“เพชร สหรัตน์” ไหว้วาน “พี่หม่ำ” มอบเงินให้ครอบครัว “น้องพอส” อาสาดับเพลิงที่เสียชีวิต ตอนนี้ถึงมือพ่อ-แม่ เรียบร้อย เล็งควักเงินส่วนตัว ช่วยอีกหลายชีวิต

 

หลังจากที่นักร้องหนุ่ม “เพชร สหรัตน์” โพสต์ภาพเเละข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ขอประเดิมคนแรก ที่มอบเงินให้ครอบครัว “น้องพอส” อาสาดับเพลิงที่เสียชีวิต โดยไหว้วานให้ หม่ำ จ๊กมก เป็นธุระส่งมอบเงินให้พ่อ-แม่ของน้องพอส เนื่องจากตัวเองอยู่ต่างจังหวัด และตอนนี้เงินได้ถึงมือพ่อ-แม่ของ น้องพอส แล้ว โดยพี่หม่ำ ได้เดินทางไปมอบให้ด้วยตัวเองเมื่อวานนี้ ( 8 ก.ค.)

ล่าสุด (9 ก.ค.) นักร้องหนุ่ม “เพชร สหรัตน์” เปิดใจกับทาง ข่าวสดออนไลน์ ยว่า “ผมเห็นข่าว แล้วมองว่ายังไม่ได้มีหน่วยงานไหน ออกมาช่วยเหลืออย่างเป็นจริงเป็นจัง อาจจะด้วยที่ทุกคนวุ่นอยู่กับการช่วยเหลือการระงับเพลิงอยู่ พอเราเห็นภาพต่างๆที่ออกมาแล้วรู้สึกว่าสงสารน้อง ด้วยความที่น้องเค้าารักในงานอาสาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอุปกรณ์ดับเพลิงที่ส่วนใหญ่น้องเค้าใช้ทุนส่วนตัวในการซื้อเอง และในความเสียสละของน้อง ยอมที่จะออกจากโรงเรียนเพื่อจะให้พี่ชายได้เรียนหนังสือ

ผมก็จะค่อนข้างจะอินกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ก็เลยประกาศที่จะช่วยเหลือครอบครัวของน้องพอสไป 100,000 บาท ด้วยเงินส่วนตัว หลังจากนั้นมีคนส่งข้อมูลมาว่า สามารถติดต่อเข้าครัวของน้องได้”

 

 

“นอกจากนั้นก็จะมีในส่วนของอาสาดับเพลิงอีก2ท่านที่โดนไฟคลอกทั้งตัว และคนที่เพื่อนอาสาแบกร่างออกมาจากกองเพลิง น้อง2คนนี้จะพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งผมจะมีน้องชายคนหนึ่ง ที่ร่วมสร้างบุญมาตลอดคือ อาจารย์น็อตตี้ ก็ได้ร่วมบุญมาด้วย 100,000 บาท มอบให้น้องทั้ง 2 คน คนล่ะ 50,000 บาท รวมแล้วทั้งหมดครั้งนี้ทำบุญไป 200,000 บาท”

“ซึ่งผมก็ไปไม่ได้เพราะว่าอยู่ต่างจังหวัด ก็เลยยกหูหาพี่ หม่ำ จ๊กมก เพราะเรื่องของการสร้างบุญถ้ากระซิบแก แกก็ไปอยู่แล้ว อย่างรอบล่าสุดผมก็ส่งข้าวไปให้แก 5 ตัน เพื่อที่จะเอาไปแจก ในรอบนี้เองแกก็อาสาที่จะไปมอบให้ญาติของผู้ประสบภัยทั้ง3ท่าน”

“จริงๆแล้วพี่หม่ำจะค่อนข้างที่จะเซฟตัวเอง นอกจากไปเวิร์คพอยท์แล้ว แกจะไม่ไปไหนเลย อย่างเคสเมื่อวานนี้ แกก็อาสาไปมอบให้ อาจจะด้วยความที่ส่วนนึง แกคงจะเห็นความเสียสละของน้องพอสด้วย ก็เลยอยากจะไปให้กำลังใจครอบครัว แล้วก็นำเงินส่วนนี้ไปมอบให้ด้วย”

เงินส่วนนี้เห็นว่าเป็นเงินจากแฟนเพลง เมื่อครั้งยังทำงาน มีคอนเสิร์ต ? “ครับ พี่ก็อยู่ในวงการมาประมาณ 8ปี ส่วนหนึ่งก็จะเก็บ ส่วนหนึ่งที่ใช้เราก็ใช้ เพราะเราคิดว่า คนต่างๆเหล่านี้ที่คอยสนับสนุนเรามาตลอด วันหนึ่งไม่ผมก็เค้าต้องลำบากแน่นอน พอมีคนที่ลำบากก่อน คนที่แข็งแรงกว่า ก็จะยื่นมือไปช่วย เพราะถือว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่เราใช้ ส่วนหนึ่งก็คือจากบุคคลเหล่านั้น ที่เค้าแย่อยู่ ก็เลยคิดว่า อะไรให้เราช่วยได้เราก็ช่วยครับ

และส่วนหนึ่งมันก็อาจจะเป็นเงินปันผลในการขายปลาร้าของผม ที่ผมมีหุ้นในส่วนของโรงงานตรงนี้ แล้วก็เอามาช่วยทำบุญ ถึงได้ทำบุญอย่างต่อเนื่องตลอด”

อย่างล่าสุดก็ไปช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อน? “คือมันมีหลายเคสมากที่เราทำตลอด แต่อาจจะไม่ได้ผ่านสื่อ ย่างอการสนับสนุนค่าเทอมเด็กที่เราก็ทำมาตลอด ใช้ชื่อโปรเจ็กต์ว่า ขายปลาร้าพาน้องเรียน อันนี้เราก็ทำมาตลอด ทำอย่างเงียบๆมาตลอดจนถึงทุกวันนี้ครับ”

เล็งทำโปรเจ็กต์การช่วยเหลือแบบนี้อีกไหม? “จริงๆการตลาดของแต่ละบริษัท เค้าจะมีงบการตลาดของพวกนี้ทั้งหมดอยู่แล้ว ซึ่งงบการตลาดปีนึงมันออกมาค่อนข้างที่จะเยอะมากอาจจะ 20 -30 ล้านบาท เรามองว่าเราตัดงบออกไปส่วนนึงได้ไหม ส่วนนึงเราทำเท่าที่เราทำได้ อีกส่วนนึงเอามาช่วยชาวบ้านดีกว่า มาช่วยพี่น้องเราดีกว่าอย่างน้อยๆ ถือว่าการทำความดีตรงนี้มันได้มากกว่าที่เรายิงแอดโฆษณาไปทางทีวี

โอเคว่า การยิงแอดทางทีวี มันอาจจะทำให้คนรับรู้แบรนด์สินค้าของเรามากขึ้น มันได้หน้า แต่ไอ้สิ่งที่มันได้มากกว่าการที่เราได้หน้า เรามองว่าเราได้เอาเงินตรงนี้ ที่เสียมันเปล่าประโยชน์ เอาไปช่วยคน ดีกว่า ในทางด้านจิตใจมันได้มากกว่า เราอาจจะไม่ได้ในด้านแบรนด์ที่แข็งแรงมีชื่อเสียง แต่ในระยะยาว ผมว่าคนเค้าจะเห็นว่าตอนที่เค้าลำบาก ใครที่ยื่นมือมาช่วย เราจะมองตรงนั้นมากกว่า”

 

 

มีคนเดือดร้อน ขอความช่วยเหลือเยอะไหม? “ในส่วนของเพจเยอะมากครับ ค่อนข้างที่จะเดือดร้อน ถ้าสมัยก่อนเศรษฐกิจดี เราจะมองว่าคนที่อินบล็อกเข้ามาหาผม ผมอาจจะมองว่าเค้าเลือกงาน ลำบากไม่จริง แต่ชั่วโมงนี้ทุกคนเสมอภาคกันแล้ว ทุกคนที่อินบล็อกมา คืนลำบากจริง

คือบางคน เราเห็นโพสต์วันนี้ว่า..ครอบครัวติดโควิด อยากจะให้โรงพยาบาลมารับ แต่พอวันรุ่งขึ้น ผมเห็นโพสต์อีกแล้วว่า พ่อแม่เค้าเสียแล้ว ซึ่งผมมองว่ามันเป็นอะไรที่น่าหดหู่มาก คือถ้าไม่โดนครอบครัวใครก็คือคงคิดไม่ได้ เรามองว่าอะไรที่เราทำได้ เราช่วยกันเถอะ เพราะอย่างเราเห็นสุนัขตัวหนึ่งตาย เรายังรู้สึกหดหู่ใจเลย แต่นี่คนทั้งคนที่คุณมองเห็นเค้าตายไปต่อหน้าต่อตา มันน่าจะซึมลึกไปในความรู้สึกมาก ผมคิดข้อนี้ตลอด”

ตอนนี้ทางพี่เพชรและครอบครัวเอง ก็ยังสุขภาพแข็งแรงดี? “ครับ ก็ยังโอเคอยู่ เหมือนเราพยายามดูแลตัวเองอยู่ ไม่ออกไปข้างนอกกัน ไปเท่าที่จำเป็น ไปเราก็จะใส่แมสก์สองชั้น แล้วก็อยู่เว้นระยะห่างตามที่ได้รับคำแนะนำมา”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน