น้ำหวาน สุดทน โรคจิตคนเดิมคุกคามกว่า 10 ปี หยาบคายลามถึงพ่อแม่

น้ำหวาน สุดทน / เหมือนเหตุการณ์จะสงบ หลังจากที่ น้ำหวาน พิมรา เจริญภักดี นักร้องนักแสดงชื่อดัง เคยไปแจ้งความถูกโรคจิตคุกคาม ส่งข้อความด่าทอหยาบคาย ส่งรูปภาพอนาจาร และรูปภาพที่เกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรง จนเป็นข่าวใหญ่ในขณะนั้น ส่วนคู่กรณีก็ได้ถูกพาไปรักษาที่โรงพยาบาล เหตุการณ์ก็น่าจะสงบและผ่านไปด้วยดี

น้ำหวาน สุดทน

แต่แล้วเรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เมื่อ น้ำหวาน โพสต์ข้อความลงไอจีถึงเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง ด้วยข้อความว่า “ขออภัยในข้อความที่แคปมานะคะ รุนแรงนิดนึง…ยังไม่จบ เจอแบบนี้ทุกวันแต่ก็ไม่ได้สนใจ ทั้งขึ้นโรงพักก็แล้วพาไปส่งโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ถึงขนาดจะออกค่ารักษาให้ (เพราะคุณแม่บอกว่าไม่มีเงินรักษา) ก็หนีออกมา เอาแม่มาคุย บอกจะหยุดก็ไม่หยุด ทนมาหลายปีมากแล้วที่รำคาญกับข้อความแบบนี้ ให้อภัยก็แล้ว มองผ่านข้อความแบบนี่ที่ส่งมาทุกวันก็แล้ว แต่คราวนี้ด่าชื่อพ่อชื่อแม่ อันตรายมาก (เพราะบุคคลนี้รู้จักบ้านด้วย) ไม่ทนละนะบอกก่อน เตรียมรับหมายเรียกได้เลย แล้วไม่ต้องส่งแม่มาขอโทษอีกนะ พอกันที ไม่รับคำขอโทษอีกแล้วเพราะจะ10 ปีแล้ว เบื่อ!!” พร้อมติดแฮชแท็ก #เจ้ากรรมนายเวร

น้ำหวาน สุดทน

ล่าสุด ข่าวสดบันเทิง ได้โทรศัพท์เพื่อเข้าไปสอบถามถึงเหตุการณ์ดังกล่าว โดย น้ำหวาน เผยว่า “ย้อนกลับไปเมื่อ2-3 ปีที่แล้ว ที่ไปแจ้งความตอนนั้น เพราะอยากรู้ว่าคนที่ส่งข้อความเหล่านี้ ในช่วงเวลานั้นเขาเป็นคนหรือเป็นอวตาร ก็ไปร้องที่ปอท. จนรู้มาว่าเป็นคนมีตัวตนจริง และเป็นเด็ก ตามทะเบียนราษฎร์ จากนั้นก็ไปแจ้งความที่สน.ดอนเมือง”

“ทางสน.ก็ออกหมายเรียกเพื่อให้ได้เจอกัน แต่วันนั้นน้องคนนี้ก็ไม่ได้มา ก็เป็นคุณแม่เขามา คุณแม่เขาก็เล่าว่าน้องมีปัญหาด้านสุขภาพจิต ก็ถามเขาว่าทำไมไม่พาไปรักษาให้ถูกต้อง ทำไมถึงปล่อยไว้ ได้รับคำตอบว่าอยากพาไปแต่ติดเรื่องค่ารักษา ณ วันนั้นเราก็คิดว่า ถ้าติดเรื่องค่ารักษา ด้วยน้องอายุยังน้อย เราก็ไม่ได้จะเรียกร้องเอาอะไรกับเขา เราก็เลยจะเป็นคนซัพพอร์ตเรื่องค่ารักษาให้ ถ้าขาดเหลือยังไงให้แจ้งมาทางตำรวจได้เลย

น้ำหวาน สุดทน

“ตอนนี้ถามกับคุณแม่เขาว่า ชีวิตประจำวันน้องทำอะไร ได้คำตอบว่าเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เวลาออกไปทำงานก็จะเอาน้องไว้ในบ้าน แล้วก็ล็อกกุญแจไว้ แต่น้องก็สามารถแว้บหนีออกมาได้บ้าง ทีนี้คุณแม่ก็จะทิ้งโทรศัพท์เอาไว้ให้น้อง จุดประสงค์คงอยากให้ดูหนังฟังเพลง เราก็ถามคุณแม่ว่ารู้ไหมว่าน้องส่งข้อความเหล่านี้มาที่น้ำหวาน และหลายๆ คน และที่สำคัญน้องรู้จักบ้านของน้ำหวาน รู้จักชื่อถนน รู้จักหมู่บ้าน ก็รู้สึกว่ามันอันตรายมาก แล้วพอมารู้จากทะเบียนราษฎร์ บ้านเขากับบ้านเราไม่ได้ไกลกัน ก็เลยตัดสินใจเข้าแจ้งความวันนั้น”

“แม่เขาก็ถามว่า เราต้องการอะไร อย่าเอาเรื่องลูกเขาได้ไหม เราไม่ได้อยากได้เงิน เราไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำขนาดนั้น เราอยากให้เขาไปรักษาให้ถูกต้อง คุณแม่ก็ต้องจำกัดการใช้โซเชี่ยลของเขาด้วย เพราะการใช้โซเชี่ยลของเขามันก่อกวนคนอื่นจริงๆ ถ้อยคำที่เห็นทุกวันมันหยาบคายมากๆ ก็ให้คุณแม่เขาดูหมดเลย ตอนนั้นคุณแม่เขาก็รับปากว่าจะดูแล น้องเขาก็เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยาก็จบไป จากนั้น 2 สัปดาห์ ตำรวจโทรมาบอกว่า น้องเขาหนีออกไปจากโรงพยาบาล แต่ตอนนี้เจอตัวแล้วนะครับ เราก็คิดว่าหนีออกไปได้ด้วยเหรอ แต่เราก็ไม่ได้คิดจะ
ตามอะไร เพราะเราคิดว่าคุณแม่เขาทราบเรื่องแล้ว และเขาก็รับปากเราแล้วด้วย เรื่องก็เงียบไป”

น้ำหวาน สุดทน

“เรื่องเงียบไป น้องเขาหายไปเป็นปี ทีนี้เขากลับมา เปลี่ยนแอ็กเคาต์แล้วก็ส่งข้อความแบบเดิมๆ มา ทีนี้ก็ไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว ก็ดูเป็นความบันเทิง ปล่อยวาง เห็นแล้วก็โอเคส่งมาแบบนี้อีกแล้ว ก็บล็อก บล็อกเสร็จก็สร้างแอ๊กเคาต์ขึ้นมาใหม่แล้วก็ส่งข้อความมาอีก แต่ที่ไม่ทนล่าสุดคือ เขาเอ่ยชื่อคุณพ่อคุณแม่น้ำหวาน ชื่อคุณแม่ยังพอหาเจอ มีคนบอกว่าถ้าเสิร์ชค้นหาก็จะขึ้นชื่อคุณแม่ แต่ชื่อคุณพ่อไม่มีแน่นอน และก็ไม่ใช่ว่าจะหาง่ายๆ”

“มีคนบอกว่าเขาไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่น้ำหวานว่าเขาเป็นคนฉลาดนะ เขารู้ชื่อคุณพ่อ รู้นามสกุล รู้ที่อยู่ที่บ้าน กว่าเราจะหาชื่อเขาได้เรายังต้องวิ่งไปปอท. แล้วปอท.กว่าจะหายังต้องใช้เวลาหาข้อมูลอยู่นาน กว่าจะได้เบอร์ทุกอย่างได้ช้าหมด แต่เขามีหมดเลย น้ำหวานกดหายังไงก็ไม่เจอเขา แต่เขาเจอเราทุกอย่าง คนจะบอกว่าเขาไม่รู้เรื่อง แต่เอาจริงๆ เขาเก่งกว่าเราอีก น้ำหวานเชื่อแบบนั้น”

“ก็เลยคิดว่าจะไม่ทนแล้ว ด้วยถ้อยคำหยาบคายยังไม่เท่าไหร่หรอก ไม่ต่างจากที่เคยส่งมา แต่ที่ไม่ทนแล้วคือเขารู้ข้อมูลส่วนตัวเราเยอะเกินไปแล้ว เมื่อคืนคุณพ่อบอกว่าถ้าเขารู้ว่าเราอยู่ที่ไหน เขาซุ่มอยู่ตรงไหน แล้วเขาเข้ามาทำอะไรเรา เขารอดทันทีเลย เพราะเขาเป็นผู้ป่วยจิตเวช ก็เลยตัดสินใจโทรหาร้อยเวรที่เคยดูคดีนี้ให้ ร้อยเวรก็แนะนำให้แจ้งความที่สน.คลองตันไว้ ก็รอฐานข้อมูลจาก ทะเบียนราษฎร์ ชื่อ เบอร์โทรศัพท์ต่างๆ เพื่อประสานงานได้เร็วขึ้น จะให้วิ่งไปปอท.เพื่อหาใหม่ โควิดช่วงนี้ก็ไม่เหมาะสมที่จะเดินออกไปตรงนั้น”

“ก็มีคำถามมาหลังไมค์นะคะ ว่าหนึ่งทำไมไม่บล็อก คือบล็อกแล้วเป็นร้อยแอ๊กเคาต์ สองจะทำยังไงต่อไป คือหวานอยากให้เขารักษาจริงจัง ต่อเนื่อง และครั้งนี้เราจะต้องรับรู้การรักษาของเขาว่าไปถึงไหนแล้ว อาจจะรับรู้ผ่านร้อยเวร หรือคุณแม่ของเขาก็ไม่มีปัญหา ทางไหนก็ได้ เพื่ออัพเดต คือเขาเด็ก เขามีสิทธิ์ที่จะให้ชีวิตปกติ สามคือเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากเขาไหม คำตอบคือไม่ อยากให้เขารับการรักษา และสี่ถ้าเจอหน้าเขาจะทำยังไง นี่คือถำถามยอดฮิต”

“ก็จะบอกว่าแค่อยากคุยกับเขา เพราะคุณแม่เขาบอกว่า เขาชอบเรา เป็นแฟนคลับ แต่คำนวณจากอายุ ตอนที่ออกเทปคือน้องน่าจะยังเดินไม่ได้ ก็อาจจะมาชอบกันตอนโต ก็ไม่เป็นไร แต่คำว่าชอบน่าจะใช้ภาษาถึงกันที่ดีกว่านี้ แต่ละอย่างที่เขาส่งมาทุกวันคือ หนึ่งคนร่วมเพศ ที่เอามาจากหนังโป๊ สองเลือด ปาดคอ คนตายนองเลือด การร่วมเพศระหว่างคนกับสัตว์ ที่น้ำหวานต้องทนดูทุกวันค่ะ แต่ไม่ได้จะเอาเรื่องเขานะ แต่ที่จะเอาเรื่องเขาคือเขารู้ชื่อพ่อแม่ได้ยังไง แล้วมีที่อยู่ที่บ้านก็รู้สึกไม่ปลอดภัยค่ะ”

ไม่ได้หวังจะจับให้ติดคุก? “ไม่ค่ะ ไม่ได้หวังให้คนอายุน้อยๆ อย่างเขาถูกจับไปอยู่ในคุกนะคะ แค่อยากให้รักษาที่โรงพยาบาล ถ้าหมอวินิจฉัยว่าต้องอยู่โรงพยาบาลสักระยะหนึ่งเขาก็ต้องอยู่ ถ้าหมอบอกว่าเขาต้องกินยาเขาก็ต้องกิน เพราะดูแล้วที่คุณแม่เขาสัญญาคือมันไม่จริง มันทำไม่ได้ เขาไม่ได้ดูแล มันไม่ได้เกิดอะไรขึ้นเลยค่ะ”

จำได้ไหมอายุเท่าไหร่? “คือวันที่เราไปแจ้งความที่สน.ดอนเมือง ตอนนั้นเขาอายุ 21 ปี วันนั้นถึงวันนี้ก็น่าจะ 3 ปี ก็น่าจะ 24-25 ประมาณนี้ เขาเด็กเราไม่รู้จะไปเอาอะไรกับคนป่วยที่เป็นเด็ก คำสัญญาก็ไม่เอาแล้ว เพราะแม่เขาเคยสัญญามาแล้ว คำขอโทษก็ไม่มีความหมายอะไร คุณแม่เขาต้องรู้ว่าสิ่งที่ลูกเขาทำ คนอื่นเดือดร้อนมากๆ เดือดร้อนรำคาญใจ และยิ่งลามมากๆ คือลามมาครอบครัวแล้ว แล้วมาบอกว่าเป็นแฟนคลับ แล้วพ่อแม่หล่ะ ที่อยู่ที่บ้านเกี่ยวอะไรด้วย ก็อยากจะคุยกับเขา ถ้าตำรวจเรียกมาก็รู้อยู่แล้วว่าเขาไม่มา อย่างครั้งที่แล้วก็ไม่มา ถ้าคุณแม่เขามาก็ต้องคุยกันให้จริงจัง เพราะน้ำหวานก็ไม่ยอมแล้วเหมือนกัน”

สุดจะทนแล้ว จึงตัดสินใจจะแจ้งความอีกครั้ง? “ใช่ค่ะ เพราะว่าคุณแม่เขาบอกว่าสงสารเลยไม่ได้เอาไปรักษา ก็เลยถามว่าแล้วคุณแม่ไม่สงสารคนอื่นที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้เหรอ คุณแม่ให้โทรศัพท์เอาไว้เพื่อติดต่อเข้าใจได้ คุณแม่อยากติดต่อลูกได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว โดยเฉพาะลูกที่ไม่สบาย อันนี้เราเห็นใจ แต่ตัดสัญญาณไวไฟก็ได้ ตัดการใช้อินเทอร์เน็ตในมือถือ เปลี่ยนเป็นดูทีวีแทน มันมีความบันเทิงหลายอย่าง”

“แต่ถ้านี่คือความบันเทิงของเขา เที่ยวไล่ด่าคนอื่นด้วยถ้อยคำที่ฟังแทบจะไม่ได้เลยคนอื่นไม่ได้บันเทิงด้วยนะคะจริงๆ และแต่ละคำนะ ตัดสินใจอยู่นานว่าจะเซ็นเซอร์คำหยาบคายออกไหม แต่ก็ไม่ดีกว่าเพราะอันนี้ยังไม่ใช่ที่สุด ยังไม่หยาบคายที่สุด หลายคนบอกว่าอ่านยังไม่ทันจบเลยตกใจ น่ากลัวมาก จะบอกว่านี่ไม่ใช่ที่สุด บล็อกแล้วเป็นร้อย ในไอจีมีแต่บล็อกของเขาค่ะ”

ขอบคุณไอจี itsmewaan

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน