หลังเพิ่งจัดงานวิวาห์รอบสองกับสาวนอกวงการ แอน-ภัททิรา รุ่งโรจน์ อย่างเรียบง่ายเป็นการภายใน บริเวณหาดคุ้งวิมาน ล่าสุดวันที่ 11 พ.ย. พระเอกหนุ่ม ‘ชาคริต แย้มนาม’ ก็ได้มาปรากฏตัวในงาน Grand Opening Chocky Brownie & Dainut by High Products Center ที่ชั้น 2 ห้องรัชดาภิเษก บาซาร์ โฮเต็ล บางกอก

โดยชาคริตเผยถึงงานวิวาห์ที่ผ่านมาว่า “ขอบคุณญาติพี่น้อง ขอบคุณเพื่อนสนิททุกคนที่เราเชิญแล้วไป ต้องขับรถ 3 ชั่วโมงกว่า ฝนตกด้วย ไม่มีใครหวั่นเลย ขอบคุณโรงแรม ขอบคุณทุกคน ที่เตรียมอาหาร โดยเฉพาะทางญาติคุณแอนที่เตรียมอาหารทะเล เตรียมผลไม้จนถึงเช้าที่เป็นของชำร่วย และทุกคนที่เกี่ยวข้องในงาน เราเองได้เห็นรอยยิ้มของทุกคน ได้พบปะ มันเป็นงานที่อบอุ่นมากๆ แล้วทุกคนให้ความอบอุ่นกับเรา ทั้งสนุกทั้งตลก ทั้งบ้าบอ มันเป็นงานในฝันจริงๆ ที่เราตั้งใจไว้ เราคิดว่าอยากให้เป็นแบบนี้ ชีวิตมันแค่นี้แหละและต้องบอกว่าทุกๆ ฝ่าย ที่เกิดขึ้นในคืนวันนั้นกับเช้าอีกวันหนึ่ง เป็นสิ่งที่น่าจดจำ แค่นึกถึงก็จะยิ้มตลอดเวลา”

งานในวันนั้นมีโมเม้นต์ซาบซึ้งน้ำตาด้วย ชาคริตกล่าวว่า “มีน้ำตาตั้งแต่ตอนเช้า คุณน้ามาผูกข้อมือให้ และเราก็ไม่รู้ว่าคุณแม่จะเดินทางไหวหรือเปล่า แต่ว่าแขกคนอื่นๆ มาแล้ว ตอนเช้าเป็นพิธีทำบุญเลี้ยงพระ เป็นประเพณีของคนชอง ต้องเซ่นผีเก่า บอกกล่าวบรรพบุรุษ ตอนเช้าเราทำเสร็จแล้ว พิธีต่างๆ ก็เริ่มแล้ว พอคุณน้าผูกข้อมือ คือคุณน้าทำเพื่อแม่ ทำหน้าที่แม่อยู่แล้ว เราก็ไม่ไหว ร้องไห้ออกมาเลย คุณแอนก็ไม่ไหวร้องเหมือนกัน เพราะรู้ว่าแม่เราป่วยขนาดไหน

ในคืนวันที่ 7 พ.ย. ก่อนที่เราเดินทางไปจันทบุรี หลังจากที่ออกรายการทางช่องวันเสร็จแล้วเราก็เข้าไปกราบคุณแม่ เราก็ให้กำลังใจว่าพรุ่งนี้เดี๋ยวเจอกัน ไปให้ได้นะ เราออกไปสักหกโมงกว่า พยาบาลก็โทร.มาบอกว่า คุณแม่ลุกขึ้นมาปั่นจักรยานจากที่ไม่ยอมพูดเลย เหมือนเขารู้สึกว่าเขาต้องพยายามทำอะไรให้ได้มากที่สุด

จนถึงวันนี้ จากที่กินข้าวไม่ยอมเคี้ยวเลย ตอนนี้พยายามตักข้าวกินเอง ลุกขึ้นมาเดิน ผมไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์ วันงานหลังจากผูกข้อมือ คุณแม่เดินทางมาถึงกลายเป็นว่าทุกคนวันนั้นที่รู้จากเราว่าคุณแม่เดินทางมาด้วยความพยายาม สมกับคำว่าแม่มีแต่ให้เนอะ

เขามาถึงทำให้ทุกคนน้ำตาไหลออกมาเอง โดยที่ควบคุมไม่ได้ มันเป็นความซาบซึ้ง ซึ่งเป็นอริยาบทที่มันแสดงออกจากร่างกายของมนุษย์ คือร้องไห้ วันนั้นมันเป็นน้ำตาแห่งความสุขจริงๆ ไม่ใช้น้ำตาแห่งความเศร้า มันเป็นความตื้นตัน เขาป่วยขนาดนี้ เนี่ยเขาเป็นมนุษย์แม่(ยิ้ม)”

เมื่อถามว่า มีคำสัญญาอะไรต่อกันไหมกับแอน ชาคริตกล่าวว่า “คงไม่ต้องมีอะไรมั้ง เรามั่นคงต่อกัน เราคบกัน เราใช้ระยะเวลามาสักพักหนึ่ง แต่เราก็อยู่ของเราเงียบๆ แต่ก็มีแต่สิ่งที่ดี เรียนรู้กัน คอยให้กำลังใจ คอยเติมเต็มให้กัน พอเริ่มตัดสินใจว่าเราควรแต่ง ทำเป็นเรื่องเป็นราว จะต้องบอกผู้ใหญ่และทำให้มันเรียบร้อย ในระหว่างทางนั้นเราก็มีน้อง(ลูก)เข้ามา มันเป็นความโชคดีสองเด้ง เข้าไปใหญ่ เราตั้งใจที่จะทำอย่างนี้ แต่ทุกอย่างเขาเซ็ตให้ เพอร์เฟ็กต์หมดเลย ก็โชคดี”

เมื่อถามว่า คุณแม่ทราบเรื่องหลานยังไงบ้าง ชาคริตกล่าวว่า “ใช่เขาทราบ เวลาเจอแอนก็จะจับมือ เอาไปลูบท้อง หอมแก้ม คุณแอนก็ถามว่าอยากได้ผู้หญิงมั้ย แม่ก็พยักหน้าใช่ๆ แต่พอถามว่าอยากได้ลูกชายเหมือนพี่ชาคริตไหม เขาก็นิ่ง (หัวเราะ)”

ถามว่า อาการคุณแม่ดีขึ้นเพราะ คุณแอนคอยช่วยดูแล ชาคริตกล่าวว่า “ผู้ใหญ่เขามีเซ้นส์นะ ถึงเขาป่วยแต่เขาเหมือนเด็กที่จะมีเซ้นส์บางอย่างว่าใครที่อ่อนโยน หรือเขารู้ว่าคนนี้คือคนที่ใช่ แล้วทุกอย่างที่มันดีๆ ก็ตามมาหมดเลย แต่ผมก็ขอบคุณคุณแอน ครอบครัวคุณแอน ที่คอยให้กำลังใจตลอด ”

เมื่อถามว่า ล่าสุดอัลตร้าซาวนด์ได้ลูกชาย ว่าที่คุณพ่อกล่าวว่า “สรุปลูกชาย (หัวเราะ) เพิ่งทราบเมื่อวานนี้ คือจริงๆ แล้วเนี่ย มันยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะตรวจได้ แต่ด้วยคุณหมอที่มีความชำนาญมาก มันโผล่มานิดเดียวแหละ พอเห็นปุ๊บก็บอกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ผู้ชาย อีก 5 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือก็คงไม่เป็นผู้หญิง(หัวเราะ) ถ้าดูจากทรงแล้วลูกชายครับ”

ถามว่า เห็นว่ามีชื่อให้น้องแล้วด้วย ชาคริตกล่าวว่า “ก็ชื่อเล่นก่อน ชื่อโพธิ์ครับ คือเคยคิดมาตั้งแต่เด็กแล้ว จริงๆ ผมชอบชื่อโบดี้ ถ้าเขียนเป็นภาษาอังกฤษโบราณ ถ้าแปลเป็นไทยก็ต้องเป็นโพธิ์ หมายถึงต้นโพธิ์ แต่พอเป็น Bodhi มันก็เหมือนเวลาที่เราสะกดอะไรที่เป็นตัว P จะใช้ตัว B ใช่ไหม ในสมัยก่อน ถ้าโพธิ์ก็เป็นโพธิ แต่ภาษาอังกฤษก็คือโบดี้ (Bodhi) โบดี้แปลว่าต้นสาละ คือต้นที่พระพุทธเจ้าประสูติ ถ้าเป็นภาษาบาลีก็คือ Bodhisattva คือผู้ที่เจริญรอยตามคำสอนของพระพุทธเจ้าครับ แต่ถ้าเป็นเมืองนอกก็คือโบดี้ อยู่เมืองไทยก็จะเรียกโพธิ์ครับผม ส่วนชื่อจริงยังไม่บอก เดี๋ยวค่อยคิดก่อนครับ (หัวเราะ) เดี๋ยวคงต้องให้พระอาจารย์ช่วยดูครับ”

ถามว่า สมใจไหมที่ได้ลูกชาย ชาคริตกล่าว “ผมได้หมดนะ เพราะจริงๆ แล้วตอนแรกอย่างที่บอกเราก็นึกว่าจะได้ทั้งคู่ทีเดียว แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ไม่เป็นไร ถ้าเป็นผู้หญิง ค่อยทำผู้ชายใหม่ ถ้าเป็นผู้ชาย เดี๋ยวทำผู้หญิงใหม่ พูดเหมือนง่ายเนอะ (หัวเราะ) แต่พอน้องออกมาแล้วสักพัก คุยกันก็น่าจะมีต่อ อยากได้ผู้หญิงครับ”

ถามว่า แอนว่าไงบ้างที่ได้ลูกชาย ชาคริตตอบว่า “เขาพูดว่าสมใจเลยสิ (หัวเราะ) บอกทุกอย่างถูกสร้างมาให้คุณชาคริตจริงๆ แต่ผมก็บอกว่าแพ้ท้องแทนเธอแล้วนะ เพราะตอนนั้นช่วง 2 เดือนแรกจะมีเวียนหัว ถ้าทำงานเยอะๆ มันก็จะร่วง น็อกง่าย พอกินอะไรผิดนิดเดียวมันจะวิ้งเหมือนจะน็อกๆ เราก็แบบนี่คืออะไร รุ่นพี่บอกว่าเนี่ยแหละอาการแพ้ท้อง เราก็อ้าวเหรอ ส่วนเขาไม่มีอาการอะไรเลย นางแข็งแรงมาก แต่เป็นปกติที่เขาจะเดินมากแล้วเหนื่อยเร็ว เพราะน้องเขาจะดูดสารอาหารไปครับ”

เมื่อถามว่า ช่วงนี้ก็ยุ่งหนักมาก ชาคริตกล่าวว่า “ก็ทั้งคู่ครับ คือผมเองทำงานยังไม่ได้พัก เดินทางกลับมาจากลาวก็แต่งงาน แล้วไปถ่ายรายการต่ออีกวัน เมื่อวานก็ทำงานทั้งวัน ยังวิ้งอยู่เลย ตอนนี้ก็ต้องดูแลสุขภาพเราเป็นหลัก เพราะสุขภาพของเราก็ส่งผลไปถึงน้องโดยเฉพาะคุณแม่ ตัวผมเองถ้าป่วยก็ดูแลเขาไม่ได้ กลายเป็นเขาเหนื่อยคนเดียวอีก มันก็ไม่ได้ มันต้องไปกันหมดทั้งแพ็คครับ”

ถามว่า กำหนดคลอดประมาณเมื่อไหร่ ชาคริตกล่าวว่า “โห น่าจะประมาณเดือน พ.ค.ปีหน้าโน่นครับ ถามว่าจะผ่าคลอดหรือคลอดเอง คุยกับคุณหมอเหมือนกันว่าอะไรดีกว่า แต่คุณหมอบอกว่าด้วยยุคนี้เขาก็เลือกผ่าเอาง่ายกว่า แต่ผมเชื่อว่าผู้หญิงทุกคนก็คงอยากจะคลอดธรรมชาติ แต่คุณหมอบอกว่าตอนนี้ยังพูดไม่ได้ ต้องดูมอนิเตอร์อาการไปเรื่อยๆ แอนเขาเป็นคนแข็งแรงมาก แต่ต้องยอมรับว่าด้วยอายุ ถึงหน้าเขาจะเด็ก แต่ด้วยวัยมันก็ไป ตอนนี้ออกกำลังกายไม่ได้ด้วย สิ่งที่เขาอยากที่สุดคือออกกำลังกาย ซึ่งต้องคอยระวัง ต้องดูด้วยว่าออกอะไรได้หรือไม่ได้ครับ ต้องคอยดูแลตัวเองอยู่เรื่อยๆ พอถึงเวลาหมอก็บอกว่าต้องดูความแข็งแรง เพราะการคลอดมันไม่ใช่แค่อุ้มท้อง 9 เดือนแล้วคลอด บางทีก็มีอันตรายความเสี่ยงต่อตัวคุณแม่มากพอสมควรเหมือนกัน ฉะนั้นต้องคอยดูเรื่อยๆ อย่างใกล้ชิด”

มีดูฤกษ์คลอดไหม “ไม่ครับ ผมเป็นคนเอาฤกษ์สะดวก มันยากไปไหมที่จะต้องไปดูว่าต้องคลอดวันนี้เวลานี้ เราอาจจะได้เขาในแบบที่เราอยากได้ แต่เขาอาจจะไปเสียในสิ่งอื่นที่เราไม่รู้ก็ได้ อย่างมีคนถามว่าอยากได้ผู้หญิงหรือผู้ชาย บางทีมันเลือกจากข้างนอกไงถูกปะ ฉะนั้นเขาเป็นยังไงเขาก็ลูกเรา ก็เลี้ยงเขาให้ดีที่สุด ให้เขาเป็นคนที่ดีที่สุดดีกว่า”

ตอนนี้แอนปรับตัวได้หรือยัง เพราะคนจับจ้องเขาเยอะ ชาคริตกล่าวว่า “เขาจะช็อกอยู่ ยังงงอยู่ เพราะในอินสตาแกรมในเฟซบุ๊กคือตกใจมากถึงขั้นปิดเฟซบุ๊กไปประมาณ 2 วัน เขาก็บอกว่าพี่ มันเกิดอะไรขึ้นกับหนู ตอนแรกคนตามอยู่ 100 กว่า คราวนี้มีคนมารีเควสท์เยอะเลย เขาก็ยังไม่ได้รู้สึกว่าเขาเป็นใครที่คนจะต้องมาสนใจ เขาก็รู้สึกว่าเขาก็เป็นผู้หญิงธรรมดาคนนึงที่กำลังทำหน้าที่คุณแม่ที่ดีที่สุด ทำหน้าที่ภรรยาที่ดีที่สุด เขาน่ารักมาก เขาเป็นคนโคตรติดดินเลยครับ (หัวเราะ)”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน