อี๊ฟ พุทธธิดา แชะภาพพร้อมหน้าครอบครัว หลัง ต้อย เศรษฐา กลับมากักตัวที่บ้าน พร้อมอัพเดตอาการคุณพ่อ เผยอีก 10 วันรอตรวจซ้ำ

ได้รับการอนุญาตจากคุณหมอให้กลับมากักตัวที่บ้านได้แม้จะยังมีเชื้อโควิดอยู่ สำหรับนักแสดงอาวุโส ต้อย เศรษฐา ศิระฉายา โดยมี อี๊ฟ พุทธธิดา ลูกสาวรับหน้าที่บริหารจัดการดูแลและแยกตัวคุณพ่อออกจากคนอื่นในบ้านอย่างเคร่งครัด

 

ดูโพสต์นี้บน Instagram

 

โพสต์ที่แชร์โดย Yves Sirachaya (@yvessirachaya)

ล่าสุด อี๊ฟ พุทธธิดา ได้โพสต์คลิปกิจกรรมยามเย็นและภาพถ่ายพร้อมหน้าครอบครัวแบบมีระยะห่าง พร้อมแคปชั่นว่า “เย็นนี้…ที่บ้าน” ทำให้แฟนๆ ได้เห็น อาต้อย เศรษฐา ที่ดูแข็งแรงสดใสขึ้น นอกจากนี้ อี๊ฟ ยังอัพเดตอาการคุณพ่อให้ “ข่าวสดบันเทิงออนไลน์” ฟังด้วยว่า

“คุณพ่อตอนนี้ไม่มีอาการอะไรแล้วนะคะ ไม่ได้มีไข้ ไม่ไอ เอ็กซเรย์ปอดล่าสุดรอยที่เกิดจากโควิดก็ลดลง แต่ว่าการหายสนิทต้องใช้เวลานาน ส่วนเชื้อไม่ได้เพิ่มแล้วไม่มีการแอ๊กทีฟ ถือว่ากลับบ้านได้ เพียงแต่ว่าร่างกายยังมีเชื้อ เนื่องจากว่าพอเป็นผู้ป่วยอายุมากอาจจะกำจัดเชื้อโรคออกจากร่างกายได้ไม่ดีเท่าวัยหนุ่มสาว”

“ทีนี้ที่บางคนถามเยอะมากว่าคุณพ่อยังมีเชื้อแล้วกลับบ้านมาได้ยังไง เนื่องจากคุณพ่อไม่มีอาการที่เป็นผู้ป่วยหนักแล้ว โรงพยาบาลตอนนี้มีความจำเป็นมากที่จะต้องเก็บเตียงไว้ให้ผู้ป่วยที่ค่อนข้างซีเรียส ถ้าเรามีศักยภาพหรือมีความสามารถในการที่จะดูแลผู้ป่วยโดยที่กักเขาได้ รวมถึงมีพื้นที่ที่ไม่ทำให้เกิดอันตรายกับคนอื่นในบ้าน”

“ของอี๊ฟมีความเสี่ยงตรงที่คุณแม่เป็นเนกาทีฟ ไม่มีเชื้อ แล้วพอต้องกลับมาอยู่ด้วยกันคุณหมอก็ถามว่าเราสามารถบริหารจัดการได้หรือไม่ เราก็บอกว่าได้เพราะว่าคุณพ่อมีห้องส่วนตัวที่แยกกับคุณแม่ได้ อีกอย่างอยากให้เขากลับบ้านด้วยเพราะว่าจะได้ลดความเครียด คือพอบอกว่ายังเจอเชื้ออาจจะต้องอยู่ต่อคุณพ่อก็เริ่มงอแงแล้วเริ่มไม่ไหวเพราะคิดถึงหลานคิดถึงบ้าน เราก็เลยมาบริหารจัดการที่บ้านเราแล้วก็ปรึกษากับคุณหมอ คุณหมออนุญาตคุณพ่อก็เลยกลับบ้านได้ค่ะ”

ขั้นตอนการดูแลแต่ละวันเป็นยังไง? “บังเอิญคุณพ่อมีโรคประจำตัวด้วย ทุกวันอี๊ฟก็จะจัดยาซึ่งทำไว้แล้วเป็นแพ็กๆ แบบนี้ แยกเป็นวันเลยก็จะมีก่อนอาหารเช้า หลังอาหารเช้า ซึ่งจะเป็นเซ็ตอยู่ในนี้ แล้วในนี้ก็จะมีถุงย่อยๆ เป็นมื้อๆ อีก เพื่อความง่ายในการส่งยาขึ้นไป ตื่นเช้ามาก็จะจัดข้าวจัดยาส่งขึ้นไป โดยที่มีพี่แม่บ้านอีกคนหนึ่งจะเป็นคนที่ใส่แมสก์ใส่ถุงมือขึ้นไปวางในจุดที่เรากำหนด คุณพ่อก็จะออกมาหยิบอาหารเข้าไปทานในห้องของเขา”

“ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นประสบการณ์จากการที่เราได้ไปอยู่ Hospitel ทำให้เรารู้ว่ามันจะต้องมีถุงขยะแยก ทานอาหารเสร็จแล้วต้องเป็นอุปกรณ์ที่ใช้แล้วทิ้งเลย ทิ้งเสร็จแล้วก็มัดถุงขยะเลย จากนั้นเราก็ไปเก็บโดยการพ่นแอลกอฮอล์แล้วก็เอาถุงแดงออกมา ในห้องของคุณพ่อก่อนที่ท่านจะกลับเราก็ได้เตรียมไว้หมดแล้วทั้งน้ำดื่ม น้ำผลไม้ กระติกน้ำร้อน ชากาแฟ และเครื่องดื่มเสริมอาหาร ส่วนวิตามินสมุนไพรเราก็จะจัดขึ้นไปให้เป็นมื้อพร้อมกับอาหาร เพื่อความไม่สับสน”

“แล้วก็แยกเขาออกจากคนอื่น ซึ่งเขาก็โอเคเพราะห้องนอนคุณพ่อมีระเบียงที่สามารถจะเดินออกมารับแดดและดูคนอื่นได้ตอนช่วงเย็น เขาก็จะแฮปปี้เพราะคุยกันว่าพ่อต้องออกมาตากแดดเช้าเย็นเพื่อมารับวิตามินดี คุณหมอบอกว่าวิตามินดีมีส่วนสำคัญในการที่จะสร้างภูมิ”

สภาพจิตใจของคุณพ่อหลังจากได้กลับมาอยู่บ้านแล้วเป็นยังไงบ้าง? “แฮปปี้ค่ะ ร่าเริง แค่ได้เห็นหลานแว้บนึงก็มีความสุขแล้ว หลานก็วิ่งไปวิ่งมาอยู่ข้างล่างแล้วคุณพ่อก็ชะโงกมาดูจากระเบียงห้องนอน”

คุณหมอได้ประเมินไหมว่ากี่วันเชื้อถึงจะหมดไป หรือว่าจะรู้ได้ยังไงว่าเชื้อโควิดหมดหรือยัง? “อี๊ฟเทียบจากระยะเวลาช่วงแรกตอนที่คุณพ่อเข้าไปตรวจพบเชื้ออยู่ที่ 16 รอบ วันที่ออกพบอยู่ที่ 28 โดยหลักเกณฑ์แล้วมันจะต้องมากกว่า 40 ถึงจะเรียกว่าไม่แพร่เชื้อ แต่ที่มีคนพูดว่าจริงๆ แล้วเวลาผู้ป่วยที่หายกลับบ้านได้ไม่จำเป็นต้อง Swab เชื้อเพราะว่าเชื้อที่พบอาจจะเป็นซากเชื้อหรือเชื้อที่ตายแล้ว แต่ที่คุณพ่อต้องตรวจเพราะเราเป็นกังวล ถ้าคุณพ่อกลับมาอยู่กับอี๊ฟไม่เป็นไร เพราะเราเป็นผู้ที่ติดเชื้อมาแล้วอาจจะมีภูมิแล้ว แต่คุณแม่ไม่มีเลยเพราะคุณแม่ไม่พบเชื้อตั้งแต่แรก แล้วก็เป็นผู้สูงวัยเหมือนกัน”

“คุณหมอบอกว่ากันไว้ก่อนดีกว่า งั้นขอกักตัวพ่อก่อนอีกสักประมาณ 10 วัน เพราะดูจากระยะรอบแรกมัน 16 แล้วก็ลดลงมาถึง 28 ในช่วงเวลา 14 วัน อี๊ฟก็คิดว่าภายใน 10 วันนี้ถ้าเชื้อมันไม่แอ๊กทีฟแล้วมันน่าจะลดลงไปอีกอยู่ในระดับที่ไม่สามารถแพร่ได้ คิดว่าในอีก 10 กว่าวันเราอาจจะพาคุณพ่อไปตรวจซ้ำอีกที ถ้ามันเป็นซากเชื้อที่อยู่ที่ประมาณ 30 กว่า อี๊ฟก็คิดว่าน่าจะปลอดภัยแล้ว”

ในส่วนของโรคมะเร็งปอดที่คุณพ่อรักษาอยู่ โควิดไม่ได้มีเอฟเฟ็กต์อะไรใช่ไหม? “โชคดีที่มันไปอยู่กันคนละจุดและไม่ได้เชื่อมถึงกัน คุณหมออธิบายว่าเนื่องจากโรคมะเร็งคุณพ่อได้รับการคีโมและอิมมูนมา 2 ปีแล้ว ค่อนข้างคุมได้และตัวมะเร็งเองมีขนาดที่เล็กลงแล้วด้วย”

เวลาที่คนสูงอายุป่วยเป็นโควิดคนจะค่อนข้างเป็นห่วง น้องอี๊ฟเองตอนแรกเป็นห่วงคุณพ่อขนาดไหน? “อี๊ฟตัดเรื่องอื่นออกไปก่อน คือต้องคิดก่อนว่าจะต้องทำยังไงเพราะว่ามันไม่มีเวลาให้เราตกใจ เราต้องมีสติมากๆ เรียกว่าไม่มีเวลาที่จะมาแบบ…จะทำยังไงดี โทรศัพท์ปรึกษาอย่างเดียวว่าจะต้องทำยังไงต้องไปทางไหน”

“สำหรับคุณพ่อเราเคยผ่านภาวะช็อกมาหลายทีแล้ว ตอนที่เรารู้ว่าเขาเป็นมะเร็งแล้วก็ช็อกไปแล้ว จะบอกว่ามีประสบการณ์ในการตกใจก็คงได้มั้ง เราก็รับมือได้ว่าทำสิ่งที่เราต้องทำก่อน เรื่องตกใจเดี๋ยวเอาไว้ทีหลัง”

ฝากถึงหลายๆ ครอบครัวที่ตอนนี้มีคนในครอบครัวติดโควิด แล้วอาจจะกังวลกันอย่างหนัก? “อี๊ฟได้รับไดเร็กต์ไอจีและทางเฟซบุ๊กจากหลายคนที่ส่งมาขอคำปรึกษาว่าเขาจะทำยังไง คุณพ่อคุณแม่เขาจะได้พลาสม่ามั้ย จะต้องทำยังไงบ้าง อี๊ฟก็บอกไม่ได้หรอกว่าคำแนะนำของตัวเองจะได้ผลมากน้อยแค่ไหน แต่ก็บอกได้จากประสบการณ์ว่าเราทำแบบนี้เพราะฉะนั้นจะทำเหมือนกันก็ได้”

“แต่สิ่งสำคัญเรื่องของพลาสม่ามันเป็นเรื่องที่ตอนนี้มันค่อนข้างขาดแคลน อันนี้ก็ต้องให้ความเข้าใจกับคุณหมอด้วยว่าคุณหมอมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ในกรณีที่จำเป็นจริงๆ สำหรับคนที่เป็นผู้ป่วยหนักและมีโรคประจำตัวรุนแรง ฉะนั้นอาจจะไม่ได้รับในทุกเคส”

“หลายคนถามว่าเป็นไปได้ยังไงที่คุณแม่ไม่ติด เพราะแม่อยู่กับคุณพ่อ 24 ชั่วโมง แล้วก็อายุขนาดนี้แล้ว ไม่น่าที่จะไม่ติด แต่ว่าเราก็เห็นจากวินัยของคุณแม่โดยธรรมชาติเขาเป็นคนที่ดื่มน้ำผลไม้ทุกวัน ดื่มน้ำหม่อนที่เขาเป็นพรีเซนเตอร์ แล้วก็ทานสมุนไพรทุกอย่างที่เรากำชับ ขมิ้น กระชายขาว น้ำมันงาดำ วิตามินซี วิตามินดี กินซิงก์ และให้ตากแดด”

“อี๊ฟก็ไม่รู้หรอกว่ามันเกี่ยวมั้ย แต่ก็จะบอกทุกคนด้วยว่าอะไรที่ทำแล้วได้ผลเราก็อยากให้ทุกคนทำเหมือนกัน คือมันอาจจะไม่ได้ช่วยให้หายแต่มันก็อาจจะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีอะไรที่เป็นเรื่องไม่ดีกับร่างกายเรา เราจะไปหวังพึ่งแต่ยาไม่ได้”

“แล้วก็ไม่อยากให้ใครที่ดูแลผู้ป่วยหมดกำลังใจเพราะว่าคนป่วยลำพังเขาก็ไม่มีกำลังใจอยู่แล้ว เราเป็นคนดูแลก็ต้องไม่หมดกำลังใจ ความเครียดก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ภูมิคุ้มกันตก เพราะฉะนั้นในภาวะที่มันเครียดแบบนี้เราต้องช่วยกันผลักดันให้มองไปข้างหน้า ทุกคนพยายามช่วย คุณหมอพยาบาลก็ช่วยเต็มที่ ฉะนั้นตัวคุณพ่อคุณแม่เองที่ป่วยอยู่ก็ต้องช่วยตัวเองด้วยนะ ต้องมีกำลังใจ”

ขอบคุณภาพ IG : yvessirachaya

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน