เมื่อวันที่ 23 ต.ค. ครอบครัวเตชะไพบูลย์ ประกอบด้วย เอ๋-พรเทพ อดีตรัฐมนตรี กบ-ปภัสรา อดีตนางงาม นักแสดง และผู้จัดละคร และน้องเหนือ-ดิสรยา ลูกสาว นำขนมและน้ำดื่มมาแจกให้ประชาชน ที่บริเวณถนนหน้าพระลาน

s__25002006

โดย ‘กบ-ปภัสรา’ กล่าวว่า “ครอบครัวเรามาที่พระบรมมหาราชวังเป็นครั้งที่ 4 แล้ว วันนี้มากันตั้งแต่ 9 โมงเช้า นำเจเล่องุ่น แยมโรลองุ่น และชิฟฟ่อนองุ่นจากไร่ของตัวเองมาอย่างละจำนวน 20 ลัง แต่คราวหน้าคิดว่าน่าจะต้องเพิ่มเป็น 50 ลัง เพราะไม่พอกับจำนวนคนที่มารอรับ รวมถึงมีน้ำดื่มและทำริบบิ้นดำจำนวน 100 ชิ้น เพื่อให้น้องเหนือช่วยแจกด้วย”

s__25002009

อดีตนางงาม กล่าวอีกว่า “ก่อนที่จะทราบข่าวในหลวงสวรรคตก็จะมีกระแสข่าวลือต่างๆ นานาออกมา แต่ส่วนตัวเชื่อมั่นว่าพระองค์จะไม่ไปไหน จนมาวันที่ 13 ตุลาคม มีแถลงการณ์ออกมาตอนนั้นทำใจรับไม่ได้เลย คิดว่าไม่ใช่เรื่องจริง เพราะว่ายังไม่ถึงเวลายังไม่ถึง 120 ปี ที่พระองค์เคยบอกไว้เลย ตอนที่รู้เหมือนหัวใจหยุดเต้น ทำอะไรต่อไม่ได้ ซึ่งเชื่อว่าทุกคนมีความรู้สึกเช่นเดียวกัน ในวันนั้นกบอยู่งานข้างนอกพอกลับมาถึงบ้านก็รีบมาเคาะประตูห้องของลูกสาว แล้วก็ถามว่ารู้เรื่องแล้วใช่มั้ย เขาบอกว่ารู้แล้ว และร้องไห้ตาบวมมาตั้งแต่ตอนที่รู้ข่าวเลย หลังจากนั้นก็กอดกันร้องไห้และรีบแยกย้ายกันเข้าห้องของตัวเองไป”

s__25002007

“กบเคยพูดมาเสมอว่า ชีวิตเราชีวิตเดียวสามารถตายแทนพระองค์ท่านได้ เพราะชีวิตเราไม่ได้มีค่าอะไร ไม่เหมือนกับพระองค์ท่านที่มีค่าต่อคนไทยเกือบ 70 ล้านคน แต่พอมาถึงวันนี้ก็ต้องผ่านความรู้สึกเศร้าโศกเสียใจไปให้ได้ พร้อมกับรู้ว่าคนไทยมีในหลวงที่คนทั้งโลกรัก ตลอดระยะเวลา 70 ปีที่พระองค์ทรงครองราชย์มา ท่านทำอะไรให้คนไทยบ้าง คนที่บอกว่าไม่รู้เลย อันนี้ก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงจริงๆ” อดีตนางงาม กล่าว

ครอบครัวเคยมีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระองค์ท่านบ้างไหม กบ-ปภัสรา เผยว่า “สำหรับกบเคยมีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระองค์ท่าน 3 ครั้ง ครั้งแรกมานั่งรอรับเสด็จในวันจักรีที่วัดพระแก้ว ครั้งที่สองคือตอนที่เล่นละครเทิดพระเกียรติต่อหน้าพระพักตร์ที่สนาม 700 ปี จ.เชียงใหม่ และครั้งสุดท้ายคือได้เข้าเฝ้าพร้อมกับพี่เอ๋ เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2542 ที่เสด็จออกสีหบัญชร ถือเป็นที่สุดในชีวิตที่หลังจากนี้ไปคงจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว แต่พระองค์ท่านยังอยู่ในลมหายใจตลอดไป” ผู้จัดฯสาว กล่าว

สอนลูกในเรื่องความรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัวอย่างไรบ้าง กบกล่าวว่า “จะสอนน้องเหนือตลอดว่าให้ดูข่าวในพระราชสำนัก ทุกครั้งที่เห็นในหลวงให้กราบ รวมถึงเรื่องของความพอเพียง เพราะเขาเรียนอยู่ที่ร.ร.จิตรลดา เวลาขับรถไปส่งตลอดข้างทางก็จะเห็นท้องไร่ท้องนาคอกวัวคอกควาย เพื่อเสาะหาความรู้เอามาให้กับประชาชนทั้งนั้น พระราชวังของในหลวงไม่ได้มีของมีค่าแพงๆ อย่างที่เคยเห็นกัน เขาก็จะเห็นในสิ่งที่พระองค์ท่านสร้างไว้ กบและพี่เอ๋ก็จะปลูกฝังลูกในเรื่องความพอเพียง อย่างในไร่ของเราจะเน้นเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงเช่นกัน”

เอ๋-พรเทพ กล่าวว่า “ผมมีโอกาสได้ใกล้ชิดพระองค์ท่านช่วงที่เป็นรัฐมนตรีอยู่ มีโอกาสรับสายสะพายทั้ง 4 สายจากพระหัตถ์ของพระองค์ และมีโอกาสได้นำบุคคลสำคัญเข้าเฝ้าในโครงการของพระองค์หลายโครงการ การได้รับใช้เบื้องพระยุคลบาท ทำให้ผมซาบซึ้ง ภูมิใจ และดีใจที่ได้เห็นสิ่งที่พระองค์ทรงทำนั้นทำให้ประชาชนชาวไทยได้รับประโยชน์ ไม่ว่าคนจากประเทศไหน เมื่อเห็นแล้วก็อยากจะทำตาม อยากเรียนรู้ในสิ่งที่ท่านทรงทำ พระองค์ยังอยู่ในหัวใจของทุกคนที่ได้สัมผัส เพราะท่านมีความเมตตา โครงการแต่ละโครงการที่เกิดขึ้นก็มีประโยชน์มากสำหรับทุกคนทุกชนชั้น”

“สำหรับผมท่านคือความทรงจำที่จะคงอยู่ตลอดไป สิ่งที่พวกเราสามารถทำได้เพื่อท่านต่อไป คือการทำความดีตามคำสอนของท่าน สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อตนเอง สังคม และประเทศชาติมาก ไร่ของผมที่เชียงใหม่ก็ให้ความรู้คนเรื่องความพอเพียง มีการฝึกสอนการทำเศรษฐกิจพอเพียง ให้ความรู้คนได้นำไปใช้ในการประกอบอาชีพ โดยใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นตามแนวทางที่ท่านวางไว้ เพราะทราบถึงความสำคัญในสิ่งนี้ตอนได้ใกล้ชิดท่าน และรู้สึกว่าถ้าทุกคนตระหนักถึงความพอเพียงในหัวใจ ทุกอย่างจะดีกว่าการมาคอยแก่งแย่งกันครับ” เอ๋กล่าว

น้องเหนือ-ดิสรยา เผยว่า “ช่วงที่เหนือเริ่มโตพระองค์ท่านก็เริ่มมีพระชนมายุที่มากขึ้น แต่ด้วยความที่เหนือเรียนที่ร.ร.จิตรลดา ทำให้ได้เรียนรู้ชีวประวัติของพระองค์ท่าน ได้เห็นว่าในวังของท่านเป็นยังไงบ้าง ซึ่งที่เห็นคือวังนี้ไม่เหมือนกับวังของประเทศอื่น ที่มีแต่ของหรูหรา แต่วังนี้เข้าไปมีแต่โครงการหลวง ตามเศรษฐกิจพอเพียงที่ท่านสอนพวกเรามา พอเห็นก็ซาบซึ้งในสิ่งที่ท่านทำให้คนไทยทั้งหมด พอทราบข่าวว่าพระองค์ท่านสวรรคต ก็ร้องไห้หนักมากค่ะ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน