อัลเบน่า แอพเพีย นางงามสหรัฐฯ เด็กผิวสีถูกบูลลี่ สู่ตำแหน่งมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล 2020

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

“การได้ตำแหน่งนี้มีความหมายกับฉันมาก เพราะตั้งแต่อายุ 3 ขวบ ฉันถูกกลั่นแกล้งเพราะรูปลักษณ์ภายนอก พวกเขาตัดสินว่าฉันไม่เข้ากับมาตรฐานความงามในสังคม นั่นทำให้ฉันกลัวว่าฉันจะไม่สามารถไปถึงจุดสูงสุดได้ แต่ฉันพยายามอย่างยิ่งไปเรื่อยๆ ฉันพบว่ามีเด็กหญิงจำนวนมากที่เป็นเหมือนฉัน และพวกเขาเฝ้ามองฉันอยู่ ดังนั้นฉันจึงไม่ยอมแพ้ เพราะถ้าฉันยอมแพ้ พวกเขาก็อาจยอมแพ้เหมือนฉัน เด็กผู้หญิงเหล่านี้สูญเสียการนับถือในตนเอง เพราะพวกเธอถูกกลั่นแกล้งในโรงเรียน”

คำให้สัมภาณ์เปิดใจของ อัลเบน่า แอพเพีย สาวงามจากสหรัฐอเมริกา ในระหว่างเข้าเยี่ยมเยียนและของคุณ “ข่าวสด” พร้อมกับรองทั้ง 4 ภายหลังค้าตำแหน่งมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล 2020 โดยเธอเป็นมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล ผิวสีคนแรกของเวทีนี้

อัลเบน่า แอพเพีย

อัลเบน่า กล่าวต่อว่า “ไม่เห็นจะเป็นปัญหาเลยที่เรามีหน้าตาแบบนี้และเป็นตัวของตัวเอง เรางดงามได้ไม่ว่าเราจะสีผิวแบบไหน ผมสีอะไร หรือเรามาจากไหนก็ตาม เราทุกคนสวยงามในแบบที่ตนเองเป็น ดังนั้นตำแหน่งนี้จึงมีความหมายกับฉันมาก ฉันรู้สึกเป็นเกียรติและมีความสุขมาก ฉันหวังว่าตำแหน่งนี้จะสร้างประโยชน์ให้ชีวิตของผู้คนและสร้างความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีได้”

อัลเบน่า เกิดที่กานา เธอเป็นสาวลูกครึ่งกาน่า-สหรัฐอเมริกา บิดาเป็นชาวอเมริกัน เธอย้ายมาอยู่ที่สหรัฐฯ ตอนอายุเกือบ 4 ปี เธอเล่าว่าตอนอยู่มัธยมปลายมักจะถูกล้อเลียนลักษณะของเส้นผม รวมถึงสีผิว คำพูดต่างๆ น่าเจ็บปวด ทุกวันนี้ก็ยังไม่หยุด ยังมีผู้คนที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นเชิงล้อเลียนในอินสตาแกรมของฉัน แต่ฉันรู้ดีว่าฉันพอใจในสิ่งที่ตนเองเป็น ฉันจะไม่เปลี่ยนตัวเองให้เป็นอย่างอื่นเพียงเพราะคำพูดล้อเลียนเหล่านี้

“อยากบอกผู้หญิงทั่วโลกว่าพวกเธอดีอยู่แล้ว ลองมองในกระจกแล้วพูดว่าฉันสมบูรณ์แบบ ฉันเป็นคนสำคัญและมีพลัง และจะไม่มีคำพูดใดมากระทบฉันได้ คำเหล่านี้ฉันบอกตัวเองเสมอ และทำให้ฉันก้าวเดินต่อไปในชีวิตได้” อัลเบน่า ทิ้งท้าย

ภายหลังคว้าตำแหน่ง อัลเบน่าเผยถึงสิ่งที่จะทำต่อไปว่าอยากเสริมสร้างและพัฒนาความมั่นใจในตนเองให้เด็กผู้หญิง ตระหนักว่าชีวิตคนผิวดำก็มีค่า รวมถึงกระแสต่อต้านคนเอเชีย ความเหลื่อมล้ำและความรุนแรงในสังคม

สาวงามจากสหรัฐคนนี้เธอพูดไทยได้บ้าง เธอบอกว่าฉันให้ความสำคัญกับวัฒนธรรม จึงชอบปรับตัวเข้าไปอยู่กับผู้คนต่างวัฒนธรรม เมื่อฉันเดินทางมาที่ไทยอยากมั่นใจ จึงไปเรียนภาษากับครูภาษาไทยนาน 4 เดือน ผ่านโปรแกรมสไกป์ เธอเคร่งครัดมาก ฉันจึงเรียนทุกอย่างตั้งแต่ตัวอักษร ตัวเลข ไปจนถึงโครงสร้างประโยค ภาษาไทยเรียงคำสลับกับภาษาของฉัน เช่น คำว่าซี-ฟู้ด (Sea-Food) ไทยจะเรียกว่าอาหาร-ทะเล

อัลเบน่า กล่าวเป็นภาษาไทยปิดท้ายว่า “พวกเราอาจจะมีศาสนา วัฒนธรรม หรือสีผิวที่แตกต่างกัน แต่พวกเรารู้ว่าข้างในเราเหมือนกัน ถึงเวลาแล้วที่พวกเราทุกคนควรได้รับสิทธิ์และการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน”

ด้าน ซาแมนต้า เบอนาโด้ รองอันดับ 1 สาวงามจากฟิลิปปินส์ เผยว่าการประกวดนี้เป็นทั้งการประกวดครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของฉัน เพราะในปีถัดไปฉันจะอายุเกินเกณฑ์ที่กำหนด ดังนั้นการประกวดของฉันในครั้งนี้จึงเป็นเหมือนการเฉลิมฉลองความเป็นผู้หญิง เอกภาพ และสันติสุข เวทีนี้นำสาวงามจากทั่วโลกมารวมตัวกันเพื่อส่งเสริมสันติสุขแก่โลกและเอาชนะโรคระบาดไปด้วยกัน ขอบคุณความรักและการสนับสนุนที่มอบให้

มาที่ อิวานน่า บาทเชอลอว์ นักเต้นฟลามิงโกอาชีพ มิสแกรนด์ กัวเตมาลา รองอันดับ 2 กล่าวว่า ฉันอายุน้อยที่สุดในรอบ 5 คนสุดท้าย และได้รับรางวัลชุดประจำชาติ ฉันภูมิใจและมีความสุขมากที่ได้อยู่ที่นี่ ฉันก้าวข้ามความไม่มั่นใจและอีกหลายอย่างที่บางคนเคยพูดว่าฉันจะทำมันไม่ได้ วัฒนธรรมไทยกับกัวเตมาลาคล้ายคลึงกันอย่างน่าประหลาด

“ตอนแรกฉันรู้สึกกลัวมากเพราะเป็นครั้งแรกที่เดินทางออกนอกทวีป กังวลว่าจะไม่ได้รับการต้อนรับ แต่พอมาถึงที่นี่ทุกคนทำให้ฉันรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน อาหารไทยหลายอย่างคล้ายกับอาหารดั้งเดิมของกัวเตมาลา หลายอย่างที่นี่ทำให้ฉันประหลาดใจมาก เช่น วุ้นมะพร้าว ในช่วงอายุ 13 ฉันมีภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวลรวมถึงคิดฆ่าตัวตาย ฉันจึงอยากใช้เวทีนี้ส่งเสริมเรื่องสุขภาพจิต” อิวานน่า กล่าว

อีกหนึ่งสาวงามจากอาเซียน ออร่า คาริสม่า มิสแกรนด์ อินโดนีเซีย รองอันดับ 3 เธอเล่าว่าก่อนประกวดนางงามฉันเป็นนางแบบอาชีพตั้งแต่อายุ 14 ปี นี่จึงเป็นครั้งแรกของฉัน เพราะฉันอยากสำรวจชีวิตของตนเอง ฉันได้เจอผู้หญิงแสนสวยหลายคนที่นี่ และในท้ายที่สุดฉันก็เข้ารอบ 5 คนสุดท้าย ทุกคนให้กำลังใจฉันมาโดยตลอด ขอบคุณมาก ฉันได้รับการสนับสนุนทุกๆ อย่างจากแฟนคลับ ทำให้รู้สึกไม่โดดเดี่ยว

ปิดท้ายที่ ลาล่า เกส มิสแกรนด์ บราซิล รองอันดับ 4 พ่วงด้วยรางวัลชุดว่ายน้ำยอดเยี่ยม เธอเป็นนักศึกษาแพทย์ เล่าว่าชอบออกกำลังกายตั้งแต่เด็ก เมื่อเข้าประกวดจึงต้องมีหุ่นที่ผอมเพรียวกว่าเดิม และลดกล้ามเนื้อลง การเดินทางไปในที่ต่างๆ ทำให้การบริโภคอาหารเปลี่ยนไป จึงต้องควบคุมอาหารมากขึ้น แต่สิ่งที่ยากคือฉันชอบอาหารไทยมาก โดยเฉพาะข้าวเหนียวมะม่วง ที่บราซิลมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมาก เราขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ แม้เราจะทำทุกอย่างแล้ว แต่เป็นไปไม่ได้ที่เราจะช่วยชีวิตได้ทุกคน ฉันเลือกเรียนแพทย์ เพราะเชื่อว่าเป็นอาชีพที่มอบความหวังให้แก่ชีวิตของผู้คน ฉันจะไม่ให้ความรู้สึกเหล่านี้มาทำให้ฉันท้อแท้ อยากให้ทุกคนทำตามมาตรการป้องกันการระบาด เราจะก้าวผ่านไปด้วยกัน

เรื่องโดย : เอสรี ไทยตระกูลพาณิช, ภัคจิรา กีรติวิบูลย์วงศ์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน