล้วแม่ก็พูดบางอย่างที่ คือเราก็รู้นิสัยแม่เราว่าเขาเป็นยังไง แต่ ณ ตอนนั้นเราก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจ แล้วก็สื่อสารกันไม่รู้เรื่อง ตอนนั้นแม่ก็พูดว่าทำไมต้องทำอะไรโง่ๆ”

ถ้ามองย้อนกลับไปวิเคราะห์ได้ไหมว่าเป็นสิ่งที่มากระทบเรา หรือเกิดจากตัวเรา? “ในชีวิตนาเวลามีอะไรเกิดขึ้น นาจะโทษตัวเองตลอด เป็นเพราะเราทำ เป็นเพราะเราไม่มีค่า แต่ว่ามันเป็นมุมมองที่มันไม่ใช่ ทุกอย่างโลกมันไม่ได้หมุนรอบตัวเรา ล่าสุดที่นาพยายามฆ่าตัวตายก็คือเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ซึ่งตอนนั้นทะเลาะกับแฟน อย่างที่บอกมันมีเสียงในหัวเยอะมาก บอกให้เราทำนู่น ทำนี่ แล้วเราก็เลยอยากให้มันเงียบ และวิธีเดียวที่ทำให้มันเงียบได้ ก็คือทำร้ายตัวเอง”

ครั้งที่3 เราใช้เป็นวิธีอะไร? “พี่ชายพาไปหาหมอ พี่ชายบอกว่าอาการแบบนี้มันไม่ใช่แล้ว เพราะว่าแฟนเก่าพี่ก็ป่วยอยู่ พี่ก็เลยมีประสบการณ์อยู่ระดับนึง พี่ก็เลยบอกว่าต้องไปหาหมอนะ ก็เลยไปพบหมอ คือมันไม่ใช่รักษาแป๊บๆ แล้วหาย ก็คืออาจจะต้องกินยาไปจนตายก็ไม่เป็นไร จริงๆ เราไม่ได้ผิดปกติ เพียงแค่ว่าเราป่วย พอได้ยามาทานมันทำให้เคมีมันบาลานซ์ อารมณ์มันไม่สวิง”

ครั้งแรกที่กินไปมันเจ็บไหม ความรู้สึกสุดท้าย และความรู้สึกที่ได้กลับมามันเป็นยังไง? “ครั้งแรกเหมือนหลับๆ ไป แล้วรู้ตัวอีกทีคือเขาสวนท่อ ล้างท้อง ถามว่าเจ็บไหม ก็นิดหน่อย แต่เซ็งมากกว่าที่ยังอยู่ เพราะเราทำไม่สำเร็จ”

พอเราตื่นมาไม่มีใครอยู่ข้างๆ เราเลย? “ไม่มีค่ะ”

พอมาครั้งที่สองใช้มีดกรีดข้อมือ? “ค่ะ ก็เย็บประมาณ 8 เข็ม แล้วเพื่อนมาเจอในห้อง”

ตอนนั้นหมดสติไปเลยไหม? “ค่ะ กรีดลึกเกือบตัดเส้นเลือด”

เจ็บไหม? “ตอนนั้นไม่เจ็บ ความเจ็บที่มันเกิดขึ้นมันอยู่ข้างในมากกว่า”

อยากรู้ความรู้สึกก่อนที่จะลงมือกรีด? “มันพีก อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน เราจะหายไปคนนึงมันก็ไม่แตกต่างอะไร”

ตอนนี้ยังมีความคิดอย่างนี้อยู่ไหม? “ตอนนี้ไม่ได้อยากตาย ไม่ได้อยากตายมานานแล้ว เพียงแต่ว่า มันเป็นอาการจัดการกับอารมณ์ตัวเองไม่เป็น ตอนนี้ต้องดูแลในเรื่องของอารมณ์เฉยๆ ว่าพออารมณ์มันพีกทำยังไงเพื่อให้มันลดลงมา ก็ต้องให้คนรอบข้างช่วย”

มีไหมที่เราจะได้เดินไปเคลียร์กับคนในครอบครัว? “สำคัญมากเลย ทีแรกที่นาทำร้ายตัวเอง หรือพยายามฆ่าตัวตาย แม่ไม่เข้าใจ คนยุคนั้นอาจจไม่รู้จักกับโรคนี้ เขาก็รับมือกับมันไม่ได้ อย่างรอบล่าสุดพี่ที่สนิทกันเขาก็อธิบายให้แม่ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น แม่ก็ถามว่าควรทำยังไงดี แม่ก็อยากจะช่วย นาก็จะบอกแม่วันนี้ลูกดาวน์มากเลย ลูกแย่มากเลยวันนี้แม่ก็จะเดินเข้ามาหาแล้วก็เข้ามากอด แล้วก็บอกว่าไม่เป็นไรนะลูก เดี๋ยวมันก็ดี และทุกอย่างเปลี่ยน ไม่ใช่แค่แม่อย่างเดียว ตอนนี้เรามีพี่ชาย แล้วก็มีเพื่อนที่เป็นเพื่อนแท้ เพื่อนที่รักเราจริงๆ คอยอยู่เคียงข้างเรา”

เวลาเราดาวน์ เรากอดแม่ ความรู้สึกนั้นเป็นยังไง? “ปลอดภัย เขาเข้าใจเรา เราไม่ต้องมาเก็บกด ไม่ต้องมาเฟกเหมือนว่าไม่เป็นอะไร แต่จริงๆ เราเป็น”

อยากจะบอกอะไรกับคนที่มีเสียงอยู่ในหัว เหมือนที่เราเคยเป็นไหม? “ใครที่อาจจะมีอะไรที่คล้ายๆ กัน ว่าคุณไม่ได้ตัวคนเดียว ยังมีอีกหลายๆ คนที่เป็นเหมือนกัน แล้วทุกอย่างต้องดีขึ้น ขอให้รักตัวเอง”

มีอะไรอยากจะพูดกับคุณแม่ พี่ชาย คนในครอบครัวไหม? “ไม่รู้จะขอบคุณยังไงแล้ว ขอบคุณที่อยู่เคียงข้าง แล้วก็ให้ความรัก”

มีอะไรอยากจะบอกกับทุกคนไหมที่บอกว่ามาแชร์แบบนี้จะโอเคไหม? “คือจริงๆ การมาออกรายการแล้วมานั่งร้องไห้เนี่ยจริงๆ ก็ไม่ได้สนุกนะคะ แค่อยากให้คนที่กำลังเผชิญสิ่งที่คล้ายๆ กันได้รู้ว่าเขาไม่ได้ตัวคนเดียว แล้วอยากให้คนที่ไม่รู้จักตัวเองได้รู้จักมากยิ่งขึ้น เผื่อจะได้ช่วยเหลือคนอื่นที่ใกล้ชิดตัวคุณบ้าง ก็อยากจะแชร์เผื่อมันเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นได้บ้างไม่มากก็น้อย แค่นั้นเอง”

ความรักเป็นยังไงบ้าง? “ตอนนี้หัวใจเหมือนไม่ว่าง มีแต่แมวอย่างเดียว”

ก่อนหน้านี้เคยมีแฟน? “ก็มีแล้วก็เลิก ที่เลิกส่วนใหญ่มันเข้ากันไม่ได้ คนล่าสุดคิดว่าการที่เราป่วยเป็นโรคซึมเศร้าอาจจะมีส่วนที่ทำให้เขาคิดว่าเขารับมือกับมันไม่ได้”

มันทำให้มุมมองความรักเราเปลี่ยนไปไหม? ถามว่าเข็ดไหมก็ไม่เข็ดนะคะ เพราะว่าความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม”

สเป๊กเราเป็นแบบไหน? “เขาต้องเป็นคนที่คุยกับเรารู้เรื่อง ที่สำคัญสุดมันคือความเข้ากันได้มากกว่า แล้วเราสามารถอยู่ในโลกของกันและกันได้อย่างลงตัวไหม”

เคยมีแฟนเป็นศิลปินด้วยกันไหม? “มีค่ะ เข้ากันได้ดี แต่ว่าท้ายสุดไปด้วยกันไม่ได้ เพราะว่าครอบครัว คือการเลี้ยงดูเราต่างกัน ก็เลยมีความไม่เข้าใจกันเกิดขึ้น มันก็เลยไปกันไม่ได้”

ตอนนี้ยืนยันว่าเราเปิดใจ? “ใช่ค่ะ คือเราเป็นคนเรื่อยๆ เราจะไม่เอาประสบการณ์ที่ผ่านมา มามองความรักแย่ๆ เด็ดขาด”

คลิปสัมภาษณ์ย้อนหลัง ลานนา คัมมินส์

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน