บิว กัลยาณี สติแตก โควิดเล่นงาน ช้ำ! ขายทอง 60 บาท เผย ใกล้หมดสัญญา อาร์สยาม

บิว กัลยาณี สติแตก – นับว่าเป็นวิกฤตที่หนักหนาสาหัสกันทั่วโลก สำหรับการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำเอา นักร้องสาว บิว กัลยาณี อาร์สยาม หรือ กัลยาณี เจียมสกุล สติแตก เมื่ออาชีพนักร้องได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เต็มเหนี่ยว รายได้เท่ากับศูนย์

ล่าสุด บิว กัลยาณี ได้ให้สัมภาษณ์กับข่าวสดบันเทิงออนไลน์ เผยถึงการใช้ชีวิตในช่วงสถานการณ์โควิดที่ต้องนำทอง 60 บาทไปขาย เพื่อนำเงินมาผ่อนค่ารถ ค่าบ้าน ปะทังชีวิต พร้อมเผยถึงการเตรียมตัวเป็นนักร้องอิสระ

ชีวิตช่วงโควิดเป็นยังไงบ้าง? “จริงๆ มันเริ่มมีผลกระทบมาตั้งแต่รอบแรก รอบแรกคือยังไม่ทันตั้งตัว สติแตกมาก เพราะว่าเราเองยังไม่มีงานสำรองไว้ หมายถึงว่าร้องเพลงเป็นหลัก แล้วก็ร้องเพลงอย่างเดียวเลย รายได้มันก็คลอบคลุมทุกอย่างอยู่แล้วค่ะ แต่พอรายได้เป็นศูนย์ สมองพังไปเลย ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อค่ะ”

ช่วงนั้นสติหลุด? “ตอนที่ตั้งสติไม่ได้เลย คือระลอกแรก เพราะมันเหมือนเรายังไม่เคยเจอ เหมือนเจอสึนามิครั้งแรก ไม่รู้ว่าทำไมถึงรุนแรงขนาดนี้ค่ะ พอทุกอย่างเริ่มเข้ามาเป็นปกติก็เริ่มมีงานเข้ามา แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะกลับมาอีก

พอเริ่มมีโควิดรอบที่สองก็ยังตั้งตัวไม่ติดอยู่เหมือนกัน เหมือนครั้งแรกมันแป๊บเดียว เราก็นึกว่ามันหายไปแล้ว ครั้งที่สองก็เลยยังใช้ชีวิตประมาทอยู่เหมือนเดิม แต่ก็พยายามเก็บเงินไว้ เผื่อสำรอง แต่ไม่คิดว่าจะมีระลอก 3 ที่หนักแล้วก็นานขนาดนี้ ระลอก 3 มันก็ยังไม่พอเรื่องค่าใช้จ่าย แล้วงานก็เป็นศูนย์จริงๆ คือไม่สามารถออกไปไหนได้เลยค่ะ”

ก่อนหน้านี้หารายได้ง่ายกว่าตอนนี้? “5-6 งานก็ยังได้อยู่นะคะ เมื่อก่อนก็ยังได้อยู่ในหลักแสน แล้วค่าใช้จ่ายของเราต่อเดือนมันก็อยู่ในหลักแสนอยู่แล้ว แต่พอขาดรายได้ช่วงโควิดต้องเอาสมบัติเก่ามาใช้อย่างเดียวเลย ขายออนไลน์คือขายได้บ้าง ขายไม่ได้บ้าง ทุกคนลำบากหมด แม่ค้าเยอะ แต่คนซื้อน้อย แล้วรายรับของเราก็แค่หลักร้อยเอง ฉะนั้นมันไม่พอต่อรายจ่ายต่อเดือน”

ช่วงนี้หันมาทำออนไลน์มากขึ้น? “ไม่ค่ะ ออนไลน์ก็แค่นิดๆ หน่อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็นของที่รับมาจากชาวบ้าน แล้วก็ช่วยกระจายรายได้เหมือนที่ผ่านมา ขายต้นบอนดำสตูลที่ชาวบ้านไปขุดมาตามธรรมชาติ แล้วก็มาช่วยกันขาย เราก็มีกำไรนิดนึง เขาก็มีกำไรนิดนึง พอช่วยกันค่ะ แต่ถ้าให้รับสินค้ามาขายก็ยังไม่ได้ค่ะ เพราะมีการติดสัญญากับแบรนด์ค่ะ”

ช่วงนี้คือต้องปิดช่องทางขายของออนไลน์? “ไม่ได้ค่ะ เพราะว่ายังมีสัญญาอยู่กับอาร์เอส เวลารับผลิตภัณฑ์อะไรไปขาย ก็ต้องเป็นผลิตภัณฑ์ช่วยชาวบ้าน หรือเป็นผลิตภัณฑ์ที่โนเนมค่ะ ถามว่าเป็นแบรนด์ตัวเองได้ไหม เคยทำแล้ว แต่ว่ายังไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ ด้วยการตลาดค่ะ เลยหยุดไป”

ช่วงที่เจอวิกฤต เราเอาสมบัติเก่ามาใช้? “ตอนนี้เราเอาเงินเก็บ ทองที่เราซื้อเก็บไว้ ที่เราคำนวณแล้วว่าในบั้นปลายชีวิต ถ้าเกิดงานมันน้อยลง หรือว่าไม่ได้เป็นนักร้องแล้ว ส่วนนี้มันก็จะพอใช้ถึงเราแก่ แต่พอตอนนี้ด้วยความที่เพิ่งซื้อบ้านมาได้ 2 ปี รถคันใหม่ก็ยังผ่อนไม่หมด เลยต้องมาผ่อนตรงนี้ มันก็เลยหมดไว

เอาทองมาขาย ตอนนี้ก็ขายร่วม 60 บาทแล้วค่ะ เฉพาะบ้านกับรถก็เกือบแสนแล้ว และยังมีค่ากิน ค่าน้ำค่าไฟ ซึ่งจริงๆ ตรงนี้ไม่ได้เปลืองมาก เราก็พยายามติดต่อธนาคารเพื่อจะขอลดหย่อน แต่มันก็แค่เลื่อนจ่าย ดอกเบี้ยยังได้จ่ายเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นเราอดทนแบบนี้ เพื่อที่จะจ่ายแบบปกติดีกว่า เฉลี่ยเดือนละแสนค่ะ ทั้งที่รายได้เป็นศูนย์”

ตอนนี้หาทางออกอย่างไร? “ตอนนี้เขามีการปรับมาตรการเวลาไปถ่ายรายการแล้วปลอดภัยมากขึ้น ก็จะมีไปถ่ายรายการบ้าง แต่คือน้อยมาก มีรับรีวิวของชาวบ้าน เป็นของกิน เรียกว่าช่วยดีกว่าค่ะ กลายเป็นว่ารายได้แทบจะไม่เข้ามาเลย เป็นสินค้าที่เห็นอกเห็นใจกันทั้งนั้นค่ะ เลยต้องขายสมบัติไปเหมือนเดิม แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ มันแบกจนเหนื่อย จนหนักแล้ว คิดว่าไม่ไหวก็จะกลับมาอยู่บ้านค่ะ”

ได้ยินว่าใกล้หมดสัญญาแล้ว? “ปีนี้ค่ะ หมดปีนี้ปลายปี ประมาณเดือนธันวาคม ก็อยู่กับอาร์สยามมา 16 ปีแล้วนะคะ (ยิ้ม) อยู่ตั้งแต่เด็กจนโต วัยกลางคน เหมือนได้เติบโตในอาร์สยามก็รักและผูกพันมากๆ แต่เรื่องที่ว่าจะต่อสัญญาไหม

เดี๋ยวรอใกล้ๆ เดือนธันวา น่าจะมีการคุยกันอีกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรไหม จะต่อยอด หรือว่าไปเองเพราะตอนนี้โซเชี่ยลค่อนข้างที่จะอยู่ในมือเราเยอะ ฉะนั้นถ้าเราทำโซเชี่ยลตรงนี้ให้เกิดประโยชน์กับเราได้ เราก็อาจจะไม่ต่อ แต่ก็ยังทำงานกับอาร์สยามอยู่ค่ะ คือยังอยู่กับอาร์สยาม แต่ไม่มีสัญญาผูกมัดค่ะ”

ต่อจากนี้แฟนๆ เพลงจะได้ชมผลงานอยู่ไหม? “เรื่องทำเพลงคือแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว เพราะชีวิตนี้เกิดมาไม่เคยทำงานอะไรเลย มาเป็นนักร้องเลย ฉะนั้นจะไปทำอย่างอื่นเนี่ย คิดว่าน่าจะทำได้ไม่ดีเท่ากับเป็นนักร้อง (ยิ้ม) ฉะนั้นอาจจะวางแผนทำอะไรนิดหน่อย เผื่อถ้าเลิกร้องเพลงแล้วจะไปทำตรงนั้น แต่ตอนนี้ยังอยากร้องเพลงอยู่ แล้วก็จะร้องเพลงใหม่แน่นอนค่ะ ถ้าเกิดเป็นฟรีสไตล์แล้ว อาจจะไปฟีเจอริ่งกับคนอื่นมากขึ้น ก็มีการคุยกันแล้วกับนักร้องบางคน รุ่นเก่าๆ ที่เราคงยังนึกถึงอยู่ แต่ว่าขออุบไว้ก่อนค่ะ”

เดี๋ยวนี้โลกออนไลน์เปิดกว้าง ดารา ศิลปินเลือกที่จะไปเป็นอิสระกันเยอะ ส่วนตัวมีความคิดเห็นอย่างไร? “มันไม่เหมือนกัน 2 อย่างค่ะ การมีสังกัดคือเรามีความปลอดภัยมากกว่า อยู่ในเซฟโซน เราไม่ต้องปะทะกับอะไรเลย การรับเป็นพรีเซ็นเตอร์ก็จะมีคนติดต่อประสานงานให้ ผลประโยชน์ของเราก็จะได้ดีที่สุด ปลอดภัยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางกฎหมาย รวมถึงคอนเสิร์ตก็จะมีการสแกนให้ดีที่สุด การรับจ่ายเงิน สถานที่ ลิขสิทธิ์ อันนี้คือเซฟโซนของนักร้อง หรือ ดาราที่มีค่าย

ส่วนคนที่ไม่มีสังกัดแล้ว คือเอาความอิสระช่วยตัวเอง แต่ว่าก็ต้องอยู่ในดุลยพินิจที่ดีด้วย หมายถึงว่าเราเคยอยู่ในค่ายมา แล้วอยู่ๆ วันหนึ่งเราจะมีการตัดสินใจตรงนั้นด้วยตัวเอง ก็ต้องหาสถานที่ดีๆ ไม่พลาดเรื่องผลประโยชน์ของตัวเอง และความปลอดภัยเวลาไปไหนค่ะ มันแตกต่างกันแค่นั้นเอง”

ถ้าหากออกมาเป็นอิสระ พร้อมไหม? “จริงๆ แล้วเราจะทำอะไรคนเดียวเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ฉะนั้นทีมงานส่วนใหญ่ก็จะเป็นทีมงานเดิมๆ ที่ผูกพันกัน แม้ว่าจะออกมาแล้วนะ เขาก็พร้อมที่จะให้คำปรึกษา เราไม่กลัวตรงนั้นอยู่แล้วค่ะ”

ช่วงนี้แฟนคลับยังเหนียวแน่น? “ยังเหนียวแน่นกันเหมือนเดิม ใครที่อยากจะคุยเป็นการส่วนตัวก็แอดไลน์มาได้นะคะ @bigbiw เป็นไลน์ที่คุยกันกลุ่มใหญ่ ใครมีสินค้าอะไรที่จะมาขาย โพสต์ได้เลยค่ะ ไม่มีการลบ ตอบเองเลยค่ะ”

ตอนนี้คลายล็อกดาวน์แล้ว เริ่มมีงานเข้ามาไหม? “ตอนนี้มีติดต่อมาบ้าง แต่เป็นพวกไลฟ์สด เป็นงานโอท็อปให้เราไปไลฟ์สดกับเขาในแคมเปญต่างๆ แต่ว่ายังน้อยอยู่ เดือนละ 1-2 งานค่ะ เพราะมาตรการมันยังคุมเข้มอยู่ ทุกคนกลัวว่าจะติดโควิดก็ยังรับน้อยอยู่ อย่างตัวเราเองก็กลัวด้วยค่ะ”

อัพเดตผลงานช่วงนี้หน่อย? “ตอนนี้ถ้าใครอยากจะติดตามก็สามารถติดตามได้ทางแฟนเพจ บิว กัลยาณี อาร์สยาม แล้วก็เฟซบุ๊ก บิว กัลยาณี อาร์สยาม ไอจีก็เป็น biw_rsiam ค่ะ ติดตามชีวิตประจำวันได้ แม้ว่าจะห่างหายจากชุดนักร้อง แต่พอมีคลิปสั้นๆ ให้พอหายคิดถึงได้นะคะ

ส่วนใครที่เป็นห่วงว่าจะขายทุกอย่าง แล้วกลับไปอยู่สุราษฎร์ธานี ไม่ร้องเพลงแล้วหรือเปล่า บิวมองว่า บิวยังอยากจะร้องเพลงอยู่ค่ะ ถึงแม้ว่าตรงนี้จะไม่ไหวจะขายบ้าน ขายรถไปก็แล้ว แต่ถ้าวันหนึ่งสถานการณ์มันดีขึ้นก็จะกลับมาอยู่กรุงเทพฯอีก เพราะว่าตรงนี้เป็นศูนย์รวมที่เราจะไปหาแฟนเพลงได้ง่ายสุด ทำงานได้ง่ายสุด ไม่ต้องห่วงว่าจะเลิกร้องเพลงไปแน่นอน”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน