ต้น ณฐนนท์ ผู้จัดละคร “ให้รักพิพากษา” เข้าพบอัยการ แจงดราม่า ทำให้เสื่อมเสีย

ต้น ณฐนนท์ ผู้จัดละคร Dare to love ให้รักพิพากษา พร้อม หนุ่ม-กรรชัย เข้าชี้แจ้งประเด็นดราม่าละคร ที่ อาคาร A สำนักอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ

วันนี้ (16 สิงหาคม 2564) ผู้จัดละคร “ต้น ณฐนนท์ ชลลัมพี” ละคร “Dare to love ให้รักพิพากษา” ในนามค่าย ชลลัมพีโปรดั๊กชั่น พร้อมด้วยผู้ประกาศข่าว “หนุ่ม-กรรชัย” จากรายการโหนกระแส เป็นผู้ประสานงานกับหน่วยงานอัยการ หอบเอกสารเข้าพบ “วงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์” อัยการสูงสุด เข้าชี้แจ้งการผลิตละครรักนักกฎหมาย ที่กำลังเป็นประเด็นดราม่าอยู่ในขณะนี้ ณ อาคาร A สำนักอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ

ต้น ณฐนนท์ ผู้จัดละคร

ด้านผู้จัด “ต้น ณฐนนท์” พร้อมเปิดใจถึงประเด็นดราม่าละครว่า “ผมว่าด้วยความที่ประเทศไทยค่อนข้างมีเอกลักษณ์และมีความน่ารักแบบไทยๆ ที่ลงตัว การมีผู้ใหญ่ให้ความสนใจและท่านกรุณาปันเวลามาใส่ใจในเรื่องเหล่านี้ แม้ว่าไม่ใช่วาระแห่งชาติ ผมถือว่ามันเป็นเรื่องที่ดีมากๆ เราเป็นเด็ก ผมทำได้ดีที่สุดก็คือเข้ามาพบท่านด้วยตัวเอง เพื่อเรียนรู้และมีโอกาสได้ชี้แจงเป็นการส่วนตัว การทำงานแบบมืออาชีพทุกคำติเพื่อก่อมันทำให้ผมมีไฟในการทำงาน ถือว่าเป็นเรื่องได้มากกว่าเสีย จริงๆ ต้องขอขอบคุณที่ทุกท่านได้สละเวลาอันมีค่าในช่วงวิกฤตประเทศแบบนี้เพื่อเรียกให้ผมเข้าพบ”

ต้น ณฐนนท์ ผู้จัดละคร

ด้านทาง “หนุ่ม-กรรชัย” เผยว่า “ทางทีมผู้จัดต้องขอบคุณคุณหนุ่ม ที่สละเวลาช่วยประสานงาน และก็ต้องขอโทษที่ต้องทำให้คุณหนุ่มเสียเวลา คุณหนุ่มเป็นพิธีกรระดับแนวหน้า และเป็นบุคลากรที่ทุกคนไว้ใจ คงเป็นด้วยเหตุนี้ที่ท่านรองฯ ไม่ได้ติดต่อผู้จัดโดยตรง แต่ไปติดต่อคุณหนุ่มแทน ส่วนเรื่องแนวทางการผลิตต่อไปในอนาคต ทางเราก็คงต้องคำนึงถึงรายละเอียดเพิ่มเติมที่จะไม่ทำให้คนดูและคนในสายอาชีพต่างๆ ที่อยู่ในบทไม่รู้สึกกระทบจิตใจพวกเขาจนเกินไป”

ต้น ณฐนนท์ เผยต่อว่า “ส่วนตัวผมมีความตั้งใจที่อยากรังสรรค์งานดีๆ สู่สายตาผู้ชม อยากจะยกระดับเนื้อหาของละคร อยากยกระดับการถ่ายทำ มุมกล้อง และเทคโนโลยีในการถ่ายทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เหมาะสมกับยุคสมัยอยู่แล้วครับ นี่ก็ปี 2021 แล้วไม่อยากจะย่ำอยู่ที่เดิมๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาแบบนี้ที่ประชาชนซึมเศร้าจากวิกฤติ เราเป็นเฟืองเล็กๆ ในการสร้างรอยยิ้มได้ผมก็ดีใจแล้ว ทางผู้จัดก็ต้องขอบพระคุณผู้ใหญ่ในวงการทุกท่านที่ให้การสนับสนุนและ แฟนคลับหลายๆ ล้านคน ที่ให้ความไว้ใจสนับสนุนผมและศิลปินให้มีสัมมาอาชีพแบบนี้คงอยู่ได้ในยามยาก หลังจากนี้ทางทีมผู้จัด เตรียมตัวปรับเปลี่ยนเนื้อหา แก้ไขและเพิ่มเติมในส่วนที่เหลือยังไงต่อไป”

ต้น ณฐนนท์ ผู้จัดละคร

การแก้ไขในการถ่ายทำคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงเพราะถ่ายทำเสร็จหมดและ on air แล้ว แต่สิ่งที่ทำได้และยินดีที่จะทำคือการ ใส่คําชี้แจงเพิ่มเติมในช่วงเริ่มต้น ระหว่างดำเนินเรื่อง และช่วงท้ายก่อนจบและหลังจบ EP. เช่น “ตัวละครและเหตุการณ์ต่างๆ ในละครเรื่องให้รักพิพากษา เป็นเรื่องราวสมมติ ถูกเติมแต่งและเป็นสถานการณ์เฉพาะบุคคล เพื่ออรรถรสของละคร โดยมิได้มีเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อวิชาชีพใดๆ และไม่ได้มีเจตนาชี้นำชักจูงและเกิดทัศนคติในทางลบต่อกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง”

“เรื่องของขบวนการยุติธรรมเป็น เทรนด์ของละคร ซีรีส์ในปัจจุบันทั่วโลกเช่น เกาหลี อเมริกา ญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา คนไทยให้ความสนใจมาก ทางผู้จัด มีความตั้งใจที่จะนำเสนอละครเชิงนี้ เพื่อให้เกิดความสดและแปลกใหม่ เพื่อให้ประชาชนรู้ว่าขบวนการยุติธรรมของประเทศเรานั้นศักดิ์สิทธิ์ โปร่งใส น่าเคารพ และ เป็นเกราะพึ่งพาให้กับประชาชนทุกคน

ฟีดแบ็กจากข่าวที่ออกมาได้รับผลกระทบยังไงบ้าง “ปกติครับที่ทุกเหรียญมี 2 หน้า มีคนเห็นด้วยแล้วก็ไม่เห็นด้วย โชคดีที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ถือเป็นสาระสำคัญและเข้าใจว่ามันเป็นละคร ไม่แม้กระทั่ง base on true story ให้ชมเพื่อความสบายใจ และเข้าใจว่าผู้จัดมิได้มีความตั้งใจที่จะดูหมิ่นทำร้ายใคร ก็ต้องขอบคุณประชาชนชาวไทยจากใจจริง สำหรับกำลังใจและให้ความสำคัญกับรอยยิ้มมากกว่าจะเอามาเป็นประเด็นไม่สบายใจ”

ต้น ณฐนนท์ ผู้จัดละคร

“คนดูละครดูหนังทุกคนแยกแยะออกว่าละครคือมีเนื้อหาอรรถรสเพิ่มเติมเพื่อสีสันในการสร้างความน่าสนใจ ละครแนวนี้แม้เป็นเรื่องแรกสำหรับเราแต่ในต่างประเทศเขาทำกันมาเยอะแล้วครับ CIA ตำรวจ ทหาร นักการเมือง มันเป็นเรื่องที่กรุขึ้นมาเชิง entertainment มันไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าโจมตีวิชาชีพใดวิชาชีพหนึ่ง แต่มันบอกเราแค่เพียงว่าทุกอย่างมีขาวมีดำ มีทั้งคนดีคนไม่ไม่ดีมันก็เท่านั้น แต่บางส่วนยังส่งพลังบวกให้ว่า เนื้อหาของละคร สะท้อนความเป็นจริงเลย อาจจะจี้จุด สถานการณ์จริงของแวดวงอัยการ กลุ่มอัยการบางส่วนเลยโพสต์วิจารณ์ละคร”

ตามคอมเมนต์อัยการบ้างส่วนเห็นด้วย เพราะเนื้อหาของละครไม่ได้ผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงที่ละครได้นำเสนอ “จริงๆ ในช่วงเวลาที่บ้านเมืองตกอยู่ในสถานการณ์ที่โศกเศร้าและลำบากแบบนี้ ผมไม่อยากให้เกิดความบาดหมางขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจากฝ่ายใดๆ ผมรู้แค่ว่าผมตั้งใจทำละครให้ออกมาดีและสนุกที่สุด ก็เท่านั้นครับ”

ก่อนหน้านี้ มีปรึกษาของละครคือ “ทนายนิด้า” และ “ทนายเจมส์” ได้ออกมาชี้แจ้งเบื้องต้นแล้วว่า ทางบทละครอาจมีเพิ่มเติมสีสันของละคร ไม่ใช่จริงจังเหมือนสารคดี “มันก็เป็นตัวบ่งบอกที่ชัดเจนแหละว่าเราตั้งใจทำงาน ทำการบ้าน และทำเต็มที่เพื่อให้เนื้อหาและรายละเอียดมันใกล้ความเป็นจริงที่สุดเท่าที่ผมและจะทำได้แล้ว ที่ปรึกษาทางกฏหมาย เจ้าหน้าที่ศาล และอีกหลายวิชาชีพที่เราเชิญมาเป็นที่ปรึกษา ไม่ได้คิดเองทำเองโดยพละการ คุณนึกสภาพแบบนี้ว่า ถ้าผมให้วิชาชีพอื่นมาทำหนังทำละคร แล้วมาให้คนในวิชาชีพผมวิจารณ์รับรองว่าคุยกัน 3 วันก็ไม่จบ มันต้องดูที่เจตนาและเจตจำนงครับ ผมมั่นใจว่าคนที่แยกแยะคำ 2 คำออกระหว่าง สารคดีกับละคร เขาคงจะเข้าใจแล้วก็คงไม่ต้องอธิบายกันเยอะ”

ฝากแฟนๆ เปิดใจถึงละครรักกฎหมาย โค้งสุดท้ายของละครที่จะได้เห็นกันต่อ ยังมีในส่วนของคดีที่จะได้เห็นกันยังไงบ้าง “อย่างที่เรียนครับ ละครมาดีมากแม้ในช่วงวิกฤติ ผมคิดว่าส่วนหนึ่งคงเป็นเรื่องรอยยิ้มที่ทำให้คนดูเกิดความสุขเล็กๆ ก็อยากจะให้เอาประเด็นนี้มาเป็นประเด็นหลักดูให้สนุกแล้วก็อย่าคิด มากจนเกินไป ละครติดอันดับต้นๆ แม้ใน platform ต่างประเทศติดต่อกันทุกสัปดาห์ เพลงก็ขึ้น chart อันดับ 1 ใน Intensive Wtach Top 20 ซึ่งเป็น chart ยอดนิยม”

“สำหรับทีมงานและศิลปินนี่ก็สุดยอดแล้ว อยากให้ประชาชนเป็นกำลังใจให้นักแสดง ผู้จัดช่อง ว่าพวกเขาทำงานกันอย่างเติมที่ด้วยความทุ่มเท เพราะมันยากมากจริงๆ ด้วยมิติของเนื้อหาเรื่องขบวนการยุติธรรม ศิลปินดาราทุกคนท่องจำบทกันเป็นสิบๆหน้า เพื่อให้ออกมาดีที่สุดและสนุกที่สุด ในช่วงเวลาที่สั้นมากๆ ต่อตอน

ส่วนตัวผู้จัดนั้น สัญญาว่าจะไม่ท้อและจะนําทุกประเด็นติเพื่อก่อ ไปประกอบการพิจารณาเพื่อให้ละครเรื่องต่อไปออกมาสมบูรณ์มากยิ่งๆ ขึ้นไป ก็ขอให้แฟนๆ ส่งเสียงกันมานะครับ ว่ายังอยากให้มีละแนวนี้ต่อไปหรือไม่ เพราะผมก็ใฝ่ฝันว่าถ้ากระแสมาดีขนาดนี้ ดูแล้วเกิดประโยชน์มากกว่าโทษ ก็ยินดีที่จะทำต่อไป ส่วนสารคดีผมคงไม่ทำแน่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน