ตลกดัง คิง ก่อนบ่าย เปิดใจปมฟาดรัฐบาล ลั่นคิดถี่ถ้วนแล้ว โต้หิวแสง แค่อยากเป็นกระจกสะท้อนการทำงาน ยันเคารพความเห็นต่างของทุกคน

จากกรณีที่ คิง ณภัทร ชุ่มจิตตรี หรือ คิง ก่อนบ่าย นักแสดงตลกชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นการเมือง ชี้รัฐบาลทำงานช้า ซัดการเมืองถ้าวิจารณ์ไม่ได้ เลือกตั้งไม่ต้องมาหาเสียง ย้ำประชาธิปไตยต้องยอมรับความเห็นต่าง อย่าผลักเป็นศัตรู ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันที่ 7 พ.ค.64 คิง ก่อนบ่าย ได้เปิดใจกับทาง “ข่าวสดบันเทิงออนไลน์” ถึงเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจออกมาโพสต์ข้อความดังกล่าว ยืนยันไม่ได้จะโจมตีรัฐบาล แค่อยากเป็นกระจกสะท้อนการทำงานที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า

“ตอนนี้เรายังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนเลยว่าปัญหาต่างๆ จะถูกสะสางให้แล้วเสร็จเมื่อไหร่ หลังจากวันที่ 15 พ.ค. เราจะได้ทำงานมั้ยในอาชีพของเรา รายจ่ายมีทุกวันแต่รายได้มันไม่มีเข้ามาเพราะเราให้ความร่วมมือกับภาครัฐ อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติไม่ออกไปไหนโดยไม่จำเป็น เราทำทุกอย่าง ให้เอาเงินเก็บออกมาใช้เราก็เอาออกมาใช้จนจะไม่มีแล้ว”

“ผมมองภาพตรงนี้ว่าผมไม่ได้โจมตีรัฐบาล แต่ผมพูดถึงคำว่านักการเมืองที่มีทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ฐานเสียงของนักการเมืองคือประชาชน ในวันที่คุณอยากขอคะแนนเสียงเพื่อการเลือกตั้งคุณเข้าหาประชาชนทุกซอกทุกมุม น้ำท่วมคุณก็เดินลุย ลูกเด็กเล็กแดงคุณไหว้หมด แต่พอในวันที่เกิดวิกฤตมีนักการเมืองสักกี่คนที่เดินเข้าหาประชาชน”

แต่ภาพใหญ่เลยก็คือรัฐบาลทำงานล่าช้า อันนี้คือสิ่งที่เราไม่ชอบ แต่ผมไม่ได้บอกว่าเราต้องขับไล่รัฐบาล แล้วก็ที่บอกว่าทำไมเรามีสิทธิ์วิจารณ์นักการเมือง อย่าลืมว่าในการจะเลือกตั้งแต่ละครั้งกกต.ขอความร่วมมือศิลปินดาราช่วยรณรงค์เชิญชวนให้คนออกมาใช้สิทธิ์ เพราะฉะนั้นดาราเองก็มีสิทธิ์ที่จะวิพากษ์วิจารณ์การทำงานที่เราเห็นว่ามันไม่ใช่ แต่เราไม่ได้ไปสร้างความแตกแยก มันต้องแยกแยะ”

“ผมเข้าใจว่าหลายคนกลัวเพราะในยุคนี้ใครที่แสดงความคิดเห็นตรงข้ามก็จะถูกแยกให้เป็นอีกฝั่งหนึ่งเลย ซึ่งผมก็อธิบายไว้ชัดเจนในโพสต์คนที่ชอบทีมฟุตบอลไม่เหมือนกันเขายังอยู่กันได้เลย ด่ากันก็จบในเกม ซึ่งนักการเมืองก็เหมือนกันถ้าเขาทำไม่ถูกต้องเราก็ควรเป็นกระจกสะท้อนให้เขาเห็นว่าอันนี้เป็นเสียงของประชาชน ต้องรออีกนานแค่ไหนก็บอกประชาชนเพื่อจะได้เตรียมวางแผน”

“สมมติอย่างผมก็จะได้รู้ว่าหลังวันที่ 15 พ.ค. เราจะได้ทำงานแล้วนะเพราะวันที่ 1 มิ.ย. โรงเรียนลูกจะเปิด เราก็จะได้บอกกับทางโรงเรียนได้ว่าเดี๋ยววันที่ 15 มิ.ย. ไปจ่ายค่าเทอมให้เพราะเรารู้แพลนแล้วว่ามันจะมีรายได้จากที่เราได้ทำงาน เรามีงานประจำมีรายได้ประจำแต่ว่าทุกอย่างมันถูกแช่แข็ง”

“แล้วที่บอกว่ารัฐบาลก็ให้เงินเยียวยาแล้วไง ผมถามหน่อยว่าดาราอย่างพวกผมมีสิทธิ์รับเงินเยียวยามั้ย ด้วยพื้นฐานภาษีรายได้มันสูงกว่าก็รับไม่ได้อีก บางคนอาจจะไม่รู้แล้วไปยึดติดภาพที่ว่าศิลปินดาราคือคนที่ร่ำรวย แต่มันก็มีดาราหลายกลุ่มเราอย่าไปเหมาว่าดาราต้องรวยทุกคน”

ตัดสินใจนานไหมกว่าจะโพสต์ลงเฟซบุ๊ก? ก่อนโพสต์ไปผมก็คิด นั่งคิดวิเคราะห์แล้วก็ดูว่าคำไหนควรใช้จะสื่อออกไป ความต้องการของเราคืออะไร จริงๆ ถ้าคนอ่านทั้งหมดแล้วคิดตามจะรู้เลยว่าผมอยากให้ทุกคนมาสามัคคีกัน ร่วมมือกันทุกฝ่าย แต่ถ้าคนไปโฟกัสที่จุดเดียวเอามาเป็นประเด็นการเมืองว่าผมไม่ชอบเพราะรัฐบาลทำงานล่าช้า อันนั้นก็จะเป็นประเด็นการเมืองทันที”

ฟีดแบ็กหลังจากที่โพสต์ไปเป็นยังไงบ้างเจอดราม่าทัวร์ลงบ้างไหม? “เห็นคนแชร์ข่าวไปเยอะมาก วันนี้ก็เข้าไปนั่งไล่อ่านคอมเมนต์ บางคนก็มีถามกลับมาว่าแล้วคุณทำอะไรให้ประเทศชาติบ้างหรือเปล่า ผมก็เลยบอกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานคือหยุดงาน อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ นี่คือหนึ่งความร่วมมือกับภาครัฐ ออกไปไหนใส่แมสก์ ล้างมือล้างแอลกอฮอล์ ไม่ไปสังสรรค์มั่วสุม”

“แล้วก็มีถามอีกว่าคุณบริจาคให้กับโน่นนี่นั่นหรือยัง กำลังทรัพย์เราพอมั้ยที่จะไปบริจาคซื้อของให้ ถ้ามีผมก็ทำอยู่แล้ว แต่สิ่งที่คนไม่รู้คือผมประสานโดยการเป็นสะพานบุญกับมูลนิธิอาสาของบัวเพชร อย่างที่ไปทำโรงพยาบาลสนามที่ค่ายธนะรัชต์ จ.ประจวบฯ ต้องการหาช่างไฟเราก็ประสานให้”

“ต้องการรถขนเตียงขนย้ายผู้ป่วยจากสมุทรปราการไปที่ประจวบฯ เราก็ประสานกับแฟนคลับฟุตบอลที่อยู่ในพื้นที่ได้กลุ่มรถยนต์ไททันขนไปให้ฟรี รถรับส่งผู้ป่วยโควิดผมก็ประสานกับทีมรถอาสาที่มีเป็นรถตู้แอมบูแลนซ์ซึ่งก็ช่วยได้หลายเคส นี่คือความร่วมมือแต่ว่าคนที่ไม่ได้ติดตามเราก็จะไม่รู้ แล้วผมก็ไม่ได้ออกมาเรียกร้องว่าผมตกงานช่วยบริจาคเงินมาให้ผมหน่อย ไม่ใช่ ผมก็ขายของทำมาหากินอยู่แล้ว”

กลัวไหมเวลาออกมาแสดงความคิดเห็นอะไรแบบนี้บางคนจะมองว่าสร้างกระแสหรือหิวแสงหรือเปล่า? “มีโพสต์เข้ามาเหมือนกัน แต่ผมก็มองว่าเป็นเรื่องปกติเพราะถ้าเรายังกล้าโพสต์คำว่าประชาธิปไตยเคารพความเห็นต่าง เราก็ต้องเคารพในสิ่งที่เขาคอมเมนต์กลับมา แต่ถ้าวันหนึ่งวันใดเขาเปิดใจและรับฟังในสิ่งที่เราโพสต์ไปเขาจะมองเห็นในภาพรวมอีกอย่างแน่นอน ซึ่งการโพสต์สาธารณะมันมีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบอยู่แล้ว แต่อยู่ที่หลักใจความสำคัญว่าเราจะมาวิเคราะห์ยังไง”

คนรอบตัวมีมาเตือนหรือถามไถ่ด้วยความห่วงใยบ้างไหม อย่างเคสพี่นุ้ย(เชิญยิ้ม)โพสต์เล่นๆ ยังเจอทัวร์ลงหนักเลย? “ตอนนี้ไม่มีครับ ในกลุ่มเขาบอกว่าเหมือนเขาอ่านครบถ้วนทุกบรรทัดก็จะรู้เลยว่าผมโพสต์ไปเพราะอะไร แล้วก็ไม่ใช่ว่าผมเป็นอีกฝั่งอีกฝ่ายอะไร เราเขียนไว้ชัดเจนและให้กำลังใจชัดเจน ในส่วนของคอมเมนต์ก็จะมีแบบว่าเห็นรุ่นพี่ออกมาแสดงอย่างโน้น ตัวเองก็อยากได้กระแสบ้างล่ะสิ ซึ่งผมก็มีไปตอบบางคอมเมนต์บอกว่ามันก็ต้องแยกแยะ”

“แล้วในส่วนของตรงนั้นทำไมไม่ไปตำหนิเขา ผมก็บอกว่าจะไปตำหนิได้ยังไง ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว เราก็โพสต์ให้กำลังใจซึ่งการให้กำลังใจกับการสนับสนุนมันต่างกัน ผมให้กำลังใจมาตลอดกับทุกคนที่รู้จักและสนิทเวลาที่เขาเกิดทำผิดพลาด ตั้งแต่สมัยพี่เสก โลโซ, เจนนี่ลิลลี่, พี่บอล, พี่นุ้ย”

“คือเราไม่สามารถไปแก้ไขในสิ่งที่เขาได้ทำผิดพลาดไปแล้ว แต่สิ่งที่เราทำได้คือไม่ไปเหยียบย่ำซ้ำเติม เหมือนกับรัฐบาลตอนนี้ผมก็ไม่สามารถไปล้มรัฐบาลได้ แต่สิ่งที่ทำได้คือสะท้อนให้เขาเห็นว่าตรงนี้งานมันช้าอยู่นะ ถ้าเรามาร่วมมือกันทุกฝ่ายมันน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่ามั้ย”

อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือยังไงบ้าง? “ผมมองว่ามันต้องรีบปิดปัญหาปิดจ๊อบให้เร็วที่สุด สมมติรัฐบาลประเมินแล้วว่าสิ้นเดือนมิ.ย.จบแน่ ต้องล็อกดาวน์มั้ย จัดตรวจเชิงลึกมั้ย ทุกภาคส่วนร่วมมือกันมั้ย ถ้ากำหนดมามาตรการชัดเจนผมเชื่อว่าประชาชนเขาเอานะ เพราะทุกวันนี้ 15 วันฟังทีมันไม่สามารถวางแผนอะไรได้”

“ส่วนเรื่องวัคซีนที่เป็นความหวังสุดท้าย คือตอนนี้ในเรื่องวัคซีนผมยังมองว่าเป็นเรื่องของความเชื่อมั่นไง และประชาชนก็ยังไม่รู้ว่าอันไหนดีจริงอันไหนไม่ดีจริง ข่าวจริงข่าวปลอมเต็มไปหมด ตอนนี้ถ้าจะให้คนเชื่อมั่นได้ก็คือเชื่อมั่นจากหมอและรัฐบาล แต่วัคซีนที่ฉีดไปมีตัวอย่างหรือยัง หมายถึงว่าบุคลากรเหล่านี้ฉีดหรือยัง ถ้าฉีดแล้วการันตีได้มั่นใจได้เลยว่าฉีดได้”

“เมื่อไหร่ที่ประชาชนเชื่อมั่นทุกอย่างก็เคลียร์ แต่ตอนนี้มันยังไม่มีการการันตีว่าปลอดภัยแน่นอน พร้อมรับผิดชอบเองหากเกิดอะไรขึ้น ข่าวมันก็เลยแตกแขนงไปว่าเอ้า! แล้วเอาอะไรมาให้ฉีด ใครจะกล้าฉีด ถ้าสร้างความเชื่อมั่นได้มันไม่มีหรอกครับที่ประชาชนจะมาอะไรกันแบบนี้”

งานในวงการตอนนี้คือหยุดหมดเลยใช่ไหม? “ตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย.จนถึงวันนี้ รายได้ที่ควรจะได้ไม่มีเลย พอมันไม่มีเงินเข้ามาแล้วเราจะทำยังไง ส่วนธุรกิจขายปลาก่อนหน้านั้นมีโอกาสได้ไปออกรายการทีก็มีคนสั่งเข้ามา พอได้ค่ากินค่าใช้ อย่างผมขายได้กำไรแพ็กละ 40 บาท แต่รายจ่ายของผมประมาณเดือนละ 1 แสน ค่าบ้านค่ารถ ค่าดูแลพ่อแม่ พี่น้องครอบครัว ค่าน้ำค่าไฟ”

“ถ้าเรามาขายปลาเราจะต้องขายให้ได้อย่างน้อยวันละ 4 พันบาท เท่ากับว่าผมต้องขายให้ได้วันละ 100 แพ็ก แล้วต้องขายให้ได้ทุกวันด้วย ซึ่งมันก็เป็นโอกาสยากอยู่แล้วเพราะของก็ไม่มีมาให้เราอยู่แล้ว ถึงจะเท่ากับรายได้จากงานวงการบันเทิงที่เราเคยได้ แต่มันจะไม่กระทบเลยถ้าเราได้ทำงาน”

ขอบคุณภาพ FB : ณภัทร คิงก่อนบ่าย ชุ่มจิตตรี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน