โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ ยังไม่มีกำหนดแต่ง ไบรท์ น้ำตาซึมขอทำหน้าที่ลูก
วันที่ 25 ก.พ.64 ที่ ห้องประชุม ชั้น 12 อาคารสมูทไลฟ์ ทาวเวอร์ กรุงเทพฯ คู่รัก โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร และ ไบรท์ พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ ให้สัมภาษณ์ในงาน “Max The Moment” ในฐานะพรีเซนเตอร์ยาสีฟันเดนทิสเต้ ถึงความคืบหน้างานแต่ง
หลังนักร้องหนุ่มขอแฟนสาวผู้ประกาศแต่งงานกลางรายการสด เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.ปีที่ผ่านมา รวมถึงเหตุผลเรื่องที่ทั้งคู่ตัดติดใจทำพิธีสู่ขอและพิธีหมั้นต่อหน้าคุณแม่ฝ่ายหญิงในโรงพยาบาล
ย้อนถามถึงบรรยากาศในวันที่ไปเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานกลางรายการสด? โต๋ – “เมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา ผมตั้งใจเลยว่าอยากจะไปขอไบรท์แต่งงาน เลือกวันที่ 25 ธันวาคมเพราะว่ามันเป็นวันที่มีความหมายสำหรับเราทั้งคู่ เป็นวันแรกที่เราเริ่มคบกันอย่างเป็นทางการคือวันคริสต์มาสเมื่อ 9 ปีที่แล้ว แล้วที่รายการด้วย เลยอยากไปขอเขาที่ที่ของเขา
หลายคนเคยถามว่าทำไมไม่ไปขอบนคอนเสิร์ตล่ะ ถ้าเป็นศิลปินต้องขอบนคอนเสิร์ตสิ ผมรู้สึกว่าเราควรจะไปขอผู้หญิงในที่ที่เขาสวยที่สุดเลยก็คือที่ที่เป็นบ้านของเขา ก็คือที่รายการเรื่องเล่าฯ นั่นเอง แล้วไปขอบคุณแฟนเพลงแฟนข่าวที่ติดตามเพราะทุกคนคงเห็นคู่เรามาตั้งแต่วันแรกเมื่อ 9 ปีก่อนครับ แล้วอยากจะไปขอทุกท่านด้วยว่าเราจะแต่งงานกันแล้วนะ”
“แล้วพอวันที่ 2 มกราคมปีนี้ เราเลยจัดเป็นงานพิธีสู่ขอและพิธีหมั้นเล็กๆ ในครอบครัวกันเองที่โรงพยาบาล ผมอยากให้คุณแม่ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียงอยู่เห็นและมั่นใจว่าลูกสาวจะมีคนดูแล รวมถึงให้คุณแม่ได้อวยพรด้วย มันเป็นสิ่งที่มีความหมายมากๆ สำหรับเราทั้งคู่และครับครัวของเราครับผม”
แววตาสีหน้าของคุณแม่ในวันนั้นเป็นอย่างไรบ้าง? ไบรท์ – “จริงๆ ช่วงนั้นถ้าย้อนไปคุณแม่ก็จะตื่นไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ เนื่องจากว่าตัวโรคก็ต้องระงับอาการปวดด้วยมอร์ฟีน ซึ่งจะทำให้หลับเยอะ แต่ว่าเช้าวันนั้นคุณหมอให้ยากระตุ้นก่อนหนึ่งวัน เพื่อให้การรับรู้คุณแม่ดีขึ้น
ซึ่งเช้าวันนั้นเราก็ลุ้นกันอยู่ว่าเช้านี้แม่จะตื่นมาสดชื่นหรือเปล่า เพราะว่าคืนนั้นก็ได้ยานอนหลับไปอีกด้วย แต่ปรากฏว่าเช้าวันนั้นไบรท์ว่าด้วยความเป็นแม่แล้วเราไปบอกเขารับรู้ได้ว่าวันนี้มันจะมีอะไรเกิดขึ้น ไบรท์ว่าวันนั้นเขาฮึบมากนะ เพราะไบรท์กับแม่สนิทกันมาก ฮึบเพื่อที่อย่างน้อยมีแรงที่จะได้อวยพรลูก(เสียงสั่นเครือและนิ่งไปพักหนึ่ง)
ซึ่งวันนั้นเราใช้เวลาไม่นานเลยค่ะ เพราะว่าคุณแม่จะเหนื่อยมาก ไม่เกินครึ่งชั่วโมงเป็นอันเสร็จสิ้น คุณหมอก็ถามว่าคุณแม่ ว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง วันนี้ลูกสาวจัดงานต่อหน้าคุณแม่เลย แม่ก็บอกว่าดีใจ ได้ทำหน้าที่สุดท้ายแล้ว(เสียงสั่น น้ำตาคลอ และนิ่ง) ซึ่งโดยส่วนตัวไบรท์ดีใจที่มันเกิดขึ้น เพราะจากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ ถ้าพูดกันตรงๆ ก็คือการรับรู้มันก็น้อยลงตามลำดับของคุณแม่”
ในฐานะลูก ถือว่าเราคอมพลีตแล้วไหมกับวันนั้นที่มันเกิดขึ้น? ไบรท์ – “ไบรท์ว่าอย่างน้อยเนี่ย แม่เขาได้รับรู้ว่าต่อไปไบรท์จะมีคนดูแล แม่ไม่ต้องห่วง จะมีโต๋ มีครอบครัวของโต๋ มีคุณพ่อคุณแม่ที่จะมาดูแลไบรท์เพิ่ม เพราะว่าไบรท์กับแม่คือสนิทกันมากค่ะ เหมือนกับเป็นคนละครึ่งกันของชีวิตเลย(เสียงสั่น)
ดังนั้นไบรท์ว่าแม่เขาก็คงคิดว่ามันจะหนักมาก ถ้าเขาจะไม่อยู่ ไบรท์ก็รู้สึกว่าแม่น่าจะสบายใจมากขึ้น เพราะว่าพอหลังจากนั้น ช่วงที่เขายังสื่อสารได้ ไบรท์ก็ถามเขาว่า เขาเป็นห่วงอะไรไบรท์ไหม เขาก็ส่ายหัว ว่าเขาไม่มีอะไรเป็นห่วง”
วันนั้นได้บอกอะไรกับแม่ของไบรท์บ้าง? โต๋ – “วันนั้นก็อย่างที่ทุกคนคงเคยดูนะครับ ผมตั้งใจบอกกับคุณแม่เลย แล้วก็ตั้งใจให้คุณพ่อคุณแม่ของผมไปด้วย เพราะว่าอยากให้คุณแม่มั่นใจเลยว่า ผมและครอบครัวผมจะรักไบรท์จะดูแลไบรท์เหมือนลูกสาวคนหนึ่งเลยครับ ผมบอกคุณแม่ว่าคุณแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะดูแลไบรท์ อยู่ข้างๆ ไบรท์ตลอด
เหมือนที่คุณแม่จะอวยพรเราประจำ อยากให้คุณแม่ได้เห็น อยากให้คุณแม่ได้ยินด้วยตัวเองครับ แล้ววันนั้นมันก็มีความหมายมาก ผมยังจำแววตาที่คุณแม่ยิ้มรับให้ผมได้ มันเป็นสัญญาที่ผมให้สัญญาไว้แล้ว แล้วผมก็ทำตามทุกๆ อย่าง”
อันนี้ก็คือเหตุผลที่เราเลือกไปจัดงานที่โรงพยาบาลใช่ไหม? โต๋ – “ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันผ่านการปรึกษา ผ่านการขออนุญาตกับคุณหมอหมดแล้วครับ เอาจริงๆ แล้วแพลนแต่งงานของผมทุกอย่าง ผมแพลนไว้กลางปีนี้ครับ เราคิดว่าเราจะทำกลางปีนี้ครับ แต่ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว พอคุณแม่ของไบรท์ไม่สบายหนัก คุณหมอก็พูดกับผมว่าถ้าอยากจะทำอะไร ควรรีบนะครับ ผมเลยเลื่อนทุกๆ อย่างมา จากตอนแรกนึกว่าจะเป็นกลางปีนี้ก็เลื่อนมาเร็วขึ้นหมดเลย เพราะสิ่งที่สำคัญก็คือมันไม่ใช่แค่ตัวเราอย่างเดียว เราอยากให้คุณแม่เขาได้เห็น ว่าไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะดูแลลูกสาวเขา”
ตอนนี้ได้ฤกษ์ที่แน่นอนแล้วหรือยัง? โต๋ – “พอเสร็จงานหมั้นผมวางแผนไว้ว่าเราจะจัดงานกันปลายปี แต่ตอนนี้ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมามันเป็นช่วงเวลาที่หนักสำหรับเราทั้งคู่เพราะว่าคุณแม่ไบรท์ไม่สบายหนัก ไบรท์ต้องดูแลคุณแม่ ต้องทำงานด้วย เราก็พยายามอยู่ข้างๆ กันตลอด
แล้วเมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมาผู้จัดการผมก็มาเสียกะทันหันด้วยก็พยายามอยู่ข้างกัน พยายามปลอบใจกันตลอดว่ามันจะต้องเดินผ่านช่วงนี้ไปนะ เลยไม่มีเวลานึกถึงเลยว่าเราจะจัดเมื่อไหร่ เราจะหาฤกษ์เมื่อไหร่ จะแพลนเมื่อไหร่ เรื่องนั้นยังเป็นเรื่องรองอยู่เลยครับ เพราะว่าตอนนี้ทุกอย่างในชีวิตมันเยอะมากๆ ที่ต้องจัดการครับ”
ณ วันนี้ถือว่าหนักทั้งคู่? โต๋ – “ณ วันนี้ก็เป็นช่วงที่หนักสำหรับเราทั้งคู่ครับช่วงนี้ต้องประคับประคองอยู่ด้วยกันครับ ให้กำลังใจกันทุกวัน เรื่องงานฉลองเอาไว้ก่อนครับ ไว้พร้อมเมื่อไหร่ก็เดี๋ยวค่อยบอกครับ”
จะมีจดทะเบียนก่อนไหม? โต๋ – “ตอนนี้ยังไม่ได้คิดอะไรสักอย่างเลยเพราะว่าไม่มีเวลาคิด ไม่มีเวลาทำอะไรเลยครับ เพราะว่าอย่างที่บอกมันหนักกัน แล้วมาพร้อมกันในช่วงเวลานี้”
ไบรท์ – “คือโฟกัสของไบรท์ตอนนี้อยู่ที่คุณแม่เป็นหลักเลย เดี๋ยวจบงานเนี่ยก็จะไปที่โรงพยาบาล ปกติที่ไปอ่านข่าวตอนเช้าอ่านเสร็จก็ไปโรงพยาบาลทุกวัน เสาร์-อาทิตย์ด้วย พยายามจะใช้เวลากับเขาให้ได้มากที่สุด เรื่องอื่นๆ เลยคุยกันว่าเดี๋ยวค่อยว่ากัน เอาตรงนี้ให้มันดีที่สุดก่อน แล้วก็พอดีโต๋มามีเรื่องของพี่วิด้วยก็เลยต้องค่อยๆ ประคับประคองกันไปค่ะ”
ขอบคุณรูปจากไอจี : bright_ch3