ฟลุค จิระ เล่านาทีอพยพครอบครัวหนีตาย ไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว บทเรียนเลือกทำเลซื้อบ้าน ขอบคุณเจ้าหน้าที่เสียสละ ยกเป็นฮีโร่ตัวจริง

ถือเป็นหนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ระเบิดและไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว จนต้องอพยพออกนอกพื้นที่เนื่องจากบ้านอยู่ในรัศมี 5 กิโลเมตร สำหรับดารา-นักร้องหนุ่ม ฟลุค จิระ ด่านบวรเกียรติ ได้เล่าเหตุการณ์สุดระทึกให้ “ข่าวสดบันเทิงออนไลน์” ฟัง พร้อมถอดบทเรียนซื้อบ้านใกล้โรงงาน และขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เสียสละ

หนึ่งในผู้อพยพจากเหตุการณ์ระเบิดไฟไหม้ที่โรงงานย่านกิ่งแก้ว? “จริงๆ ตอนที่เขาบอกว่าระเบิดตอนตีสามครึ่งผมไม่ได้ยินเสียงอะไร แต่ประมาณตีสี่ได้ยินเสียงรถหวอ รู้สึกผิดสังเกตเพราะว่ารถหวอมาตลอดเป็นชั่วโมงเลยคิดว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่าก็เลยเริ่มเช็กข่าวสาร เลยได้รู้ว่ามีเหตุการณ์แถวๆ บ้านเราเลยนะก็เริ่มสังเกตการณ์มากขึ้น”

“แต่ว่าตอนแรกไม่ได้คิดว่าเหตุการณ์มันจะเลวร้ายมาก คิดว่าน่าจะควบคุมเพลิงได้ และคงยังไม่มีผลกระทบอะไร จนตอนเช้าเราเห็นกลุ่มควันชัดเจนแล้ว ควันเยอะมากเลย คนที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันก็เริ่มมีการพูดคุยกันว่าจะยังไงจะย้ายออกกันก่อนมั้ย กลัวลูกเด็กเล็กแดงจะรับสารพิษ เลยตัดสินใจออกมาตั้งแต่ช่วงเช้าเลยประมาณ 10 โมงครึ่ง”

“ตอนนั้นคือออกไปเดินห้าง ยังไม่คิดว่ามีอะไรเลยครับ คิดว่าเดี๋ยวเขาก็คงดับไฟได้ แล้วช่วงเย็นก็จะกลับมานอนที่บ้านเหมือนเดิม ไม่คิดว่ามีอะไรก็เลยออกมาตัวเปล่ากับลูกๆ และภรรยา ไปๆ มาๆ พอเราได้ยินข่าวสารมากขึ้นแล้วก็มีประกาศจากพื้นที่สมุทรปราการว่าให้บ้านที่อยู่ในรัศมี 5 กิโลเมตรต้องออก”

“เราก็เริ่มเช็ก โอ้โห! เรา 4 กิโลเมตรเอง เริ่มแพนิกแล้วว่าบ้านจะเป็นอะไรมั้ย แล้วก็เริ่มมีข่าวสารมาเรื่อยๆ ว่ายังมีสารเคมีอยู่อีก 5 แสนลิตร คือได้ยินข่าวแล้วเราตกใจถ้าระเบิดขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น ตอนแรกมีแค่คนในครอบครัวออกมา แม่บ้านกับคนขับรถยังอยู่ที่บ้าน ตอนหลังก็เลยให้ออกมาหมดเลย”








Advertisement

“ช่วงที่อพยพป็นซีนที่เหมือนเราไปอยู่ในหนังอ่ะ เราออกมาจากหน้าหมู่บ้านปุ๊บรถติดเลย ไปไหนไม่ได้ค่อยๆ เลื่อน คนก็เหมือนกำลังหนีตายเหมือนในหนังเลยครับ เสียงรถหวอก็มาตลอด แล้วลูกก็ร้องไห้เพราะว่าลูกตกใจ”

“ตอนนี้ก็อยู่ที่โรงแรมในเมือง เซฟปลอดภัยแต่ว่าผมก็ยังเป็นห่วงทรัพย์สินอยู่ บ้านเราก็ทิ้งไม่มีใครอยู่เลย โชคดีที่เรายังอยู่ในหมู่บ้านที่มีนิติบุคคลคอยดูแล แต่ที่ผมเห็นใจมากๆ ก็คือบ้านที่ได้รับผลกระทบถึงขั้นประตูพัง กระจกแตก หรือกระทั่งมีคนบาดเจ็บ ตรงนั้นคือน่าสงสารและเห็นใจมากเลย”

ตอนที่ซื้อบ้านหลังนี้เคยทราบมาก่อนไหมว่าในรัศมีประมาณ 4-5 กิโลเมตรมีโรงงานแบบนี้อยู่? “ไม่รู้ครับ รู้แต่ว่านิคมมันออกไปเป็น 10 กิโลฯ นิคมอุตสาหกรรมมันไปทางชลบุรี ไกลจากเราเยอะ เราไม่คิดว่าตรงกิ่งแก้วจะมีขนาดใหญ่ขนาดนี้อยู่ มันอาจจะอยู่นั่นแหละแต่เราอาจจะไม่ละเอียด”

“มันเป็นบทเรียนของผมด้วยว่าตอนที่เราซื้อบ้านเราอาจจะต้องมีความละเอียดมากกว่าความสบายที่ติดถนนใหญ่ลงทางด่วนเจอเลย ไม่ได้มองแค่นี้แล้ว ต้องมองว่ารอบข้างมีปั๊มน้ำมันมั้ย มีโรงงานที่มีสารเคมีอันตรายมั้ย อาจจะต้องมองลงลึกไปถึงขนาดนั้นด้วย เพราะเหตุการณ์นี้เราก็ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น”

มองถึงเรื่องย้ายทำเลบ้านไหม? “จริงๆ การย้ายบ้านมันไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องง่ายด้วย ถ้ามันเป็นเรื่องง่ายแบบย้ายได้ผมก็อยากจะไปอยู่ที่มีปลอดภัยกว่านี้ นี่ขนาดเราทำธุรกิจ เป็นนักแสดง เรายังพอมีฐานมีเงินทองที่พอที่จะจัดการตัวเองได้”

“สำหรับคนที่ไม่มีเงินพออย่างผู้ประสบภัยตอนนี้ที่ต้องอพยพออกมาแต่ไม่มีที่อยู่ต้องไปอยู่ตามศูนย์พักพิงผมเห็นใจมาก ต้องมาเสี่ยงกับโรคโควิดอีกที่จะต้องไปอยู่กับคนหมู่มาก เหตุการณ์นี้มันไม่น่าเกิดขึ้น ตอนนี้ก็แพลนกับแฟนว่าเดี๋ยวจะหาของไปแจกด้วย”

ฝากถึงคนที่เป็นห่วงและส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ที่เสียสละ? “คนที่เป็นห่วงผมขอบคุณมากๆ ที่แช็ตมา ตอนนี้เราปลอดภัยดีทั้งครอบครัวไม่ต้องเป็นห่วงเลย ประเด็นที่สองคืออยากจะขอบคุณ ผมขอกราบขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนจริงๆ นะครับที่เสียสละ”

“ผมนึกภาพตอนที่ผมกำลังหนีออกมาอพยพออกมากับครอบครัว รถรอบข้างทุกคนกำลังหนี ทุกคนหนีออกจากจุดเกิดเหตุ หนีตาย แต่รถฉุกเฉินวิ่งเข้าไปที่เปลวเพลิงอย่างเดียวเลย ผมมองว่าโอ้โห! ใจเขาทำด้วยอะไร ทำไมเขากล้าขนาดนั้น เขาไม่กลัวระเบิดไม่กลัวไฟเลย นับถือหัวใจมากๆ”

“แล้วก็ต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยน้องพอสนะครับ พี่ฟังข่าวแล้วสะเทือนใจมากไม่มีคำบรรยายจริงๆ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง และขอบคุณมากๆ ที่กล้าหาญแบบนี้ เป็นฮีโร่ตัวจริงของชาวบางพลีเลยก็ว่าได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน