เพชร กรุณพล เตือนรัฐบาล อย่าราดน้ำมันลงกองไฟ ไม่มีใครกลัวถูกยัดคดี

จวกยับหลังตกเป็น 1 ในรายชื่อดาราคอลเอาต์ที่ถูกแจ้งให้บช.น.ตรวจสอบ สำหรับนักแสดงหนุ่ม เพชร กรุณพล เทียนสุวรรณ ที่ออกมา Call out

ผู้สื่อข่าว ข่าวสดออนไลน์ ได้ต่อสายตรงถึงนักแสดงหนุ่ม เพื่อสอบถามความรู้สึกว่า “รู้สึกตลกกับความคิดของบุคคลคนนั้น เห็นแล้วก็ตลกกับความคิดเห็นของผู้ใหญ่ที่ออกมาเห็นด้วยกับสิ่งที่คนคนนั้นทำ”

สิ่งที่เราออกมามันเป็นการวิจารณ์ซึ่งเป็นสิทธิ์ของประชาชน? “ถูกต้องดาราก็เป็นประชาชน เป็นอาชีพที่คนรู้จักมากกว่าอาชีพทั่วไป เราออกมาพูดในฐานะของประชาชนคนหนึ่งที่ มีอาชีพเป็นนักแสดงแค่นั้นเอง แล้วสิ่งที่เราพูด

ถามว่าถ้าเกิดเป็นการยุยงปลุกปั่นก่อให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง หรือใส่ข้อความอันเป็นเท็จเอาเลย ฟ้องได้เลย แต่ถ้ามันไม่มีแล้วคุณจะมาขู่ฟ้อง ถ้ายังไม่หยุดวิจารณ์รัฐบาลจะฟ้อง

อันนี้เหมือนกับการเทน้ำมันราดลงไปบนกองไฟ มันยิ่งทำให้คนอยากวิจารณ์ คนที่เขารู้สึกอึดอัด มีความต้องการที่อยากจะพูด ก็อยากพูดมากยิ่งขึ้น มันไม่ใช่ยุคก่อนแล้วที่คนจะกลัวโดนยัดคดี กลัวมีปัญหา ตอนนี้คนกลัวตายมากกว่า

คนต้องการ การดูแล ต้องการข้อมูลที่ชัดเจน ว่าทำไมมันเป็นแบบนี้ ทำไมถึงมีคนนอนตายอยู่บนถนน สุดท้ายเค้าเป็นลม สุดท้ายแล้วเขาก็ตายโดนทิ้งอยู่ตรงนั้นหลายชั่วโมง โดยที่ไม่มีใครมาเหลียวแลเขา มันเกิดอะไรขึ้นกับประเทศนี้

เราแค่ส่งเสียงไปถามแค่นั้นเอง ว่ามันเกิดอะไรขึ้นหน้าที่รับผิดชอบมันเป็นของใคร ของรัฐบาล ของสาธารณสุข หรือของใคร แล้วทำไมถึงไม่ทำงานมีปัญหาตรงไหน คนเค้าอยากรู้”

ตกใจมาอยู่ๆ ก็เจอแบบนี้? “ไม่ตกใจเลยแต่แค่สมเพชคนที่ทำอะไรแบบนี้ ต้องการพื้นที่สื่อ ต้องการให้ตัวเองเป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพื่อหวังผลประโยชน์ในอนาคตหรือเปล่า อันนี้ผมไม่แน่ใจแต่ผมสมเพชกับสิ่งที่เขาทำ

แทนที่จะเห็นว่าบ้านนี้ เมืองนี้ มีปัญหาอยู่กำลัง ต้องการการร่วมแรงร่วมใจ คิดฝ่าฟันแก้ปัญหา ต้องการคนนำเสนอข้อมูลต่างๆเพื่อนำมาถกเถียงกัน เพื่อหาวิธีการแก้ไขที่ดีที่สุด กับกลายเป็นว่าใครนำเสนอข้อมูลที่ตัวเองไม่พอใจที่ตัวเองไม่ชอบหรือกระทบกับคนที่ตัวเองกำลังอวยอยู่ ก็จะใช้กฏหมายปิดปากมันหมดสมัยไปแล้ว”

ไม่ได้มีหมายเรียกหรืออะไรมาถึงใช่ไหม? “ยัง เพราะเค้าบอกเองว่าเค้ายังไม่ได้แจ้งความ เค้าแค่ส่งเรื่องไปให้ตำรวจ ตำรวจก็รับมันเป็นเรื่องปกติ เหมือนกับว่าเราไปแจ้งตำรวจว่าข้างบ้านเรามีคนเมาสุราอาละวาดตำรวจเค้าก็ต้องขับรถมาดู

อันนี้ก็เป็นสิทธิ์ของเค้าเหมือนกันตามรัฐธรรมนูญ ที่เขารู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้มันกำลังสร้างความตื่นตระหนกให้กับคนหมู่มาก เค้าก็เลยให้ตำรวจมาดู แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งเหล่านั้นที่เค้าบอกว่ามันอันตรายมันดูน่ากลัวถ้ามีสามัญสำนึกของคนปกติอ่านดูก็รู้แล้วว่ามันใช้เฟกนิวส์ไหม

มันใช่การยุยงปลุกปั่นเพื่อสร้างให้เกิดความกระด้างกระเดื่องไหม มันไม่จำเป็นต้องใช้สติปัญญาขั้นปริญญาเอกที่ต้องวิเคราะห์ หรือว่าส่งข้อมูลไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าข้อความนี้หมายความว่าอย่างไร

อย่าง เอกชัย ศรีวิชัย บอกว่าถ้ามีหมายมาพร้อมที่จะฟ้องกลับเหมือนกัน? “ผมก็เหมือนกันไม่ต้องมีหมายมา ตอนนี้ผมก็กำลังให้ทนายดูข้อกฎหมายที่จะฟ้องกลับอยู่ในข้อหาเดียวกัน”

เหตุการณ์นี้ทำให้คนดังดาราหลายหลายคนออกมา call out เยอะมาก? “ผมว่านิสัยคนไทยไม่ชอบเห็นใครถูกรังแก ยิ่งถูกรังแกแบบไม่เป็นธรรมที่เห็นได้ชัดๆ คนไทยไม่ค่อยยอมหรอก คนไทยบางคนที่ไม่กล้าก็จะเก็บความแค้นที่ไหว จนกระทั่งมีคนกล้าลุกขึ้นมา เค้าก็จะลุกขึ้นตาม แล้วความแค้นในใจก็จะพรั่งพรูออกมา

ตอนนั้นและผมเชื่อว่าในใจของคนเกือบครึ่งประเทศมันมีแต่ความคับแค้นมีข้อสงสัยมีการอยากตั้งคำถามและการเรียกร้องแต่รอเวลาที่มันจะปะทุขึ้นมาเท่านั้นเอง”

จากเหตุการณ์นี้กลับเป็นว่าดารานักร้องกลายเป็นเป้าใหญ่ในการที่จะถูกฟ้องร้อง?

“ไม่ใช่ดารานักร้องหรอกคนที่มีผู้ติดตามเยอะคนที่มีคนสนใจไม่ว่าจะเป็นอดีตนักการเมืองหรือยูทูปเปอร์ก็ตาม ตอนนี้ถ้าเกิดเขาพูดออกมามีคนฟังมากขึ้น มันก็กลายเป็นหอกข้างแคร่ของกลุ่มคนที่มีอำนาจ ที่กลัวจะเสียผลประโยชน์”

 

วันนี้ยอดผู้ป่วยนิวไฮอีกแล้ว?

“ผมว่านิวไฮมาทุกวันแค่ตัวเลขที่เราเห็นการตรวจเชื้อตรวจได้แค่กี่หมื่นคนในแต่ละวันเดี๋ยวนี้มีชุดและตรวจเข้ามา ก็อาจจะเป็นแปดหมื่นถึง หนึ่งแสนคน ในประเทศไทยเราก็เห็นว่าคนติดเชื้อเพิ่มขึ้น จนเตียงในโรงพยาบาลไม่พอ

อย่างวันก่อนที่ดูข่าวรถ 10 ล้อหลับใน ชนรถกระบะขนคนงานพม่า สุดท้ายพอไปตรวจก็พบว่ามีคนติดโควิด 3 คน 3 คนนี้แทบไม่ได้รับการตรวจ ไม่ได้รับการดูแล และไม่รู้ตัวด้วยว่าเป็นโควิด

นั่นหมายความว่าที่เราเดินเจอกันที่เราเห็นๆอยู่ มีคนที่เป็นโควิดอีกเท่าไหร่ที่ตรวจไม่เจอผมไม่ตกใจเลย และคิดว่าตอนเนี่ยตัวเลขมันทุไปหลายหมื่นมาก แค่เราไม่มีชุดตรวจไม่มีการกระจายจุดตรวจ จนทำให้ไม่รู้ ว่ามีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนเท่าไร แล้วไม่สามารถที่จะกักตัวผู้ติดเชื้อไว้ได้ ทำให้โอกาสที่จะควบคุมโรคระบาดนี้มันยากมาก”

วัคซีนดีๆก็ยังไม่มาสักที? “เค้าก็บอกว่าดี ซิโนแวคเค้าก็บอกว่าดีป้องกันได้ตั้ง 80 -90% (หัวเราะ) คุณไม่เชื่อรัฐบาลหรอ คุณไม่เชื่อแพทย์หรอ กระทรวงสาธารณสุขออกมาแถลงเลยนะว่าฉีดซิโนแวคสองเข็มจากกลุ่มตัวอย่าง 1000 คนที่เป็นแพทย์ด้วยนะ ไม่ติดเชื้อตั้ง 80 กว่าเปอร์เซ็นต์เลยนะ

ตลกการที่เราจะมานั่งเถียงในเรื่องของเปอร์เซ็นต์ ของอเมริกาใต้ อเมริกาเหนือ ยุโรป ของเอเชีย มันแตกต่างกัน ใช่มันแตกต่างกัน ด้วยอากาศ ด้วยโครโมโซมของคน ด้วยอะไรต่างๆนานา แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องเหมือนกันก็คือการเก็บตัวอย่างการทำวิจัยมันต้องใช้บนพื้นฐานเดียวกัน

นี่ผมไม่เข้าใจที่เค้าบอกว่าจากแพทย์กี่คน มีติดเชื้อเท่านี้เท่านั้น ถามว่าคุณไปหวัดจากแพทย์ที่ฉีดซิโนแวคสองเข็มแต่แผนที่คุณไปหวัด เค้าใส่เฟซชิว ใส่แมสสองชั้น ใส่ชุดพีพีอี งติด แล้วมาบอกว่ามันดีได้อย่างไร จะมาบอกว่าฉีดไปตั้ง 1000 คนติดแค่ 200 มันตั้ง 80% หวัดจากคนที่ใส่แมส ใส่ชุดพีพีอี มันจะติดไหมล่ะ

แล้วกล้าที่จะออกมาบอกว่ามันดี ผมโคตรไม่เข้าใจเลย พอเราไม่เข้าใจ เราก็ต้องถามคำถามให้ได้คำตอบ แต่ไม่มีคำตอบก็บอกว่า นี่ไงเชื่อหมอก็ถามหมอที่ให้เชื่อ แต่เราก็เรียนวิทยาศาสตร์มาคำว่า ผลลัพธ์ของหมอมันมีที่มาที่ไปอย่างไร

มันไม่ใช่ว่าอันเนี่ยมันคือเลขเก้าเราแค่ถาม 9 เนี่ยมัน 5 + 4 หรือ 7 + 2 หรือ 1 + 8 หมอใช้วิธีไหน จะมาบอกว่าเออน่ะ มัน 9 ก็พอแล้ว มันก็ไม่ได้”

สุดท้ายนะก็ฝากว่า ไม่ว่าจะอยู่ฝั่งไหน จะอยู่ฝั่งที่เชียร์รัฐบาล หรือฝั่งที่ไม่ชอบรัฐบาล ฝั่งที่ยังไม่เลือกตัดสินใจ อยากให้ทุกคนหาเหตุผลหาข้อมูลที่ชัดเจน ไม่ใช่ว่าข้อมูลอะไรก็ตามที่เราได้รับมาจากคนหรือจากฝั่งที่เราเชื่อถือ เราจะตัดสินใจเชื่อในทันที

จงนำข้อมูลนั้นไปหาข้อโต้แย้งหรือยัง เพื่อที่จะได้รู้ว่าข้อมูลที่เราได้มามันเป็นข้อมูลที่ถูกต้องตรงกับความเป็นจริง มีที่มาที่ไปแค่ไหนแล้วถึงตัดสินใจเชื่อ และเมื่อเชื่อแล้วคนที่มีความเชื่อที่แตกต่างกับเรา มันก็เป็นสิทธิ์ของเขาอย่าไปละเมิดสิทธิเขา อย่าไปใช้อารมณ์ อย่าไปใช้กำลัง หรือว่าใช้วิธีการด้อยค่าเขา”

ขอบคุณรูปจากไอจี : petchkaroonpon

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน