วันที่ 22 พ.ย. ที่เบเนดิกต์ สตูดิโอ ย่านโยธินพัฒนา ในงานแถลงข่าวพิธีมงคลสมรส ระหว่าง โอ๊ต-วรวุฒิ นิยมทรัพย์ อายุ 49 ปี กับ จีน่า-อันนา มานัตนันท์ อายุ 25 ปี หลังจากทั้งคู่ได้คบหาดูใจกันมากว่า 9 เดือน และเข้าพิธีหมั้นกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 19 ม.ค.2559 จนกระทั่งเมื่อวันที่ 22 ก.ย.2560 ทั้งคู่ได้จัดพิธีมงคลสมรส มีพิธีรดน้ำสังข์ตามแบบประเพณีไทย ที่ไร่ศรีแพรวิทยารีสอร์ต จ.เพชรบุรี และทั้งคู่มีโซ่ทองคล้องใจคือ น้องโอลาฟ-ธีธัช ตรินัย นิยมทรัพย์

โดยในวันนี้จะเป็นวันที่ทั้งสองคนจะเข้าพิธีมงคลสมรส และจำลองพิธีเข้าโบสถ์แบบคริสต์ โดยมีอาจารย์ นาวาตรี ภัทรพล แดงมั่งคง เป็นผู้ประกอบพิธี บ่าว-สาวจะกล่าวคำมั่นสัญญา และปฏิญาณตนว่าจะรักกันตลอดไป ต่อด้วยพิธีสวมแหวน และตอนค่ำจะเป็นงานเลี้ยงฉลองพิธีมงคลสมรส ซึ่งพิธีดังกล่าวจะเป็นงานภายใน


คู่บ่าว-สาวเผยว่า “คือมีพิธีไทยมาตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย. ซึ่งเป็นวันเกิดผม วันนี้ก็เป็นวิธีทางคริสต์ เป็นการเข้าโบสถ์ ในส่วนของงานวันนี้เป็นความสูงสุดของเจ้าสาว เพราะอยากใส่ชุดแต่งงาน อยากมีงานแต่งานสวยๆ เรื่องสถานที่ช่วยกันเลือก แต่จริงๆโดยรวมทั้งหมดเป็นเจ้าสาวคิดสถานที่ คิดธีมงานทั้งหมด ซึ่งมีเวลาเตรียมงานทั้งหมด 3 เดือน สำหรับงานนี้ที่เกิดขึ้น”

เจ้าสาวเสริมว่า “ธีมงานเป็นธีมวินเทอร์ค่ะ ถามว่าเตรียมงานกันไว้ยังไง คือเตรียมงานและคุยกันไว้นาน แต่เวลาเตรียมงานเราค่อนข้างมีน้อยเพราะเราเลี้ยงลูกกันเอง”

ตั้งใจว่าให้น้องโอลาฟโตหรือเปล่า โอ๊ต ตอบว่า “จริงๆ อยากให้เขาขวบหนึ่งพอดี ตอนที่คิดว่าจะจัดงาน แต่ว่าเราเลือกเดือนพ.ย. เพราะอากาศน่าจะสวยงาม น่าจะหนาวเย็น ซึ่งควรจะเป็นอย่างนั้นและมันใกล้สิ้นปีด้วย เพราะพอใกล้สิ้นปีก็จะมีงานฉลองค่อนข้างเยอะ พอเดือนพ.ย. น้องโอลาฟก็ 1 ขวบ 3 เดือนกว่าๆพอดี ซึ่งจริงๆวันนี้ตั้งใจเอามาเจอพี่ๆสื่อด้วย แต่พอดีนอนยังไม่ตื่น เป็นเวลานอนเขาพอดี”

น้องโอลาฟมีส่วนร่วมในงานอย่างไรบ้าง จีน่าตอบว่า “ตั้งใจว่าจะให้เขาเดินถือแหวน แต่ไม่แน่ใจว่าจะออกมาแบบไหน เพราะว่าไม่ได้ซ้อมเลย คือปล่อยเลยว่าเขาจะเดินยังไง ปล่อยฟรีแล้วแต่เขาเลย”

โอ๊ตเสริมว่า “เขาเองน่าจะพอรู้เหมือนกันว่าวันนี้เราทำอะไร เพราะว่าพ่อกับแม่คุยกันตลอดเลยเรื่องงานแต่งงาน แต่เขาอาจจะยังไม่เข้าใจ คือความตั้งใจในวันนี้เราตัดงานเพราะว่า หนึ่งคือเราสองคนอยากให้เขาอยู่ในพิธีเป็นหลักอยู่แล้ว ยังไงวันนี้ก็จัดเพื่อโอลาฟ อยากให้เป็นวันของเขา อยากให้เขาสนุกเต็มที่กับวันนี้ และเป็นวันที่อยู่ในความทรงจำ และมีภาพร่วมกันของพ่อแม่ลูก ส่วนเรื่องชุดที่โอลาฟเขามีชุดเดียว เพราะก่อนหน้านี้ซื้อมาสองสามรอบ เขาใส่ไม่ได้เลย เพราะว่าโตขึ้น รองเท้าก็ใส่ไม่ได้”

จีน่าเสริมว่า “นอกจากถือแหวนก็อาจจะให้มาช่วงพิธีฉลองจะให้มาโชว์สเต็บนิดนึง เพราะเขาอยู่บ้านชอบมีท่าโยก เขาได้ยินเสียงเพลงไม่ได้”

ความพิเศษของงานวันนี้นอกจากสวมแหวนมีอะไรอีก โอ๊ดตอบว่า “ก็คงเป็นการเฉลิมฉลองเป็นหลัก เราไม่ได้เน้นพิธีที่ทุกอย่างต้องเป๊ะ แบบว่าต้องดูเรียบหรูหรืออะไร แต่เราเน้นความสนุก เน้นฉลองเป็นหลัก มีเป็นการรินแชมเปญแทนการตัดเค้ก”


เจ้าสาวมีความฝันอะไรอีก นอกจากใส่ชุดเจ้าสาว จีน่าตอบว่า “หลายอย่างเลยค่ะ (หัวเราะ) ทุกอย่างเลยในรายละเอียดงานแต่ง เราอยากได้ตกแต่งแบบนี้ เราอยากถ่ายพรีเวดดิ้งแบบนี้ เราชอบแบบวินเทอร์ เราตั้งชื่อว่าโอลาฟ เราก็อยากให้เข้ากับชื่อลูกและชื่อเราแบบนี้ อีกอย่างที่เห็นข้างในคือ จะมีปราสาท ให้ดูเป็นวินเทอร์วอนเดอร์แลนด์นิดๆ ส่วนตัวเจ้าสาว มี 4 ชุด ดูแลโดยพี่แมร์ อมตะเว็ดดิ้ง 4 ชุด 4 ลุค ไม่เหมือนกันเลย มีชุดแถลงข่าว ชุดพิธีโบสถ์ ชุดเปิดตัวตอนค่ำ และชุดอาฟเตอร์ปาร์ตี้”

โอ๊ดเสริมว่า “3 เดือนที่ผ่านมา ผมคุยอะไรกับเขาไม่รู้เรื่องเลย เพราะว่าเขาหมกมุ่นอยู่กับงานแต่งอย่างเดียว แต่ผมก็ตามใจเขาครับ เพราะว่าเป็นสิ่งที่เขาอยากได้ และเป็นความฝันของเขา ฉะนั้นเขาอยากได้อะไรก็คิดเลย แล้วก็บอกพี่เขาว่าอะไรบ้าง ส่วนหน้าที่ของเราคือเตรียมตังค์อย่างเดียว เซอร์ไพรส์คือหาตังค์ให้ทันครับ(หัวเราะ)”

ส่วนเรื่องทายาทคนต่อไปว่าอย่างไร โอ๊ดตอบว่า “ผมอยากได้ผู้หญิงครับ แต่ว่าโอลาฟซนมาก เลยคิดว่ามีอีกคนจะไหวไหม เพราะว่าค่อนข้างเข็ดกับโอลาฟพอสมควร ตามไม่ค่อยไหว แต่อยากได้ผู้หญิงอีกหนึ่งคน ในความเป็นไปได้คือหลังจากเสร็จงานนี้เราก็จะเปิดต่อเลย วางแผนไว้แล้ว ถ้าท้องอีกประมาณ 9 เดือน โอลาฟก็จะ 2 ขวบกว่าพอดี”

ตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันมา 2 ปีกว่า เติมเต็มกันอย่างไร โอ๊ตตอบว่า “เราเติมเต็มกันในเรื่องของความสุขมากกว่า เพราะเราอยู่ด้วยกันตลอดเวลา เราทำกิจกรรมด้วยกันตลอดเวลา มันแฮปปี้มาก พูดได้เลยว่าสมบูรณ์แล้ว มีกระทบกันบ้างลิ้นกับฟัน เป็นธรรมดา แต่ว่าอันนั้นเป็นเรื่องย่อยๆ ส่วนเรื่องหลักๆเราคิดว่าค่อนข้างมั่นคง”

ต้องปรับจูนกันไหม โอ๊ตตอบ “มีแค่ช่วงแรกที่ต้องปรับกันเยอะเหมือนกัน คือเรื่องเหตุผลเพราะมันเป็นไปตามอายุ เราโตกว่าก็มีเหตุผลอีกแบบหนึ่ง เขาก็มีเหตุผลอีกแบบหนึ่ง ก็มีปรับกันบ้าง แต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้นไม่มีใครผิดใครถูก เราก็ปรับเคลียร์กันเข้าใจ ทัศนคติบางเรื่องมันไม่เหมือนกัน แต่คุยกันได้ทั้งหมด”

จีน่า เล่าต่อว่า “ด้วยความที่เราเด็กกว่าเยอะมาก เขาจะคอยสอน บอกเรา คือเราไม่ต้องทดลองอะไรเลย เขาจะคอยบอกว่าอันนี้ดี อันนี้ไม่ดี คือเขาผ่านมาหมดแล้ว เขาบอกเราได้โดยที่เราไม่ต้องไปเสียเวลาค้นหาเลย ส่วนเรื่องที่มีลูกด้วยกัน ทำให้ครอบครัวสมบูรณ์แบบมากขึ้น เติมเต็ม จากตอนแรกที่ไม่มีเป้าหมายชัดเจน พอมีลูกด้วยกันก็มีเป้าหมายชัดเจนมากขึ้น มีเป้าหมายเดียวกัน”

มีคำมั่นสัญญาที่ให้ต่อกัน โอ๊ตเล่าว่า “คนนี้เป็นคนสุดท้ายในชีวิตสำหรับภรรยา จะพยายามดูแลครอบครัว ประคับประคองให้ถึงฝั่งปลายฝันให้ดีที่สุด จริงๆเราเคยสัญญาต่อกันตั้งแต่ขอหมั้น และจะทำตามที่สัญญาเอาไว้ แต่เรื่องในอนาคตบางที่เราก็ไม่รู้แน่นอน แต่จะทำประคับประคองให้ดีที่สุด ให้ได้อยู่ร่วมกันตลอดไป ทั้งครอบครัว”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน